วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 15:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 125 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2010, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




guan-im38.jpg
guan-im38.jpg [ 25.03 KiB | เปิดดู 4564 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:

tongue
กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง
สติเป็นเครื่องกั้นกระแสในโลก
สติเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย
กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยปัญญา

ผู้ที่ไหลไปตามกระแส เพราะไม่เห็นธรรมอันเป็นเครื่องเปิดจิต
ย่อมถูกกระแสในโลกท่วมทับ ผู้นั้นไม่มีสติ
ย่อมเกิดความเสน่หาบ้าง ย่อมเกิดความริษยาบ้าง
ย่อมเกิดการแย่งชิง ปล้นฆ่าบ้าง ย่อมประพฤติเป็นชู้บ้าง

ขณะที่เขาผู้นั้นประกอบกายทุจริต วจีทุจริต
เขาผู้นั้น รู้สึกตัวกระทำก็มี ไม่รู้สึกตัวกระทำก็มี
ต่างก็เป็นอาการของผู้ไม่มีสติทั้งนั้น


จิตที่เป็นกุศล มโนกรรมเป็นกุศล
มีสติเป็นเครื่องระลึกในกุศล ไม่ประมาทในกุศล
สติย่อมเป็นเครื่องกั้นกระแสในโลกได้

ดังนั้นสติจึงเป็นธรรมที่เกิดร่วมเกิดพร้อมกับจิตที่เป็นกุศลเท่านั้น

มีหน้าที่ระลึก ทรงไว้ถึงความไม่ประมาทในกุศลธรรม

บุคคลผู้มีสติพละมาก ก็กั้นกระแสกิเลสตัณหาได้แข็งขันแข็งแรงกว่าผู้มีสติพละน้อย

ผู้ที่จะถึงความระึลึกได้ในกุศล ตั้งมั่นไม่เผลอเรอ มีกุศลธรรมเป็นเครื่องทรงในจิต
จิตนั้นต้องเป็นจิตที่มีปัญญาเิกิดร่วมเกิดพร้อม ซึ่งมีเครื่องอบรมคือสัมมาทิฏฐิ

เมื่อจิตนั้นประกอบด้วยปัญญา ย่อมมีความไม่ประมาทอันเป็นสติ รักษาใจ
ความมีปัญญามาก สติพละก็ย่อมเข็มแข็งตามกำลังของปัญญา


ธรรมใดมีหน้าที่รู้ชัด ธรรมใดมีหน้าทีรู้ปิด ธรรมนั้นคือปัญญา
ธรรมใดมีหน้าที่ทรงไว้ในความไม่ประมาท
ธรรมใดมีหน้าที่คอยระลึกให้จิตตั้งมั่นมีสมาธิในกุศลธรรมอยู่เสมอๆ ธรรมนั้นคือ สติ



แต่การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การปฏิบัติแยกส่วนว่า จะเจริญแต่สติล้วนๆ ก็ไม่ใช่ จะเจริญปัญญาล้วนๆ ก็ไม่ใช่
แท้ที่จริงแล้วการปฏิบัติธรรม ย่อมเป็นการเจริญมัคคภาวนา อันมีมรรคเป็นองค์ 8 เป็นมัคคสมังคี มีนิพพานเป็นอารมณ์ เพื่อออกจากกิเลสตัณหาอันเป็นกระแสในโลก.



รูปภาพ สาธุเจ้าค่ะ...สาธุ แสดงธรรมได้ดีค่ะ ชัดเจนค่ะ
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:



อนวฏฺฐิตจิตฺตสฺส
สทฺธมฺมํ อวิชานโต
ปริปฺลวปสาทสฺส
ปญฺญา น ปริปูรติ
อนวสฺสุตจิตฺตสฺส
อนนฺวาหตเจตโส
ปุญฺญปาปปหีนสฺส
นตฺถิ ชาครโต ภยํ.


:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:


ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์
แก่บุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
ไม่รู้แจ่มแจ้งซึ่งพระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสอันเลื่อนลอย

ภัยย่อมไม่มีแก่พระขีณาสพ
ผู้มีจิตอันราคะไม่รั่วรด
ผู้มีใจอันโทสะไม่ตามกระทบแล้ว
ผู้มีบุญและบาปอันละได้แล้ว ผู้ตื่นอยู่




รูปภาพ เจริญในธรรมค่ะ
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การปฏิบัติแยกส่วนว่า จะเจริญแต่สติล้วนๆ ก็ไม่ใช่ จะเจริญปัญญาล้วนๆ ก็ไม่ใช่
แท้ ที่จริงแล้วการปฏิบัติธรรม ย่อมเป็นการเจริญมัคคภาวนา อันมีมรรคเป็นองค์ 8 เป็นมัคคสมังคี มีนิพพานเป็นอารมณ์ เพื่อออกจากกิเลสตัณหาอันเป็นกระแสในโลก.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:37
โพสต์: 86

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

เรายังมองไม่เห็นความสวัสดีจักมีแก่สัตว์ทั้งหลาย
นอกจากปัญญาและความเพียร
นอกจากความสำรวมอินทรีย์และ
ความสละวางทุกสิ่งทุกอย่าง



(1)ภิกษุพึงเป็นผู้สำรวมจักษุ
ไม่พึงเป็นผู้โลเลเพราะเท้า
(2)พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌาณ
(3)พึงเป็นผู้ตื่นอยู่มาก
(4)พึงเป็นผู้ปารภอุเบกขา มีจิตตั่งมั่น

(5)พึงเข้าไปตัดความตรึกและตัดธรรมอันเป็นที่อาศัยแห่งความตรึกและความรำคาญ

.....................................................
....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา......


แก้ไขล่าสุดโดย โคตรภู เมื่อ 16 ม.ค. 2010, 18:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฌานอยากมีใจจะขาดแต่ไปไม่ถึง อยากได้ฌานขั้นนิโรธสมาบัติ ดับทุกข์แล้วมันดีหรือไม่ดีละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าวังทอง เขียน:
ฌานอยากมีใจจะขาดแต่ไปไม่ถึง อยากได้ฌานขั้นนิโรธสมาบัติ ดับทุกข์แล้วมันดีหรือไม่ดีละ


นิโรธสมาบัติหรือสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเป็นความดับแห่งนามขันธ์ 4 ครับ
นิโรธสมาบัติ เป็นสมาบัติ แต่ไม่ใช่ฌาน
ฌานหรือฌานสมาบัติคือชนิดของจิตครับ
แต่นิโรธสมาบัติเป็นการดับจิตตสังขารครับ


สมาบัติมี 3
1.ฌานสมาบัติ 8
....ชนิดของจิต
2.ผลสมาบัติ 4......ชนิดของจิต
3.สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า นิโรธสมาบัติครับ....ความดับจิตตสังขารครับ



เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 23 ม.ค. 2010, 14:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 09:56
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันนี้ผมอ่านมาเว็บพลังจิตครับเห็นว่าดีเลยนำมาให้อ่านกันครับเกี่ยวกับเรื่อง ฌาน
เขียนโดยคุณ Xorce


