วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 06:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2015, 01:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อาการเป็นไข้ไม่สบายเริ่มหายไป ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น

ว่ากันในเรื่องนั่งสมาธิ ก่อนนั่งสมาธิ ส่วนตัวมักจะตั้งคำถามไว้ เช่นอะไรหนอเป็นเหตุให้เกิดสัญญาวิปลาส คือ นี่เรานั่นเขา
นี่ทุกข์นี่สุข นี่เที่ยงนั่นเที่ยง

เมื่อเรากำหนดรู้ เรากำหนดรู้อะไร ถ้าไม่มีบัญญัติคำว่าขันธ์5 เราจะสานต่อธรรมกันได้ไหม

ธรรมต่างๆที่ปรากฎขึ้น ก็ปรากฎตามเหตุและปัจจัย
ที่เราเห็นนั้น เราไม่ได้มองความจริงของธรรมกันเท่าไหร่ ส่วนมากมักจะถูกบดบังให้เกิดการมองธรรมตามอำนาจกิเลส

ก็มักจะตั้งคำถามก่อนนั่งสมาธิ เพื่อปรับหลายๆอย่างระหว่างการนั่งภาวนา
ไม่มีความบังเอิญในการรู้ธรรม หากเพราะเกิดความสงสัยจึงนำไปสู่การรู้ธรรม

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2015, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


พระคุณของพ่อแม่

ผมเองนั้นพออายุได้3ขวบ คุณพ่อก็ได้แยกจากแม่ไป ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้แม่เป็นคนเดียวที่รับภาระเลี้ยงดูลูก

ในวาระสุดท้ายของชีวิตแม่ ได้มีโอกาสอยู่กับแม่จนสิ้นลมหายใจคาอ้อมกอด

ผ่านมา20กว่าปีก็ไม่เคยลืมภาพ แต่ถือเป็นภาพแห่งบทเรียน ไม่ใช่ให้เราเข้มแข็งอย้างเดียวหรือลุกขึ้นสู้ชีวิตจากนี้ไปโดยไม่มีแม่ แต่แม่ยังฝากความรู้ให้เราได้พิจารณา ทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง

ผมเองนั้นในส่วนของการฝึกต้องมีการอาศัยสัญญาบ้าง เช่นหลับตานึกภาพกระดูก เลือด หนอง เหล่านี้คือสัญญา

แม้กระทั่งความตาย

ตั้งแต่เริ่มฝึกก็ได้ใช้สัญญากระดูกและความตายมาโดยตลอด เหล่านี้คือสัญญา ไม่ใช่ธาตุ ถ้าเป็นธาตุเราต้องรู้สึก

อย่างธาตุไฟเราต้องรู้สึก ธาตุดินเราต้องรู้สึก ธาตุลมน้ำเราต้องรู้สึกกำหนดได้ กำหนดเป็น

ถ้าจะสลับสัญญามากำหนดรู้ธาตุ ก็ต้องเป็นจิต ดูจิต ใช้สติ ดูความเปลี่ยนแปลงของธรรม

ถ้าคิดจะเริ่มภาวนากำหนดรู้ต้องดูอารมณ์ ทำอารมณ์ให้เกิดกุศล

ถ้าคิดจะใช้สัญญามาเป็นข้อกำหนดต้องเป็นอารมณ์ของกุศลและมรรค คือ ธรรมใดๆล้วนเกิดดับ

เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา เมื่ออารมณ์เป็นกุศล การนั่งสมาธิวันนั้นจึงเต็มเปี่ยมด้วยพลัง

การระลึกถึงคุณพ่อแม่จึงจัดเป็นอารมณ์กุศล

ต่อโอกาสหน้สครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2015, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้นั่งสมาธิดังเช่นทุกวัน คืนนี้ก็นั่งไปเรื่อยๆจนสมาธิดิ่งลงไปเรื่อยๆ แต่ส่วนตัวก็พิจารณาไปเรื่อยๆ สังเกตุไปเรื่อยๆ จนดิ่งลงไปถึงจุดที่ว่าง ผมเองไม่ได้คิดว่าความต้องการลึกๆคือความว่างแบบนี้ เพราะติดพิจารณา แม้สมาธิจะดิ่งจนว่างเหมือนไม่มีอะไรเลยก็สงสัยอยู่ดีว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดดับนามรูปในลักษณะใด ปกติผมเองจะกำหนดรู้การเกิดดับนามรูปเป็นปกติทุกเวลาอยู่แล้ว ถ้าถามว่าต่างกันอย่างไร ผมว่าการกำหนดรู้ด้วยสภาวะทุกอริยาบทนั้นมีเหตุมีผลชัดเจนกว่า เรารู้เหตุเกิดของธรรม เรารู้การดับลงของธรรมตามความเป็นจริง ดับลงแล้วรู้ว่าความว่างหรือความสงบนั้นเกิดขึ้นจริง ดับลงแล้วจิตรับรู้อะไร รับรู้สภาวะความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง เป็นอนัตตา
ดังนั้นสมาธิที่ดิ่งลึกลงไปจนว่าง ต้องพิจารณาด้วยวิปัสสนาด้วย เป็นการต่อยอดให้เห็นสัจธรรม

นั่งไปแล้วปรากฎแสงที่ขาวเป็นจุดแต่เปร่งแสงเป็นทางรอบๆ ก็พิจารณาไปเรื่อยๆว่าด้วยสมาธิที่ดิ่งลงระดับนี้ อาจจะมีนิมิตปรากฎ แต่ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่ใช่แนวที่ตัวเองชอบพิจารณา พอปล่อยจิตก็เริ่งจางหาย เลยลองกำหนดอีกก็ปรากฎขึ้นมาใหม่ เป็นอย่างนี้ 3-4 รอบ

ทีนี้เหลือการถอนสมาธิ ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ตามครูบาอาจารย์ที่สอน ค่อยๆถอนสมาธิ ทุกอย่างชัดเจนไปหมด แม้แย้มฝีปากก็ชัดเจน

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2015, 07:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
พระคุณของพ่อแม่

.....
การระลึกถึงคุณพ่อแม่จึงจัดเป็นอารมณ์กุศล

ต่อโอกาสหน้าครับ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2015, 02:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คืนก่อน ฝันเห็นหลวงตามหาบัว ฝันเห็นหลวงตาตอนท่านยังอายุน้อย ประมาณช่วงหนุ่ม หลวงตากำลังสนทนาธรรมกับญาติโยมอยู่กุฎิวัด น้ำเสียงดูหนักแน่น เป็นคนพูดเร็ว พูดได้เป็นเรื่องๆ ไม่สะดุด ก็ตื่นขึ้นมารู้สึกชื่นชมบารมีของหลวงตามหาบัว

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2015, 01:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มาชั่งน้ำหนักดูใจ ว่าเราสนใจต่อการปรากฎขึ้นมาของธรรมในรูปแบบใด เช่นวันก่อนที่นั่งสมาธิจนดิ่งสู่ความว่าง มีแสงปรากฎ แล้วสามารถบังคับแสงในหายไปหรือปรากฎขึ้นมาใหม่นั้น หรือสภาวะธรรมที่เกี่ยวข้องกับตนเองเช่น เดิน หยิบ ก้าว ร้อนเย็น หนัก หายใจเข้าออก โสต จักษุ รส กระดูก ผม อวัยวะ

ก็ให้น้ำหนักว่า สนใจในสภาวะธรรมที่เกี่ยวข้องกับตนเองมากกว่า คือ ไม่ได้นั่งเพ่งหาแสงหาความว่างแบบวันนั้น นั่งสมาธิหรือสติทั่วไปก็ไม่ได้นึกอยากให้แสงปรากฎ เพราะใจจดจ่อธรรมที่เราภาวนาอยู่แล้วแน่นอนกว่าให้รู้ว่า สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ควรแล้วหรือที่จะยึดมั่นถือมั่น

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 03:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


นาน1เดือนที่ผมเองต้องการเข้ามาเขียนประสบการณ์

วันนี้จะคุยกันเรื่องหนังอินเดีย เรื่องพระพุทธเจ้า มหาศาสดาของโลก ดูไปแล้ว2ตอน ทางยูทูป รู้สึกถึงความตั้งใจของหนังเรื่องนี้ ดูทุกคนทุ่มเทให้กับบทบาทที่ตัวเองสวมเป็นตัวละครอย่างดี ฉากต่างๆดูสวยงามและยิ่งใหญ่ ดูแล้วสร้างศัทธาได้เป็นอย่างมาก ที่ศรัทธาอยู่แล้วก็เพิ่มความตั้งใจเอาความศรัทธามาเป็นข้อปฎิบัติได้ดียิ่งขึ้น

สงสัยผมเองดูหนังซีรีย์แล้วเก็บไปฝัน ผมฝันว่าตัวเองนั่งเรือข้ามทะเลมุ่งหน้าไปทางทิศอะไรสักอย่างห่างจากทวิปอินเดียออกไป ออกไปเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าสู่ดินแดนใหม่ มีภูเขาอันสูงใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่เบื้องหน้า ภาพที่เห็นคือเงาของพระพุทธเจ้าปางนั่งสมาธิ ปกคลุมเทือกเขาทั้งลูก เหมือนแสงสะท้อนจากแผ่นหินเบื้องหน้า ส่งเป็นภาพพระพุทธเจ้าปกคลุมภูเขาไว้ ดูแล้วมหัศจรรย์ใจยิ่งนัก

ในความฝันเหมือนไปด้วยกันกับแฟน เขาถามผมว่าเราออกห่างจากอินเดียมากแค่ไหน ผมบอกไม่รู้สิ แต่ที่นี่ไม่น่าจะใช่ประเทศอินเดีย น่าจะเป็นที่ไหนสักแห่ง แต่ไปต่อข้างหน้าไม่ได้ เพราะกระแสน้ำเริ่มไหลแรงและเชี่ยวมากยิ่งขึ้น มองไปข้างหน้าเหมือนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่กั้นขวางเรือไว้อยู่ หากไปต่ออาจจะพัดตกลงไปไหนก็ได้ ก่อนจะตื่นรู้สึกว่าใจนั้นจดจ่ออยู่กับภาพพระพุทธเจ้าตรงหน้า ไม่อยากไปไหน อยากมองอยู่อย่างนั้น สุดท้ายก็ตื่นขึ้นมา

มีเรื่องเยอะแยะตั้งใจจะเข้ามาเขียน แต่เป็นจังหวะที่ไม่มีคอมและแทปเลท จึงไม่ได้เขียนอะไรเลย พอจะเข้ามาเขียน ก็นึกสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ไม่ออก เพราะว่าไม่ได้เก็บไปคิดข้ามวันนั่นเอง จะสนใจต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นปกติก่อนอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2015, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เรานั่งสมาธิเมื่อคืนกำหนดรู้ธรรมไปเรื่อยๆ ไม่พยายามพิจารณาโดยสัญญา เพราะสัญญานั้นมักจะนำธรรมต่างๆก่อน เช่นบางทีเรากำหนดรู้

เวทนาทางกายต่ำลงไปทางขา สัญญาก็ปรากฎออกมาเป็นขา นำธรรมส่วนที่ต้องการพิจารณาเพราะเราต้องการพิจารณาเวทนาหรือกายหรือมหาภูติ4หรือจิตหรือการตั้งจิตการบังคับการเคลื่อนจิตการพิจารณาการเกิดการพิจารณาการดับการพิจารณาเหตุและการแยกแยะเหตุต่างๆ เนื่องจากนั่งตลอดจึงคุ้นเคยกับธรรมต่างๆแม้ที่แปลกถิ่น
อารมณ์นั้นไม่ถือเอาการนั่งเพื่อแข่งขัน เช่นต้องการนั่งจับเวลา ไม่นั่งเพื่อยกตนว่าตนเองนั้นภาวนาเก่ง ธรรมต่างๆเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะนั่งจะยืนจะนอนจะทำอะไรธรรมต่างๆก็ปรากฎออกมาเป็นพระไตรลักษณ์อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับเราว่าเราประสงค์จะภาวนาแค่ไหน การภาวนาต้องเป็นไปตามมรรค8จึงจะเรียกว่าภาวนา เช่นเรากำหนดรู้เวทนา แต่เราสงสัยว่าเราภาวนาหรือไม่ ต้องดูที่อารมณ์ตนเองว่าเรามีจุดมุ่งหมายเพื่อการภาวนาหรือไม่ เช่นเราให้อาหานสุนัขข้างถนนนั้นต้องมีจุดมุ่งหมายเสียก่อนคือเมตตา นั่นคือจุดมุ่งหมายที่คล้องจองและเป็นไปตามมรรค8คือไม่ขัดแย้งกันนั่นเองครับ
ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2015, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มานั่งคิดถึงความหมายในสองคำนี้คือ
-กำหนดรู้ปัจจุบันอารมณ์
-ดำรงตนกำหนดรู้ธรรมเฉพาะหน้า

สองคำนี้อาจมีความหมายที่ละเอียดลึกซึ้งลงไป ว่าปัจจุบันมีความหมายอย่างไรกันแน่
หรือธรรมเฉพาะหน้านั้นทำได้แค่ไหน

อย่างไรก็ดี ความหมายโดยรวมแล้วคือตั้งสติ ตั้งใจ ชอบความหมายไหนก็คือความตั้งใจทำให้เกิดปรากฎนั้นเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2015, 09:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันอารมณ์ เช่น ชอบ ชัง เฉย เป็นผลจากจิตเผลอนำเรื่องในอดีต หรือคำนึงถึงอนาคต มาปรุงแต่งจนเกิดเป็นอารมณ์ดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนของนามธรรม สำหรับการรู้เฉพาะหน้ามีความหมายกว้างและลึกกว่า โดยทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทั้งภายนอกและภายใน สำหรับภายในระดับลึกเป็นลักษณะพลังงานที่คลายออกระดับเซลส์ ส่วนของจิตก็เป้นการคลายระดับจิตใต้สำนึก เป็นการลอกเจตสิกออกจากจิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2015, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


suttiyan เขียน:
ปัจจุบันอารมณ์ เช่น ชอบ ชัง เฉย เป็นผลจากจิตเผลอนำเรื่องในอดีต หรือคำนึงถึงอนาคต มาปรุงแต่งจนเกิดเป็นอารมณ์ดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนของนามธรรม สำหรับการรู้เฉพาะหน้ามีความหมายกว้างและลึกกว่า โดยทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทั้งภายนอกและภายใน สำหรับภายในระดับลึกเป็นลักษณะพลังงานที่คลายออกระดับเซลส์ ส่วนของจิตก็เป้นการคลายระดับจิตใต้สำนึก เป็นการลอกเจตสิกออกจากจิต


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2015, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณท่าน suttiyan ที่เข้ามาขยายความหมายของปัจจุบันอารมณ์ และธรรมเฉพาะหน้า

วันนี้อยากจะเล่าประสบการณ์ที่แปลกของผมเอง
ปกติที่นั่งสมาธิทุกๆวันนั้น จะสังเกตุเห็นตัวเองระหว่างนั่งและวินาทีที่ลืมตาจากสมาธิ

ระหว่างนั่ง จะสังเกตุว่าจู่ๆก็ตกภวังค์อย่างแรง การปรากฎขึ้นมาอย่างเช่น เส้นกระตุกขึ้นมาอย่างแรง ไม่ใช่ครั้ง2ครั้ง เป็นมาได้เกือบทุกๆครั้ง

และวินาทีที่ถอนจากการนั่งสมาธิ ลืมตาขึ้น จะเหมือนว่า งงตัวเองว่าตัวเองอยู่ที่ไหน บางทีหลงทิศ จำไม่ได้ว่าตัวเองหันหน้าไปทางไหนของเตียงนอน บางทีดูฝาผนัง กลับนึกไม่ออกว่าเป็นที่ไหน หรือไม่คุ้นสถานที่ไปเลย ไม่ใช่แค่ครั้ง2ครั้ง แต่เป็นเกือบทุกครั้งที่นั่งสมาธิ

มีเรื่องแปลกอีกหลายๆอย่าง เช่น นั่งสมาธิเกือบทุกครั้ง จะรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่บริเวณใส้ติ่งเด่นชัดขึ้นมา ไม่ใช่แค่ครั้ง2ครั้ง แต่เป็นมาตลอดเกือบทุกๆวัน

แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อจิตใจผม ตรงกันข้าม กลับทำให้ผมดึงธรรมขึ้นมาพิจารณาถึงความไม่เที่ยงของสัญญาขันธ์ ลืมสถานที่ที่พึ่งนั่งได้ไม่ถึงชั่วโมง

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2015, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กำหนดรู้ปัจจุบันอารมณ์
หมายถึง ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นจาก ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัย

ดำรงตนกำหนดรู้ธรรมเฉพาะหน้า
หมายถึง ผัสสะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2015, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เมื่อเรากำหนดรู้ เรากำหนดรู้อะไร ถ้าไม่มีบัญญัติคำว่าขันธ์5 เราจะสานต่อธรรมกันได้ไหม


จะรู้หรือไม่รู้เกี่ยวกับขันธ์ ๕
สภาพธรรมต่างๆ ย่อมดำเนินไปตามเหตุและปัจจัย


ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเรา ที่มีต่อผัสสะ




พระราธะ

http://www.dharma-gateway.com/monk/grea ... -ratha.htm

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2015, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


พิชัยสงครามอันยอดเยี่ยม

สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก ถูกต้องๆ แล้วด้วยผัสสายตนะทั้ง ๖ ย่อมเสวยเวทนา
เพราะเวทนาของสมณพราหมณ์เหล่านั้น เป็นปัจจัยจึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัยจึงเกิดชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงเกิด ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ
โทมนัส อุปายาส

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริง
ซึ่งความเกิด ความดับ คุณและโทษ แห่งผัสสายตนะทั้ง ๖
กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกไปจากผัสสายตนะเหล่านั้น
เมื่อนั้น ภิกษุนี้ย่อมรู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด


http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/s ... 9&bookZ=33

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร