วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2014, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนเช้า ได้นั่งกำหนดไปเรื่อยๆ ก็สังเกตุจิตไปเรื่อยๆ แล้วพิจารณาถึงความแตกต่างเมื่อจิตจับที่ธรรมต่างๆ

มีความรู้สึกว่า เมื่อจิตจับที่กายแล้ว ก็ต้องตามดูจิตว่าจับอะไรอยู่ ถ้าจับที่กายส่วนที่เป็นความแข็งอ่อนหรือธาตุดินแล้ว การปรากฎสภาวะของจิตจะเป็นจุดเดียว ไม่แผ่ออกรอบๆ คือถ้าจิตจับอยู่ที่ฝ่ามือ ก็จะรู้ถึงสภาวะที่เป็นตรงฝ่ามือที่เดียว ถ้าจิตนิ่งมากๆ หรือสมาธิสงบมากๆ จะสามารถแยกเล็กลงไปอีกว่านี่ฝ่ามือนี่นิ้วมือ คือไม่ใช่ว่าจะเพ่งให้เห็นนิ้วมือ แต่แค่เข้าไปรู้สภาวะของจิตในสภาวะที่กำหนดรู้ธาตุดิน (กาย)

บางคนอาจจะตั้งคำถามหรือปล่าวไม่ทราบว่า ผมไปเอาข้อความมาจากหนังสือหรือที่อื่นหรือปล่าวนั้น ก็อยากอธิบายว่า ไม่เคยไปเอามาจากหนังสือหรือที่อื่นครับ ผมจะพิจารณาของผมแล้วตั้งคำถามเอง หาคำตอบไปเรื่อยๆในกรอบของความเป็นขันธ์5 แล้วมาเทียบพระอภิธรรมอีกที ว่าอย่างนี้ควรเรียกสภาวะอะไร แบบไหน อย่างนี้เป็นต้นครับ

มาต่อเรื่องจิตครับ ทีนี้หากกำหนดรู้ต่อไป แล้วอยากกำหนดรู้ธรรมลักษณะอื่น เช่นธาตุไฟ หรืออุณหภูมิร่างกาย ทีนี้ลองสังเกตุจิต จะสังเกตุได้ว่าสภาวะธรรมเป็นลักษณะแผ่ซ่าน ไม่เป็นจุด คนที่กำหนดธาตุไฟอยู่แล้วประสงค์ที่จะเจาะลึกลงไปว่าธาตุไฟที่นิ้วมือเพียงอย่างเดียว ย่อมเป็นฐานะที่เป็นไปได้ยาก (ผมไม่ทราบว่าหากมีญาณที่หยั่งลึกแล้วเห็นนั้นอาจจะเป็นไปได้) แต่สำหรับผมนั้นยังทำไม่ได้ครับ บางคนบอกว่า หลับตาเห็นนิ้วมือแล้วบอกนี่ไงนิ้วมือ ก็เพราะจิตไปกำหนดรู้ธาตุดินเข้าก็เลยรู้สึกถึงความเป็นจุดเฉพาะว่านี่นิ้วมือ แต่ไม่ใช่รู้เพราะกำหนดรู้ธาตุไฟแน่นอน

ลองดูนะครับ นั่งสมาธิกำหนดรู้ธรรมเป็นเรื่องน่าสนใจมาก มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ผมเป็นคนชอบตั้งข้อสังเกตุ ตั้งคำถาม ก็จะค้นหาคำตอบไปเรื่อยๆ มาเล่าสู่กันฟัง อีกประสบการณ์จากคนธรรมดาคนหนึ่ง ให้พิจารณากันครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2014, 03:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมือ่วานได้สนทนากับพี่คนหนึ่ง เขาบอกว่า "ปอป" นั้นมีจริง

เขาดูยูทูปของพระอาจารย์เกษม (ไม่ทราบว่าเกษมไหนนะครับ ไม่เจาะจงลงไป) เอาเป็นว่าพี่พูดอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น

ปอบ มีลักษณะของการเหลือขันธ์แค่4ขันธ์ คือนามขันธ์เท่านั้น ไม่มีรูปขันธ์ จึงจำเป็นจะต้องเข้าสิงคนทั้งหลายเพื่อจะได้มีรูปขันธ์ พี่เขาพูดแบบนี้