การติดฌาณ

การติดฌาณ เกิดจากสังโยชน์ข้อ 6.รูปราคะ กับ7.อรูปราคะ
การติดฌาณก็คือ การที่คิดว่า ฌาณ 4 อรูปฌาณ 4 คือพระนิพพาน คือที่สุดแห่งทุกข์แล้ว
พอเข้าฌาณ หรือ อรูปฌาณได้ มันว่างเวิ้งว้างว่างเปล่า ก็หลงว่าเป็นพระนิพพาน
หากเราได้ฌาณก็ดี อรูปฌาณก็ดี คล่องแคล่ว เข้าออกได้ดั่งใจ
แต่เรามองว่าเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่จุดหมาย เราก็จะไม่ติดในมัน
เหมือนเรานั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านของเรา เราก็คิดว่ารถไฟฟ้าเป็นเครื่องมือ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เรากลับถึงบ้าน
แต่เราก็ไม่ได้ติดรถไฟฟ้า ใช่ว่าเราจะไปยึดเอารถไฟฟ้ามาเป็นบ้านเรา
พอเราถึงบ้านของเราแล้ว รถไฟฟ้าเราก็ไม่เอา เราก็ไม่แบกรถไฟฟ้ากลับมาบ้านด้วย
คราวนี้ลองคิดว่า มีบางคนที่อื่นนะครับ บอกว่าเราไม่ใช้รถไฟฟ้า เพราะกลัวติดรถไฟฟ้า
ก็เลยเดินกลับบ้าน ใครจะถึงบ้านเร็วกว่ากันครับ
แน่นอนคนที่ได้รูปฌาณ อรูปฌาณ ย่อมมาถึงบ้านพระนิพพาน ได้เร็วกว่าหลายเท่านัก
จริงๆแล้ว หากไม่ใช้ฌาณ เข้าช่วย จะไปไม่ถึงพระนิพพานเลย

กับเรามองอีกมุมนึงว่า เราติดฌาณให้ตายยังไง ก็ยังดีกว่าคนที่ไม่ได้ฌาณ หรือคนที่ติดสิ่งที่แย่กว่าฌาณ
สิ่งที่มีคุณธรรมต่ำกว่าฌาณได้แก่อะไรบ้าง อกุศล ความชั่วทุกรูปแบบ กามคุณ5 กามราคะ ความพอใจในกามคุณ ความเป็นมนุษย์ ความเป็นเทวดา
เรายังติดสิ่งเหล่านี้อยู่ไหม ถ้าเราเลิกติดสิ่งเหล่านี้ได้เมื่อไหร่ ค่อยมาเลิกติดฌาณเมื่อนั้น

ติดฌาณ อย่างแย่สุดเกิดเป็นพรหม ถ้าไม่ติดฌาณ แย่สุดอาจจะเกิดในอบายภูมิได้
แล้วผู้ที่ละสังโยชน์ข้อ 6 กับ7 ได้จริงๆ ก็คือพระอรหันต์
ผู้ที่บอกว่า ไม่ติดฌาณได้โดยสมบูรณ์จริงๆ ก็ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น
แล้วไม่ติดฌาณเพราะ อะไร ก็เพราะได้อารมณ์พระนิพพาน หันมาพอใจอารมณ์พระนิพพานแทน
ติดความเป็นมนุษย์ดีกว่า ติดในอบายภูมิ
ติดในความเป็นเทวดาดีกว่า ติดในความเป็นมนุษย์
ติดในความเป็นพรหมดีกว่า ติดในความเป็นเทวดา
ไม่ติดอะไรเลย พอใจในอารมณ์พระนิพพานเพียงจุดเดียว ดีกว่าติดความเป็นพรหม
ดังนั้นจนกว่าเราจะได้อารมณ์พระนิพพาน ควรจะยึดฌาณเอาไว้เป็นเครื่องมือ
อย่าไปกลัวติดฌาณ เพราะตราบใดที่เรายังไม่ได้อารมณ์พระนิพพาน การติดฌาณก็ย่อมดีกว่าติดอย่างอื่น
เพราะแย่สุดก็เป็นพรหม ไม่ต่ำกว่านั้น
แต่ถ้ายังไม่ได้อารมณ์พระนิพพาน ติดฌาณก็ไม่ติด ติดเป็นเทวดาก็ไม่ติด ติดความเป็นมนุษย์ก็ไม่ติด คราวนี้สุ่มเกิดในอบายภูมิ ตามบุญตามกรรมเลย

เรามองรถไฟฟ้าเป็นเพียงพาหนะ ไม่เอามันกลับมาบ้านด้วยฉันใด
เราก็มองฌาณเป็นเพียงเครื่องมือ เป็นพาหนะ ไม่เอามันไปพระนิพพานด้วยฉันนั้น
แต่ถ้ามันยังไม่ถึงบ้านฉันใด ก็ต้องใช้มันต่อไป เพราะถ้าเลิกใช้แล้วมันจะไปไม่ถึงพระนิพพานเอาได้

ถ้าเราไม่หลงฌาณขนาดว่า ฌาณนี่สุดยอดคือพระนิพพาน หรือเข้าฌาณได้นี่คือบรรลุธรรมแล้ว
ก็ควรติดมันไปจนกว่าจะเป็นพระอรหันต์นั่นแหละครับ

.....................................................
สิ่งซึ่ง เกิดมาจาก สิ่งอื่น ซึ่งไม่เที่ยงถาวร
และ ทั้งอาการที่สืบต่อกันมา ก็ไม่ถาวรแล้ว
สิ่งนั้นจะ เที่ยงถาวร อย่างไรได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
สวัสดีครับท่านหลับอยู่

อานิสงส์ ติดสุขในฌาน
ติดสุขในฌานย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มากครับ

ผู้ใดกล่าวว่า การติดสุขในฌานไม่มีผลไม่มีอานิสงส์ ย่อมเป็นการบัญญัติอธรรมขึ้นมาแสดงเอง
เพราะไปหลงเชื่อตามคัมภีร์ที่แต่งขึ้นมาในชั้นหลัง

Quote Tipitaka:
[๑๑๔] ดูกรจุนทะ ก็เป็นฐานะที่จะมีได้แล คือการที่พวกปริพาชก
อัญญเดียรถีย์พึงกล่าวอย่างนี้ว่า พวกสมณศากยบุตรเป็นผู้ขวนขวายในการประกอบ
ตนให้ติดเนื่องในความสุขอยู่ ดังนี้


:b8: ย้อนกลับไปอ่านหน้า 1 เองนะ Onion_L


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 27 ม.ค. 2010, 11:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




guan-im62.jpg
guan-im62.jpg [ 18.79 KiB | เปิดดู 4416 ครั้ง ]
รูปภาพ :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48:


ฌาน สิ่งที่ควรจะข้ามไปหรือ


อนึ่ง เหมือนอย่างว่า เนื้อป่า เมื่อเที่ยวไปตามป่าใหญ่ ย่อมวางใจ เดิน ยืน นั่ง นอน
เพราะไม่ได้ประสบพรานป่า ฉันใด
ภิกษุก็ฉันนั้น สงัดจากกาม จากอกุศลธรรม
ย่อมบรรลุปฐมฌาน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
ภิกษุนี้เรียกว่า ได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ

ภิกษุบรรลุ ทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น
เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่
ภิกษุนี้เรียกว่า ได้กระทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง
ภิกษุเป็นผู้มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป

บรรลุ ตติยฌาน
ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข
ภิกษุนี้เรียกว่า ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ

ภิกษุบรรลุ จตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์
และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
ภิกษุนี้เรียกว่าได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ

ภิกษุได้บรรลุ อากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อากาศหาที่สุดมิได้

เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา ดับปฏิฆสัญญาไม่มนสิการนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวงอยู่
ภิกษุนี้เรียกว่า ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากาสานัญจายตนฌาน เสียโดยประการทั้งปวง
ได้
บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ อยู่
ภิกษุนี้เรียกว่าได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วง วิญญาณัญจายตนฌาน เสียโดยประการทั้งปวง

ได้บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อะไรหน่อยหนึ่งไม่มีอยู่

ภิกษุนี้เรียกว่าได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วง อากิญจัญญายตนฌาน เสียโดยประการทั้งปวง

ได้บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
อยู่
ภิกษุนี้ เรียกว่าได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วง เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เสียโดยประการทั้งปวง

ได้บรรลุ สัญญาเวทยิตนิโรธ
อยู่ ก็แลเพราะเห็นด้วยปัญญา เธอย่อมมีอาสวะสิ้นไป
ภิกษุนี้เรียกว่า ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายจักษุของมารไม่ให้เห็นร่องรอย
ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม
เป็นผู้ข้ามพ้นตัณหาอันข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆ ในโลกเสียได้
ย่อม วางใจ เดิน ยืน นั่ง นอน เพราะไม่ได้ประสบมารผู้มีบาปธรรม.


:b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48: :b41: :b41: :b48:




รูปภาพ เจริญในธรรมค่ะ
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ฌาณ น่ากลัวหรือ?

พระพุทธองค์ทรงห้ามภิกษุทำฌาณหรือไม่หนอ พระสารีบุตร พระโมคลา พระกัสสปฯ ได้ฌาณหรือไม่หนอ ผู้ได้ฌาณแล้วเจริญสติปัฎฐานได้หรือไม่หนอ ผู้ไม่ได้ฌาณเจริญสติปัฏฐานได้หรือไม่หนอ
ถ้าดูที่เป้าหมายของศาสนาพุทธ ก็คือนิพพาน ใครจะได้เร็วได้ช้าก็ดูที่ วิริยะ ศัทธรา ปัญญา สมาธิ สติ
ใครบ่มได้เต็มที่ก่อนก็ได้ก่อน ถ้ามองที่ฌาณ ก็ต้องเกี่ยวเนื่องกับสมาธิโดยตรง โดยมีสติกำกับในเบื้องต้น ดังนั้นมันก็อยู่ที่ว่าสมาธิระดับไหนควรสำหรับสติปัฎฐาน ผมก็เห็นว่าต้องเป็นระดับที่สติยังดีอยู่ และเกิดปัญญาแหลมคม เพราะสิ่งที่ทำให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้แล้วได้เลยไม่มีเสื่อม ก็คือตัวปัญญาโลกุตรตัวเดียวเท่านั้นถ้าได้แล้วก็เป็นอันสิ้นสุดภาระกิจทั้งปวง จะได้้ฌาณไม่ได้ฌาณก็ไม่สนแล้ว

ถ้าผู้ได้ฌาณแล้วใช้ฌาณเป็นบาทฐานทำให้เกิดโลกุตรปัญญา ก็ไม่เห็นว่าฌาณมีโทษอะไร แต่ถ้าผู้ได้ฌาณแล้วใช้ฌาณไปในกิจอื่นไม่ได้มุ่งเน้นให้เกิดโลกุตรปัญญา บางท่านก็ว่าฌาณเป็นโทษ โดยส่วนตัวผมเห็นว่าขึ้นอยู่กับผู้ใช้มากกว่า ว่าจะใช้ทำอะไร ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งนั้นก็คือว่าผู้ที่ไม่ได้ฌาณทั้งหลายมักออกมาประกาศว่าให้ระวังติดฌาณ จะมีผู้ใดบ้างไหมหนอที่ได้ฌาณจริงหรือผู้ทรงพระอภิธรรมเชี่ยวชาญหาหลักฐานมาว่าฌาณนั้นไม่ดีประการใด



เจริญธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 01:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาสมาธิไม่มี optionsไม่ครบ มรรคมีองค์8 Onion_R
shocked


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 29 ม.ค. 2010, 01:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2010, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




05.jpg
05.jpg [ 86.61 KiB | เปิดดู 4376 ครั้ง ]
“สุขในฌานอะไรจะไปสู้ ในภพนี่ไม่มีสุขเท่าถึงดอก
สุขในฌานนะ…สุขลืมสมบัตินั่นแหละ
สมบัติกษัตริย์ก็ไม่อยากได้ สุขในฌานนะ สุขนักหนาทีเดียว เต็มส่วนความสุขก็หนึ่ง
เฉยวิเวกวังเวงเปลี่ยวเปล่า เรามาคนเดียว ไปคนเดียวหมดทั้งสากลโลก
คนทั้งหลายไปคนเดียวทั้งนั้น ไม่มีคู่สองเลย
จะเห็นว่าลูกสักคนหนึ่งก็ไม่มี สามีสักคนหนึ่งก็ไม่มี ภรรยาสักคนหนึ่งไม่มี
ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเกิด เป็นอย่างนี้ ปล่อยหมด
ไม่ว่าอะไรไม่ยึดถือทีเดียว เรือกสวนไร่นา ตึกร้านบ้านช่องก่อนเราเกิดเขาก็มีอยู่อย่างนี้
หญิงชายเขาก็มีกันอยู่อย่างนี้ เราเกิดแล้วก็มีอยู่อย่างนี้ เราตายไปแล้วมันก็มีอยู่อย่างนี้
เห็นดิ่งลงไปทีเดียว เข้าปฐมฌานเข้าไปแล้ว เห็นดิ่งลงไปเช่นนี้ฯ”

:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44:
“การปฏิบัติ…ไม่หยุดไม่ถึงพระ…ตัวหยุดนี่แหละเป็นตัวสำเร็จ”


:b42: :b42: :b42:
:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 05 ก.พ. 2010, 20:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


push


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 12:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




thBuddhaBlink.gif
thBuddhaBlink.gif [ 10.1 KiB | เปิดดู 4333 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8: ขอบคุณทุกความรู้ค่ะ

:b16: :b16: ช่างรู้ใจ push มา ขอบคุณค่ะ.. :b8:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต



กามเหสสูตรที่ ๒
[๒๔๘] อุ. ดูกรอาวุโส พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บุคคลหลุดพ้นด้วย
ปัญญาๆ ดังนี้ ดูกรอาวุโส โดยปริยายเพียงเท่าไรหนอแล พระผู้มีพระภาคตรัส
บุคคลหลุดพ้นด้วยปัญญา ฯ
อา. ดูกรอาวุโส ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน
และเธอย่อมทราบชัดด้วยปัญญา ดูกรอาวุโส โดยปริยายแม้เพียงเท่านี้แล
พระผู้มีพระภาคตรัสบุคคลหลุดพ้นด้วยปัญญา ฯลฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุ เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดย
ประการทั้งปวง บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ อาสวะทั้งหลายของเธอย่อมสิ้นไป
เพราะเห็นด้วยปัญญา และเธอย่อมทราบชัดด้วยปัญญา ดูกรอาวุโส โดยนิปปริยาย
แม้เพียงเท่านี้แล พระผู้มีพระภาคตรัสบุคคลหลุดพ้นด้วยปัญญา ฯ
จบสูตรที่ ๓
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๙๖๒๔ - ๙๖๓๕. หน้าที่ ๔๑๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=23&i=248
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2011, 04:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




Y4346389-4.jpg
Y4346389-4.jpg [ 36.55 KiB | เปิดดู 4246 ครั้ง ]
Quote Tipitaka:
[๑๘๓] ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ
ปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต
ในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิด
แต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุ
ตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข บรรลุ
จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขา
เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ฌานทั้งสี่นี้เรากล่าวว่า ความสุขเกิดแต่ความออกจากกาม ความสุข
เกิดแต่ความสงัด ความสุขเกิดแต่ความสงบ ความสุขเกิดแต่ความสัมโพธิ อันบุคคลควรเสพ
ควรให้เกิดมี ควรทำให้มาก ไม่ควรกลัวแต่สุขนั้น ดังนี้.

:b44: :b44: :b44:
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ บรรทัดที่ ๓๒๕๓ - ๓๕๐๗. หน้าที่ ๑๔๑ - ๑๕๑.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 125 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร