เมื่อครั้งพุทธกาล มีอยู่วันหนึ่งพระพุทธบิดาทรงหยิบใบไม้จำนวนหนึ่งมากำไว้ในพระหัตถ์แล้วทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า

"อานนท์ ใบไม้ในกำมือของเราตถาคตก้บใบไม้ในป่านี้ อันไหนจะมากกว่ากัน"

พระอานนท์ตอบว่า "ใบไม้ในป่าย่อมมากกว่าพระเจ้าข้า"

พระบรมศาสดาจึงทรงตรัสว่า "ธรรมที่เรานำมาสอนนั้น เทียบได้เพียงแค่ใบไม้ในกำมือเราตถา่คตขณะนี้ แต่ธรรมมะนั้นมีมากมายดุจใบไม้ในป่าทั้งหมด

เพราะฉะนั้น ธรรมมะหรือธรรมชาติต่างๆ ทีี่เกิดขึ้นรอบตัวมนุษย์ในยุคปัจจุบัน มีอยู่อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ปรากฏมีในครั้งพุทธกาล

การนำสิ่งใหม่ๆในยุคนี้มาอธิบายให้เป็นไปตามหลักธรรมที่พระบรมศาสดาทรงแสดงไว้ จึงเป็นเมตตาของครูบาอาจารย์และมหากัลยาณมิตรทั้งหลาย

หลักธรรม หัวใจและประเด็นคำสอน ของพระบรมศาสดาจึงเป็นสิ่งที่ควรจะค้นให้พบ จับประเด็นให้ได้ถูกต้อง แม่นยำ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของคนในยุคสมัยปัจจุบัน มิใช่การท่องจำ จดจำแต่ข้อความในพระสูตรไว้มากมาย โดยจับประเด็น แก่น สาระ หัวใจ ของคำสอนไม่ได้

อย่ากอดตำราท่าเพลงกระบี่ไปรบศึกในสนามจริง

จงฝึกหัดร่ายรำ พร่ำซ้อมท่าเพลงกระบี่ พลิกแพลงใช้จนเก่ง เข้าสู่สนามรบจริงบ่อยๆครั้ง จนท่าเพลงกระบี่อยู่ที่ใจ จะฟาดฟันออกไปครั้งใดทีใดก็ล้วนแต่เป็นท่าเพลงกระบี่ที่ถูกต้องเฉียบคมไปหมด

กระบี่อยู่ที่ใจ จึงจะได้ชื่อว่าเซียนกระบี่ เอาชีวิตรอดในสมรภูมิรบกับกิเลส ตัณหา อัตตา ได้

เนื่องในโอกาสแห่งวิสาขะปุณมีกาล อันเป็นวารและโอกาสแห่งการบรรลุธรรม

ขอบรรดาเหล่าชาวพุทธทั้งปวงได้ตั้งใจกระทำปฏิบัติบูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

จนเกิดดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงธรรม เข้าถึงมรรค ผล นิพพาน เนื่องในโอกาสอันวิเศษ (26 - 29 พค.53)นี้

ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เทอญ

เพราะละอัตตาได้ จึงรู้จักอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน)

เมื่อรู้จักอนัตตาดีพอแล้ว จึงเข้าใกล้พระนิพพาน

ละอัตตา หรืออุปาทานขันธ์ 5 ได้อริยะผล

อนัตตา ละไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็น สัจจะธรรมแห่งลักษณะ ว่า อนัตตา

ชาติสยาม
ละอัตตา หรืออุปาทานขันธ์ 5 ได้อริยะผล

อนัตตา ละไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็น สัจจะธรรมแห่งลักษณะ ว่า อนัตตา

อนัตตาธรรม

เพิ่มบัญญัติเข้าไปอีกนิดหนึ่งโดยเขียนใหม่ว่า

ละความเห็นผิดว่าเป็น อัตตา เกิดความเห็นถูกต้องว่า ธรรมทั้งปวงเป็น อนัตตา

หมดความเห็น [/color[color=#000080]]ว่าเป็น อัตตา หรือ อนัตตา ได้ นิพพาน ดังนี้

ละความเห็นผิดว่าเป็นอัตตา เกิดความเห็นถูกต้องว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
เพราะแม้แต่อัตตาเอง ก็เป็นอนัตตา

อัตตา กับอนัตตา เป็นธรรมที่คู่กัน อยู่คนละฟาก คนละข้าง อุปมาคล้าย ด้าน หัว และ ก้อย ของเหรียญ

การมองเหรียญด้าน ก้อย แล้วอธิบายลักษณะของเหรียญตามรูปก้อย หรือมองด้าน หัว แล้วอธิบายลักษณะของเหรียญตามรูปหัว เป็นการอธิบายลักษณะของเหรียญไม่ครบถ้วน เพราะอธิบายจากมุมมองเดียว

การอธิบายลักษณะของเหรียญ สมมุติว่าเหรียญ 1 บาท จะให้สมบูรณ์ต้องอธิบายโดยบอกลักษณะของเหรียญให้ครบทั้งด้านหน้า ด้านหลัง หรือแม้กระทั้งสันของเหรียญโดยรอบ จึงจะได้ภาพรวมลักษณะของเหรียญบาท

ง่ายที่สุดที่จะให้รู้จักเหรียญบาทโดยไม่ต้องอธิบาย คือยื่นเหรียญบาทให้คนที่ไม่เคยเห็นได้หยิบดู เขาจะเข้าใจ รู้ที่ใจของเจ้าของทันทีถึงลักษณะของเหรียญบาท

การอธิบายจากมุมมองของ อัตตา และอนัตตา ก็เช่นกัน เป็นการชี้ให้มองความจริงจนเกิดเห็นภาพรวมของความจริงนั้น

นิพพานจึงอยู่ระหว่างกลางความเห็นเป็นอัตตาและอนัตตา

เราเคยชินและทำอยู่เป็นอาจิณกับการมองโลก กาย ใจ ในมุมของ อัตตา

วันใด เมื่อใดที่รู้จักเปลี่ยนไปมองโลก กาย ใจ ในมุมของ อนัตตา ในที่สุดเมื่อความเห็นอนัตตามีน้ำหนักเทียมเท่ากับอัตตา ความสมดุลย์ในจิตจะเกิดขึ้น แล้ว สภาวะนิพพานก็จักปรากฏขึ้นในจิตของผู้ปฏิบัติ โดยธรรม

อนัตตาธรรมกลับมาแล้วครับ หลังจากไปรายงานตัวต่อพยามัจจุราช ๆ ท่านมีเมตตาบอกว่าให้กลับไปช่วยงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่ออีกสักหลายๆปี จึงจะเรียกตัวอีกครั้งหนึ่ง จึงได้กลับมาพบปะกับกัลยาณมิตร สหายในธรรมทั้งหลาย

มาอนัตตากันต่อไปนะครับ

อนัตตา เป็นสุดยอดแห่งธรรมและคำบริกรรม ใครพิจารณาเห็นจริงจนใจยอมรับ ความสุข มรรค ผล นิพพาน จักเกิดตามมาทันที

วิธีภาวนา อนัตตา มี 4 ขั้นตอน

1.บริกรรม อนัตตา ตามลมหายใจเข้าออก จนชำนาญและขึ้นใจ (ขั้นชำระนิวรณ์ 5 )

2. บริกรรม อนัตตา ให้ทันปัจจุบันอารมณ์ เช่นเสียง เป็นปัจจุบัน จิตรู้ที่เสียงแล้วบริกรรม อนัตตา ตามทันที อารมณ์ใหม่เกิดขึ้นเช่น เจ็บ จิตรู้ที่เจ็บ บริกรรม อนัตตา ตามทันที คิด นึก จิตรู้ที่ คิด นึก บริกรรม อนัตตา ตามทันที (ขั้นฝึกสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์)

3.บริกรรม อนัตตา ให้ทันปัจจุบันอารมณ์แล้ว สังเกต พิจารณาอารมณ์ปัจจุบันนั้นๆ โดยมีจุดมุ่งหมายของการพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นอนัตตา หรือความบังคับไม่ได้ของอารมณ์นั้นๆ จนใจยอมรับความจริง
(ขั้น พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นอนัตตาของอารมณ์)

4. ทิ้งคำบริกรรม นั่งเฉยๆ ตั้งสติ ปัญญาขึ้นมาเฝ้าดู เฝ้าสังเกตพิจารณาปัจจุบันอารมณ์ ให้เห็น เข้าใจ ยอมรับความบังคับไม่ได้ หรือความเป็นอนัตตา ของปัจจุบันอารมณ์นั้นๆ สะสมความเข้าใจและยอมรับความบังคับไม่ได้ หรือความเป็นอนัตตา ของปัจจุบันอารมณ์ไว้ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

เมื่อใจยอมรับอนัตตาจนถึงที่อันสมควรแล้ว ความสุข มรรคญาณ ผลญาณ จักเกิดขึ้นตามมาเป็นผลด้วยตัวของเขาเองโดยอัตโนมัติ

แม่แบบสำคัญที่จะช่วยให้เราเห็น เข้่าใจ จนจิตยอมรับ อนัตตา คือ ลมหายใจ เข้า - ออก ของเราทุกคน

ถ้า สงสัยวิธีการปฏิบัติ ให้กลับมาลองฝึกหัด สังเกต พิจารณาลมหายใจของตนเองให้ดี เราจะได้พบ รู้จัก เข้าใจ และยอมรับ ความเป็น อนัตตา ได้จากแบบฝึกหัดตัวอย่าง หรือตันแบบอันสำคัญนี้ หลังจากนั้นก็นำความรู้ความเข้าใจที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับ อารมณ์ ความรู้สึก สัมผัส ความนึกคิดต่างๆ ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน

การ ฝึกหัดภาวนาอนัตตาทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ให้ฝึกหัดไปทีละขั้นตอน จนชำนาญ แล้วจักเกิดผลดีแก่ชีวิต จิตใจ เข้าถึงธรรมได้โดยง่ายและลัดสั้น ขอให้พากันเกิดดวงตาเห็นธรรมเห็นอนัตตา เข้าถึงธรรม เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน กัน ทันปิดประตูอบายได้ในชาตินี้ ทุกท่านทุกคนเทอญ

อัตตา และอนัตตา ไม่มีความข้องเกี่ยวกันเลย และไม่ได้อยู่กันคนละฟาก
อัตตา แสดงถึงทิฏฐิต่างๆ ที่เข้าไปยึดไปถือ
อนัตตา แสดงถึงสัจจะ หรือสภาพตามเป็นจริง ของธรรมทั้งปวง
เพราะแม้แต่อัตตา ก็ยังเป็นอนัตตา ^ ^


การเข้าถึงนิพพาน เพราะความสิ้นไปแห่งอัตตา นิพพานจึงไม่อยู่ในระหว่างอัตตาและอนัตตา
แต่นิพพานก็เป็นอนัตตา



นิพพานไม่ปรากฏในจิตในใจของผู้ปฏิบัติหรอก แต่จิตที่ทำนิพพานให้แจ้ง ก็จะบรรลุนิพพานเอง ^ ^

ก็นึกถึงท่านอนัตตาธรรมอยู่
เคยมีคนกล่าวว่า ท่านอนัตตา กะ ท่านอโศกะ เป็นท่านเดียวกัน
ท่านอนัตตา ช่วยตอบได้รึเปล่าคะ
เพราะ เอกอนก็เคยรู้จักและทักทายท่านอโศกะอยู่
และก็ คิดถึงท่านอโศกะ อยู่...

คิดฮอดและระลึกถึงคุณเอรากอนและอีกหลายๆท่านเสมอ

คุณอโศกะ เขาเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคการเข้าสู่ลานธรรมจักร จนเข้ามาในลานนี้ไม่ได้แล้ว จึงส่งอนัตตาธรรมมาแทนนะครับ เป็นขันธ์ 5 ก้อนเดียวกัน แนวคิด อุดมการณ์ ปฏิปทาเดียวกัน แต่ใช้สมมุติบัญญัติ ต่างกันเท่านั้นเองครับ

อยากพบคุณอโศกะก็ ให้กูเกิ้ลเขาค้นหรือตามหาให้นะครับยังเจอตัวได้อยู่ครับ

ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง สู่ชาวโลกกันต่อไปนะครับ เพราะ ปัจจุบันนี้มีชาวพุทธเทียมเยอะ ขึ้น ขณะที่ชาวพุทธแท้ ลดน้อยถอยลงไปทุกวัน จากทวีปเอเซีย กำลังไปเกิดใหม่ทางยุโรป อเมริกา เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามคำทำนายที่ว่า เอเซียจะเป็นโลกมืดทางพุทธะไป 200 ปี แล้วไปสว่างทางยุโรป อเมริกา

เปิดมุมมองเป็นเรื่องชวนให้คุยต่อไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