แล้วทีนี จะสังเกตุว่าปอปวิ่งเป็นลอนๆตามแขนตามขา รู้สึกได้เป็นก้อนๆ นั่นแหละ ปอบ . พี่เขาพูดอย่างนี้

ปอบ จึงต้องอาศัยคนที่มีชีวิตอยู่เพราะมีรูปขันธ์ด้วย. พี่เขาพูดอย่างนี้

พี่คนนี้เคยบวชเณร และสนใจธรรมะอยู่พอสมควร

ผมก็เลยบอกพี่คนนี้ว่า ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ภูติผี มี4ขันธ์ ล่องลอยไปเพราะ4ขันธ์นี้ มีอยู่ในพระไตรปิฎกหรือพี่?

แล้วคำว่ารูปขันธ์ที่พี่บอก พี่ก็รู้อยู่ว่ารูปขันธ์นั้นประชุมกันของมหาภูติ4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ถ้าปอบเข้าสิงคน ผมถามพี่คนนี้ว่า ถ้าปอบเข้าสิงคนโดยอาศัยรูปแล้ว เข้าสิงทางธาตุไหน?

เข้าทางธาตุดิน? หรือธาตุน้ำ? หรือธาตุไฟ? หรือธาตุลม? พี่คนนี้ชงักไปนิดหนึ่ง แล้วตอบผมว่า เข้าทั้ง4 ธาตุเลยพร้อมกัน

ผมก็เลยซักต่อว่า. เอ้า ก็พี่บอกว่า ปอบวิ่งตามแขนขารู้สึกเป็นลอนๆ งั้นแสดงว่า ปอบเข้าทางธาตุดินสิพี่แบบนี้

ผมก็ซักต่อไปว่า ซากศพก็เป็นธาตุดิน ทำไมปอบไม่เข้าซากศพซะเลย?

พี่คนนี้บอกว่า เข้าศพไม่ได้ เพราะธาตุไม่ครบทั้ง4ธาตุ

เอ้า ผมซักพี่คนนี้ต่อ ทำไมจะไม่ครบ จับศพดูจะรู้ถึงร้อนเย็น อ่อนแข็ง เกาะกุม มีครบทั้ง4 ธาตุอยู่แล้ว?

พี่คนนี้โดนผมซักหนักก็เริ่มไม่แน่ใจ ศพเรียกเป็นกาย ไม่เรียกเป็นรูป เพราะศพมีรูปไม่ครบ28 คืออย่างไม่มีปราสาทรูป5 เป็นต้น มีแต่ความเป็นธาตุ4เหลืออยู่ให้เห็นและรู้สึก

บังเอิญพี่คนนี้รีบกลับบ้านเลยไม่ได้ซักต่อเพราะมีคนรอไปส่งบ้านอยู่ ก็เอามาให้อ่านพิจารณากันครับว่า ความเชื่อคนเรานั้น เชื่อแล้วเราเองก็ต้องพิจารณาด้วยว่าตามเหตุตามผลนั้น เราอิงเหตุผลแค่ไหนครับ

ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2014, 08:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:
แกอาจจะโชคดี...ที่มีคนมารอรับ..ก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2014, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ.สมภพเล่าเรื่องได้พบพ่อขาวจอมอภิญญา ธรรมบรรยายโดย โชติปัญโญภิกขุมหาเถระ

พระแท้แห่งเถรวาทไทย วัดไตรสิกขาทลามลตาราม อ.คำตากล้า จ. สกลนคร

http://www.youtube.com/watch?v=HYv76HorU2E


:b27: อนุโมทนาครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2014, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ครับ อนุโมทนาครับ
:b8: :b8: :b8:

โชคดีอย่างไรครับคุณกบ
:b9:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2014, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตมีพลัง หรือพลังจิต

บางท่านอาจจะสงสัยว่า พลังจิตหมายความว่าอย่างไร? ยกหินทั้งก้อนจากพื้นดินอย่างนั้นเหรอ? หรือทำให้ช้อนค่อยๆงออย่างนั้นเหรอ?

ไม่ใช่ครับ พลังจิตที่จะกล่าวต่อไปนี้คือ การที่จิตมีความแนบแน่น กำหนดรู้ชัด

เมื่อเช้า ผมก็นั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ปกติก็พอจะสังเกตุอยู่ว่า พลังจิต หรือสมาธินั้นจะเกื้อหนุนกัน พอนั่งไปสักพัก ทุกอย่างจะเริ่มเข้าสู่ความชัดเจน ตั้งแต่ลมหายใจ มือทับมือ อาการปวดตามแขนขา หรือสัญญาที่มองกระดูก ( สัญญาขันธ์)
จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากออกจากสมาธิ ร่างกายจะผ่อนคลายลงจากเวทนาทางกาย มันชัดไปหมด นอนท่าไหน ขาพาดไขว่กัน ชัดไปหมด จนแม้แต่มือที่นิ้วมือลูบกัน กำหนดเห็นลายนิ้วมือตนเองอย่างชัดเจน นี่คือผลของการรวบรวมสมาธิให้จิตแน่วแน่

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2014, 04:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


4 วันก่อน มีโอกาสได้ฟัง cd พระไตรปิฎกในหัวข้อ

อะไรเป็น "ยอด" แห่งกุศลธรรม?

รอยเท้าน้อยใหญ่ของสัตว์ทั้งหลาย ยังรวมลงในรอยเท้าช้าง

กุศลธรรมทั้งหลาย ก็ย่อมจะรวมตัวลงในยอดแห่งกุศลธรรมนั่นคือ "ความไม่ประมาท"

"ความไม่ประมาท" จึงเป็นยอดแห่งกุศลธรรม

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2014, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ ขอเสนอแนวการปฎิบัติในสภาวะที่ร่างกายกำลังอยู่ระหว่างการเคลื่อนไหว

องค์พระศาสดาก็ตรัสเสมอว่า เงยก็รู้ หันก็รู้ ยกก็รู้ จับก็รู้ คือทุกอย่างที่มือไม้จับนั่นจับนี้ก็เข้าไปรู้

เป็นการสร้างสติ เพราะต้องนำเอาสติมาใช้ในการกำหนดรู้

อย่างการกระทบ เช่นเท้ากระทบพื้นในตอนเดิน ผมก็จะเข้าไปสังเกตุให้รู้ ว่าเท้ากระทบพื้นแล้ว

เป็นการสร้างสติที่ส่งเสริมให้มองธรรมที่เกิดขึ้นในตนตามวัตถุประสงค์การปฎิบัติ

วันนี้มีความเห็นในเรื่องความแตกต่างระหว่างธรรม กับ ธรรมะ

ธรรมในความเห็นผมคือ การปรากฎขึ้นมาตามปัจจัย
ธรรมะในความเห็นผมคือ การเข้าไปทำความเข้าใจตามเหตุผลของการปรากฎขึ้นมาของธรรม

หน้าที่เราจึง เข้าไปรู้สภาวะธรรม และต้องทำความเข้าใจตามความจริงในสภาวะธรรมที่เกิดครับผม

ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2014, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้ฝึกสติแบบ ในสภาวะปัดความคิด คือคิดอะไรเพลินจะหักดิบ ไม่สานต่อความคิด หันมาตั้งสติกำหนดรู้ธรรม

ธรรมที่กำหนดรู้ตลอด จะทำให้เกิดความชำนาญ กำหนดรู้ปุ๊บ เข้าสู่สมาธิปั้บอะไรแบบนั้น

ช่วงอาทิตย์นี้จะสานต่อสู่สติปัฎฐานที่นำเอาอารมณ์ทางนิวรณ์มาเป็นข้อปฎิบัติ

ปรับให้เกิดความเพียรยิ่งขึ้นกว่าเก่า

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2014, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยก่อนที่จะเริ่มนั่งสมาธินั้น ผมเป็นคนที่ปวดหัวบ่อย พอเครียดๆก็จะปวดหัวขึ้นมาทันที

แต่หลังจากนั่งสมาธิ อาการปวดหัวหายไป นานๆ นานๆ กว่าจะมีอาการปวดหัวขึ้นมา

แม้กระทั่งในสภาวะที่วุ่นวายก็ตาม เรื่องสมาธิจึงกล่าวได้ว่ารักษาสมดุลของร่างกายได้ดีขึ้น

เมื่อคืนเหมือนว่าอาการปวดหัวจะกำเริบ คือหนึบๆขึ้นมา แต่ยังไม่ปวด สืบเนื่องมาจากนอนน้อยชั่วโมง3วันติดกัน

ก็สังเกตุว่าเราจะตามดูจิต เพราะการกำเริบย่อมนำจิตไปรู้ทุกข์โดยอัตโนมัต คือ สมมุติเราเผลอไปจับหูหม้อต้มโดยไม่ทันระวัง ไปโดนเอาความร้อนจัดเข้า จิตจะทำหน้าที่มารับรู้ทุกข์ทันที ไม่ว่าตอนนั้นคุณกำลังใจจดจ่อกับอะไรก็ตาม

ในลักษณะเดียวกัน อาการปวดที่รับรู้ก็เพราะผัสสะที่เกิด ผัสสะเกิดเพราะจิตไปรับรู้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้ศึกษาธรรมชาติของจิต คือตามดูจิตได้ แต่ต้องรวบรวมสมาธิ มีสติไปรับรู้ ก็เปลี่ยนจุดกำหนดรู้ ไปที่มือบ้าง แขนบ้าง ให้ผัสสะเกิดตามที่สติเกิด สักพัก อาการหนึบๆก็คลายตัวลง บางทีตอนเช้าๆนั่งสมาธิ พอหยุดเอนตัวลง แม้แต่ลายนิ้วมือตัวเองก็สามารถเอาจิตเข้าไปรับรู้ในรายละเอียดได้

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2014, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


หลายๆท่านคงจะคุ้นเคยกับกราฟ x-y-z ในวิชาคณิตศาสตร์นะครับ

ในการทำสมาธิหรือฝึกตนนั้น ต้องทำตัวให้ได้ทั้งศีล สมาธิ และปัญญา

อย่างเรานั่งสมาธิก็จริง เราก็ต้องหมั่นดูอารมณ์เราเองว่า เราขุ่นมัว แจ่มใส

เพราะเหตุอะไรทำไมถึงขุ่นมัว เพราะเหตุอะไรทำไมถึงแจ่มใส

อย่างเมื่อมีใจฝักใฝ่ในการนั่งสมาธิ ตอนนั่งสมาธิ ต้องทำจิตให้เป็นกุศลในธรรมที่กำหนดรู้อยู่ บางทีจิตไม่ได้ตั้งอยู่กับทุกขัง อนิจจัง อนัตตา จิตถอนออกมาเพราะอารมณ์คือนิวรณ์คลอบงำ ก็ต้องสลัดนิวรณ์ให้ใด้ทุกวิถีทาง

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2014, 23:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา การนั่งสมาธิได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับเรื่องของจิต

เมื่อใดที่จิตตั้งอยู่ที่ใด เมื่อนั้นผัสสะย่อมเกิด

จิต+อายตนะภายใน+อายตนะภายนอก=ผัสสะ

คำว่าจิตจึงหมายถึงการแล่นไปเหมือนลิง. ไม่อาจอยู่นิ่งได้

แต่ที่นิ่งคือสภาวะของจิตที่ทำให้เกิดการนิ่งสงบได้

คือไม่ว่าจิตจะแล่นไปที่ใด ย่อมเห็นความสงบของจิตได้ด้วยการพิจารณา

เช่นในความปวดขาเพราะผัสสะเกิดที่ขา ในความปวดขายังพบกับความสงบของจิต เพราะอาการปวดขาเป็นแค่สภาวะธรรม ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่จิตเองย่อมปรากฎเป็นสภาวะเสมอ คือผัสสะทำให้เกิดการปรุงแต่งอารมณ์. ปวดไป เบาแล้ว ว่างแล้ว มองไม่เห็นขาตัวเองแล้วเพราะสมาธิด่ำลึก อย่างนี้คือสภาวะของผัสสะที่ปรากฎ แต่จิตเองนั้น เป็นสภาวะแล่นไปทำให้เกิดการกระทบ(ผัสสะ)ตัวจิตไม่ได้ปวด ที่ปวดคืออารมณ์ปรุงแต่งจากผัสสะ

ก็รู้สึกถึงความหมายของจิตเพิ่มขึ้น

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2014, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันนี้ได้ตั้งใจปฎิบัติตนอย่างปกติทุกวันที่ทำอยู่

รู้สึกว่าการที่ปฎิบัตินั้นคือธรรมชาติที่แท้จริงของการดำเนินชีวิต

เราบังคับสัจธรรมไม่ได้เพราะสัจธรรมดำเนินไปตามหน้าที่

คือการแสดงสภาวะต่างๆนั่นแหละคือหน้าที่ของชีวิต

ตัวที่แสดงร้อนหนาวก็แสดงไป

ตัวแสดงการปฎิสนธิก็แสดงไป

เพราะความมีเหตุให้แสดง

นามรูปที่ปรากฎจึงต้องดำเนินไปตามหน้าที่

ตามกรรมและอาหาร

ขอเพียงเราเข้าใจในสภาวะต่างๆ

เหลือความสะสมบารมีให้เกิดความรู้แจ้ง

ต่อไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีปีใหม่2558ครับ
ขอให้ทุกคนมีอำนาจวาสนาครบถ้วนครับ

อำนาจใดจะเสมอเท่าอำนาจแห่งความเพียรเป็นไม่มี

ความเพียรที่เร่งทำกิจ กิจที่ย่อหย่อนก็ขอให้เริ่มกระทำ

กิจที่ทำอยู่แล้วขอให้รักษา

วาสนาใดจะเสมอเท่าวาสนาในการมองเห็นแนวทางดับทุกข์เป็นไม่มี

เปรียบเหมือนผู้มองทะเลตอนพระอาทิตย์ตกและถกเถียงกันเป็นศตวรรษว่า

พระอาทิตย์นั่นแหละเคลื่อนที่หมุนรอบโลก

คนที่เข้าถึงความจริงกว่าก็จะแย้งว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

ความจริงเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ย่อมขัดเกลาให้เราเป็นคนมีเหตุผล เห็นความจริงมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้เป็นผู้ไฝ่เรียนไฝ่ศึกษา

และน้อมเข้าหาธรรมเพื่อความดับทุกข์ได้อย่างหนุนกันง่ายขึ้น

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2015, 04:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนนั่งสมาธิ อากาศหนาวเย็นมาก รู้สึกถึงกายที่วูบวาบๆ ก็กำหนดรู้ไปเรื่อยๆ ลองตั้งจิตที่มือ มันชัดไปหมด ก็พิจารณาว่านี่หรืออาการไข้ มันวูบวาบๆหนาวๆ เย็นยะเยือกตามกาย ในความวูบวาบๆยังปรากฎว่าไออุ่นปรากฎขึ้น คือ เป็นไข้นั่นเอง

ก็นั่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้บอกไม่ได้แล้วว่า นั่งแล้วรู้สึกเป็นสมาธิหรือปล่าว เพราะทุกๆวัน มันเหมือนตนเองไม่ได้ค้นหาสมาธิเท่าไหร่ แต่ค้นหาสัจธรรม คือการปัจจัยต่างๆของขันธ์5 มาเป็นอารมณ์ว่า เรามีอารมณ์ปรากฎออกมาว่าอย่างไร คือ มันต้องเป็นอารมณ์ของกุศลธรรมก่อน ก่อนที่จะเริ่มนั่งสมาธิ จึงจะเป็นขั้นแรกของสัมมาทิฎฐิ สัมมาทิฎฐิจึงเป็นเรื่องความเห็น ที่ต้องปรับ เช่น กายเรานั้นปรากฎอยู่เพราะเหตุปัจจัย ต้องเห็นเป็นอนัตตาแม้เหตุปัจจัยยังตั้งอยู่ สลัดความเห็นเป็นอัตตาให้ได้ ไม่ใช่นั่งจนว่างแล้วบอกว่านี่ว่างเป็นอนัตตาแล้ว แต่ธรรมที่ปรากฎขึ้นมาต้องมีเหตุจึงจะเป็นการสานต่อให้พิจารณานี่จึงเป็นอนัตตา

พอนอนลงก็เหมือนมันวูบวาบๆ สัมผัสต่างๆมันชัดเจนมาก มันเหมือนซาบซ่านๆ แต่เพราะอาการไข้ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าต้องทุกข์ใจอะไร เพียงแต่ว่า เราเห็นว่าท่าทางจะไม่ไหว จึงลุกขึ้นมากินยาแก้ไข้2เม็ด

ต่อพรุ่งนี้ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร