ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=26432
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 22 ต.ค. 2009, 18:35 ]
หัวข้อกระทู้:  ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ

ปัญญาในการระงับประโยคเป็นผลญาณ



ปัญญาในการระงับประโยค เป็นผลญาณอย่างไร ฯ

ในขณะแห่งโสดาปัตติมรรคญาณ....

ชื่อว่าสัมมาทิฐิ เพราะอรรถว่าเห็น.....
.....ย่อมออกจากมิจฉาทิฐิ
.....ย่อมออกจากเหล่ากิเลสอันเป็นไปตามมิจฉาทิฐินั้น
.....จากขันธ์ทั้งหลาย
.....จากสรรพนิมิตภายนอก
สัมมาทิฐิย่อมเกิดขึ้น เพราะเป็นคุณชาติระงับประโยคที่ออกนั้นการระงับประโยคนั้นเป็นผลของมรรค ญาณ

..... ชื่อว่าสัมมาสังกัปปะเพราะอรรถว่าดำริออก ย่อมออกจากมิจฉาสังกัปปะ .ฯลฯ..
......ชื่อว่าสัมมาวาจา เพราะอรรถว่ากำหนดเอา ย่อมออกจากมิจฉาวาจา ...
..... ชื่อว่าสัมมากัมมันตะ เพราะอรรถว่าเป็นสมุฏฐาน ย่อมออกจากมิจฉากัมมันตะ .ฯลฯ..
.....ชื่อว่าสัมมาอาชีวะ เพราะอรรถว่าขาวผ่อง ย่อมออกจากมิจฉาอาชีวะ .ฯลฯ..
.....ชื่อว่าสัมมาวายามะ เพราะอรรถว่าประคองไว้ ย่อมออกจากมิจฉาวายามะ ..ฯลฯ.
.....ชื่อว่าสัมมาสติ เพราะอรรถว่าตั้งมั่น ย่อมออกจากมิจฉาสติ ..ฯลฯ.
.....ชื่อว่าสัมมาสมาธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมออกจากมิจฉาสมาธิ ..ฯลฯ.. เป็นผลของมรรคฯ



เจริญในธรรมครับ


ไฟล์แนป:
021.jpg
021.jpg [ 23.04 KiB | เปิดดู 1989 ครั้ง ]

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 25 ต.ค. 2009, 16:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ

ในขณะแห่งสกทาคามิมรรค ญาณ.....


ชื่อว่าสัมมาทิฐิเพราะอรรถว่าเห็น ..ฯลฯ.. .ชื่อว่าสัมมาสมาธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมออกจาก.....
.....กามราคสังโยชน์
.....ปฏิฆสังโยชน์
.....กามราคานุสัย
.....ปฏิฆานุสัย ส่วนหยาบๆ ย่อมออกจากเหล่ากิเลสที่เป็นไปตามมิจฉาสมาธินั้น จากขันธ์ทั้งหลายและจากสรรพนิมิตภายนอก สัมมาสมาธิย่อมเกิดขึ้น เพราะเป็นคุณชาติระงับประโยคที่ออกนั้น

การระงับประโยคนั้นเป็นผลของมรรคฯ



เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 26 ต.ค. 2009, 13:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ

ในขณะแห่งอนาคามิมรรค ญาณ.....

ชื่อว่าสัมมาทิฐิ เพราะอรรถว่าเห็น ..ฯลฯ.... ชื่อว่าสัมมาสมาธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมออกจาก.....
.....กามราคสังโยชน์
.....ปฏิฆสังโยชน์
.....กามราคานุสัย
.....ปฏิฆานุสัย ส่วนละเอียดๆ ย่อมออกจากเหล่ากิเลสที่เป็นไปตามมิจฉาสมาธินั้น จากขันธ์ทั้งหลายและจากสรรพนิมิตภายนอก สัมมาสมาธิย่อมเกิดขึ้น เพราะเป็นคุณชาติระงับประโยคที่ออกนั้น

การระงับประโยคที่ออกนั้นเป็นผลของมรรค ฯ


เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 27 ต.ค. 2009, 11:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ

ในขณะแห่งอรหัตมรรค ญาณ.....

ชื่อว่าสัมมาทิฐิเพราะอรรถว่าเห็น ..ฯลฯ.. ชื่อว่าสัมมาสมาธิ เพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่านย่อมออกจาก....
.....รูปราคะ
.....อรูปราคะ
.....มานะ
.....อุทธัจจะ
.....ถีนมิทธะ
.....อวิชชา
.....ภวราคานุสัย
.....มานานุสัย
.....อวิชชานุสัย
ย่อมออกจากเหล่ากิเลสที่เป็นไปตามมิจฉาทิฐินั้น จากขันธ์ทั้งหลายและจากสรรพนิมิตภายนอก สัมมาสมาธิย่อมเกิดขึ้น เพราะเป็นคุณชาติระงับประโยคที่ออกไปนั้น การระงับประโยคที่ออกนั้นเป็นผลของมรรค ฯ

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถรู้ว่าชัดเพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการระงับประโยคที่ออกนั้น เป็นผลญาณ ฯ


เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 28 ต.ค. 2009, 08:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ

อนุสัย หมายถึง กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสัน-ดาน อนุสัย ๗ นี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังโยชน์ ๗

๑. กามราคะ =ความกำหนัดในกาม, ความอยากได้ติดใจในกาม

๒. ปฏิฆะ = ความขัดใจ, ความหงุดหงิดขัดเคืองคือโทสะ

๓. ทิฏฐิ = ความเห็นผิด, การถือความเห็น เอาความคิดเห็นเป็นความจริง

๔. วิจิกิจฉา =ความลังเล, ความสงสัย

๕. มานะ = ความถือตัว

๖.ภวราคะ = ความกำหนัดในภพ, ความอยากเป็น อย่างยิ่งใหญ่ อยากยั่งยืน

๗.อวิชชา =ความไม่รู้จริง คือ โมหะ

เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 29 ต.ค. 2009, 15:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ญาณที่ ๑๒ ผลญาณ

สังโยชน์ ๑๐ หมายถึง กิเลสอันผูกใจสัตว์ ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือผูกกรรมไว้กับผล แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ

๑. โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เป็น สังโยชน์เบื้องต่ำ เป็นอย่างหยาบ เป็นไปในภพอันต่ำ ได้แก่
๑.สักกายทิฏฐิ = ความเห็นว่าเป็นตัวของตน เช่น เห็นรูป เห็นเวทนา เห็นวิญญาณ เป็นตน เป็นต้น
๒.วิจิกิจฉา = ความสงสัย, ความลังเล ไม่แน่ใจ
๓.สีลัพพตปรามาส = ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร
๔.กามราคะ = ความกำหนัดในกาม, ความติดใจในกามคุณ
๕.ปฏิฆะ = ความกระทบกระทั่งในใจ, ความหงุดหงิดขัดเคือง


๒. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เป็นสังโยชน์เบื้องสูง เป็นอย่างละเอียด เป็นไปแม้ในภพอันสูง ได้แก่
๖.รูปราคะ = ความติดใจในอารมณ์แห่งรูปฌาน หรือในรูปธรรมอันประณีต, ความปรารถนาในรูปภพ
๗.อรูปราคะ = ความติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน หรือในอรูปธรรม, ความปรารถนาในอรูปภพ
๘.มานะ = ความสำคัญตน คือ ถือตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่
๙.อุทธัจจะ = ความฟุ้งซ่าน
๑๐.อวิชชา = ความไม่รู้จริง, ความหลง


เจริญในธรรมครับ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/