วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 08:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว ทำไมมาเลี่ยงบาลีแบบนี้ล่ะครับคุณเช่นนั้น

วันก่อนยังเห็นสอนกรรมฐานคนว่าให้นั่งเฉยๆ ไม่ให้สนใจอะไร ทั้งรูป ทั้งนาม
พูดละเอียดถึงขั้นว่า พุทธโธก็ไม่ต้องท่อง ลมหายใจก็ไม่ต้องสน
แล้วก็สรุปว่าไม่ต้องรู้รูปรู้นามอะไรทั้งนั้น
อย่างนี้เขาไม่เรียกว่า "สอนภาวนา" เหรอ

เวลาพูดถึงภาวนาในกระทู้ไหน ก็ท่องแจ้วๆว่าไม่ให้รู้รูปรู้นาม
แล้ววันนี้ทำมาเลี่ยงบาลีว่า ภาวนาแปลว่าอย่างนั้นอย่างนี้
แถลงคูไปเรื่อยนะ


ถามอยู่ตั้งานสองนานว่า ถ้าไม่ให้รู้รูปรู้นาม แล้วให้รู้อะไร?
ถามง่ายนิดเดียวนะ ทำเฉไฉสามวาสองศอก
จะข้างๆคูไปกี่อสงไขย?


ตอบให้มันได้นะ
ตอบไม่ได้อย่าริอ่านไปสอนใครเขา


แค่อะไรเป็นรูปอะไรเป็นนามยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทำมาสอนกรรมฐานคนว่าไม่ให้รู้รูปรู้นาม


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 26 ก.ย. 2009, 18:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:37
โพสต์: 86

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณชาติสยาม คุณเคยสังเกตุบ้างไหมครับว่า จิตของคนเรามีความสามารถขนาดไหน อริยบทต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร จิตจำได้หมดเพราะมีสัญญาทำหน้าที่ กลายเป็นปัญญาทำให้เรารู้ว่าเดินยังไง กินจะกินยังไง เปล่งเสียงเป็นคำพูดให้คนชาติเดียวกันรู้และเข้าใจได้ สามารถอ่าน-ผสม อักษร เป็นคำแล้วเข้าใจได้ สามารถสื่อสารได้ ล้วนเกิดจากสัญญาทั้งนั้น สมจริงดังพุทธองค์กล่าว "สัญญามาก่อนญาณ(ปัญญา)" จากความจริงตรงจุดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ต่อท่านนะครับ และสามารถขยายผลต่อการปฏิบัติธรรมของท่านได้ ด้วยความเครพาในการเป็นกัลยาณมิตร ครับ

.....................................................
....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา......


แก้ไขล่าสุดโดย โคตรภู เมื่อ 26 ก.ย. 2009, 19:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


โคตรภู เขียน:
คุณชาติสยาม คุณเคยสังเกตุบ้างไหมครับว่า จิตของคนเรามีความสามารถขนาดไหน อริยบทต่างๆ เกิดขึ้นอย่างได้อย่างไร จิตจำได้หมดเพราะมีสัญญาทำหน้าที่ กลายเป็นปัญญาทำให้เรารู้ว่าเดินยังไง กินจะกินยังไง เปล่งเสียงเป็นคำพูดให้คนชาติเดียวกันรู้และเข้าใจได้ สามารถอ่าน-ผสม อักษร เป็นคำแล้วเข้าใจได้ สามารถสื่อสารได้ ล้วนเกิดจากสัญญาทั้งนั้น สมจริงดังพุทธองค์กล่าว "ญามาก่อนญาณ(ปัญญา)" จากความจริงตรงจุดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ต่อท่านนะครับ และสามารถขยายผลสู่ต่อการปฏิบัติธรรมของท่านได้ ด้วยความเครพาในการเป็นกัลยาณมิตร ครับ


:b32: รับทราบครับ
แต่ปฏิบัติไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่งนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรเมื่อเจริญโลกุตรกุศล ย่อมเจริญฌานด้วยอรรถว่า เข้าไปเพ่งอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่ ที่แท้ย่อมเจริญแม้มรรคด้วยอรรถว่า นำออก ย่อมเจริญแม้สติปัฏฐานด้วยอรรถว่า การตั้งมั่น ย่อมเจริญแม้สัมมัปปธานด้วยอรรถว่า การทำความเพียร ย่อมเจริญแม้อิทธิบาทด้วยอรรถว่า การสำเร็จ ย่อมเจริญแม้อินทรีย์ด้วยอรรถว่า ความเป็นใหญ่



โลกุตตรกุศลจิต
มรรคจิตดวงที่ ๑
[๑๙๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด

ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ อโลภะ อโทสะ อโมหะ อนภิชฌา อัพยาปาทะ สัมมาทิฏฐิ หิริ โอตตัปปะ กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ กายลหุตา จิตตลหุตา กายมุทุตา จิตตมุทุตา กายกัมมัญญตา จิตตกัมมัญญตา กายปาคุญญตา จิตตปาคุญญตา กายุชุกตา จิตตุชุกตา สติ สัมปชัญญะ สมถะ วิปัสสนา ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล




สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์นี่ก็แปลก
ไปไหนมา สามวาสองศอก

สักแต่จะโพสต์ เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่ทราบ
โพสต์ลูกเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ มหาราชันย์ ครับ


ขอรบกวน ช่วย กำกับ บทธรรมด้วยครับ ว่า นำมาจากพระไตรปิฎก หรือ พระคัมภีร์ เล่มใด

เผื่อผู้สนใจ จะไปค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง


ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มรรคจิตดวงที่ ๔

[๒๗๓] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน เพื่อบรรลุภูมิที่ ๔ เพื่อละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา ไม่ให้มีเหลือ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ มีอยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ
อัญญินทรีย์ ฯลฯ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ


เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 26 ก.ย. 2009, 22:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue อนุโมทนาค่ะ คุณมหาราชันย์

ได้ลองเข้าไปค้นในพระไตรปิฎกออนไลน์ดู
พบตามที่คุณโพสต์ไว้

แอบอ่านมานานค่ะ ขอบคุณมาก tongue

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนคุณ มหาราชันย์ครับ




รบกวน ถามข้อมูลครับ



มหาราชันย์ เขียน:

พระโยคาวจรเมื่อเจริญโลกุตรกุศล ย่อมเจริญฌานด้วยอรรถว่า เข้าไปเพ่งอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่

ที่แท้ย่อมเจริญแม้มรรคด้วยอรรถว่า นำออก
ย่อมเจริญแม้สติปัฏฐานด้วยอรรถว่า การตั้งมั่น
ย่อมเจริญแม้สัมมัปปธานด้วยอรรถว่า การทำความเพียร
ย่อมเจริญแม้อิทธิบาทด้วยอรรถว่า การสำเร็จ

ย่อมเจริญแม้อินทรีย์ด้วยอรรถว่า ความเป็นใหญ่






ขอรบกวน ถามว่า ธรรมบทนี้ มาจาก พระไตรปิฎก อรรถกถา หรือ พระคัมภีร์เล่มใดครับ

ด้วยว่า ผมประสงค์จะนำส่วนนี้ ไปเผยแผ่ต่อครับ.

ผมเห็นว่า ธรรมบทนี้น่าสนใจมาก.... เพราะ ถ้าเป็นจากระดับพระไตรปิฎก(จากสำนวนอาจจะเป็นในพระอภิธรรมปิฎก แต่ไม่เห็นหมายเลขกำกับ และ ไม่ทราบเล่ม ผมเลยหาต้นฉบับไม่พบ) หรือ อรรถกถา.... ตรงจุดนี้ จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าใจคำว่า ฌาน ต้องเป็นของฤาษีนอกพระศาสนาเท่านั้น มีข้อมูลและมุมมองที่กว้างขึ้น

ถ้าผมไม่ทราบ เวลาที่มีผู้ถาม ผมจะตอบเขาไม่ได้

ผมไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่นครับ



ขอบคุณครับ :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ตรงประเด็น เมื่อ 27 ก.ย. 2009, 08:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0011.jpg
0011.jpg [ 20.34 KiB | เปิดดู 3331 ครั้ง ]
พระธรรมเทศนา

[๒๖๙] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน??

โยคาวจรบุคคล เจริญมรรคเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสติปัฏฐานเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสัมมัปปธานเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญอิทธิบาทเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญอินทรีย์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญพละเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญโพชฌงค์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสัจจะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสมถะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญธรรมเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญขันธ์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญอายตนะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญธาตุเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญอาหารเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญผัสสะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญเวทนาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสัญญาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญเจตนาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญจิตเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.




อรรถกถา

บัดนี้ พระโยคาวจรเมื่อเจริญโลกุตรกุศล
ย่อมเจริญฌานด้วยอรรถว่าเข้าไปเพ่งอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่
ที่แท้ย่อมเจริญแม้มรรคด้วยอรรถว่า นำออก
ย่อมเจริญแม้สติปัฏฐานด้วยอรรถว่า การตั้งมั่น
ย่อมเจริญแม้สัมมัปปธานด้วยอรรถว่า การทำความเพียร
ย่อมเจริญแม้อิทธิบาทด้วยอรรถว่า การสำเร็จ
ย่อมเจริญแม้อินทรีย์ด้วยอรรถว่า ความเป็นใหญ่
ย่อมเจริญแม้พละด้วยอรรถว่า ไม่หวั่นไหว
ย่อมเจริญแม้โพชฌงค์ด้วยอรรถว่า การตรัสรู้
ย่อมเจริญแม้สัจจะด้วยอรรถว่า เป็นธรรมจริง
ย่อมเจริญแม้สมถะด้วยอรรถว่า ความไม่ฟุ้งซ่าน
ย่อมเจริญธรรมแม้ด้วยอรรถว่า ความเป็นสุญญตะ
ย่อมเจริญแม้ขันธ์ด้วยอรรถว่า เป็นกอง
ย่อมเจริญแม้อายตนะด้วยอรรถว่า เป็นบ่อเกิด
ย่อมเจริญแม้ธาตุด้วยอรรถว่า เป็นสภาวสูญและเป็นนิสสัตตธรรม
ย่อมเจริญแม้อาหารด้วยอรรถว่า เป็นปัจจัย
ย่อมเจริญแม้ผัสสะด้วยอรรถว่า กระทบ
ย่อมเจริญแม้เวทนาด้วยอรรถว่า เสวยอารมณ์
ย่อมเสวยแม้สัญญาด้วยอรรถว่า ควรจำได้
ย่อมเจริญแม้เจตนาด้วยอรรถว่า ความจงใจ
ย่อมเจริญจิตแม้ด้วยอรรถว่า การรู้
เพราะฉะนั้น เพื่อทรงแสดงนัย ๑๙ แห่งธรรมเหล่านั้น จึงตรัสคำเป็นต้นว่า กตเม ธมฺมา กุสลา ดังนี้อีก.







พระไตรปิฎกเล่มที่ ๗๕
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ภาคที่ ๑
ธรรมสังคณี และอรรถกถา

ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์


เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 27 ก.ย. 2009, 15:06, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0209.gif
0209.gif [ 33.5 KiB | เปิดดู 3304 ครั้ง ]
tongue
มหาราชันย์ เขียน:
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๗๕
พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑ ภาคที่ ๑
ธรรมสังคณี และอรรถกถา

ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์


เจริญในธรรมครับ




มาช่วยยืนและยันค่ะ คุณตรงประเด็น
ดิฉันตามอ่านมาตลอดค่ะ ว่า คุณมหาราชันย์ นำมาจากพระไตรปิฎกจริง ๆ ไม่ใช่แหล่งอื่นค่ะ


ขออนุโมทนากับคุณ "มหาราชันย์" ค่ะ ตามอ่าน และตามเซฟไว้อยู่ค่ะ


สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ


tongue เจริญในธรรมค่ะ


.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรเมื่อเจริญโลกุตรกุศล ย่อมเจริญฌานด้วยอรรถว่า เข้าไปเพ่งอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่
ที่แท้ย่อมเจริญแม้มรรคด้วยอรรถว่า นำออก
ย่อมเจริญแม้สติปัฏฐานด้วยอรรถว่า การตั้งมั่น
ย่อมเจริญแม้สัมมัปปธานด้วยอรรถว่า การทำความเพียร
ย่อมเจริญแม้อิทธิบาทด้วยอรรถว่า การสำเร็จ
ย่อมเจริญแม้อินทรีย์ด้วยอรรถว่า ความเป็นใหญ่

ย่อมเจริญแม้พละด้วยอรรถว่า ไม่หวั่นไหว


โลกุตตรกุศลจิต
มรรคจิตดวงที่ ๑
[๑๙๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด

ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ อโลภะ อโทสะ อโมหะ อนภิชฌา อัพยาปาทะ สัมมาทิฏฐิ หิริ โอตตัปปะ กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ กายลหุตา จิตตลหุตา กายมุทุตา จิตตมุทุตา กายกัมมัญญตา จิตตกัมมัญญตา กายปาคุญญตา จิตตปาคุญญตา กายุชุกตา จิตตุชุกตา สติ สัมปชัญญะ สมถะ วิปัสสนา ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล





โลกุตตรกุศลจิต
[๓๗๐] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน
โยคาวจรบุคคล เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก ให้เข้าสู่นิพพาน เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา อยู่ ในสมัยใด ในสมัยนั้น สังขารเกิดเพราะกุศลมูลเป็นปัจจัย
วิญญาณเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย
นามเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย
อายตนะที่ ๖ เกิดเพราะนามเป็นปัจจัย
ผัสสะเกิดเพราะอายตนะที่ ๖ เป็นปัจจัย
เวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย

ปสาทะเกิดเพราะเวทนาเป็นปัจจัย
อธิโมกข์เกิดเพราะปสาทะเป็นปัจจัย
ภพเกิดเพราะอธิโมกข์เป็นปัจจัย
ชาติเกิดเพราะภพเป็นปัจจัย
ชรามรณะเกิดเพราะชาติเป็นปัจจัย

ความเกิดขึ้นแห่งธรรมเหล่านี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้



สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ

[๒๒๔] สัทธาพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ศรัทธา กิริยาที่เชื่อ กิริยาที่ปลงใจเชื่อ ความเลื่อมใสยิ่ง ศรัทธา สัทธินทรีย์ กำลังคือศรัทธา ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า สัทธาพละ มีในสมัยนั้น.

[๒๒๕] วิริยพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเข้มแข็ง ความหมั่น ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคับประคองธุระ วิริยะ วิริยินทรีย์ กำลังคือความเพียร สัมมาวายามะ วิริยสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า วิริยพละ มีในสมัยนั้น.

[๒๒๖] สติพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ ความไม่เลื่อนลอย ความไม่ลืม สติ สตินทรีย์ กำลังคือสติ ความระลึกชอบ สติสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า สติพละ มีในสมัยนั้น.

[๒๒๗] สมาธิพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นคงแห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบ สมาธินทรีย์ กำลังคือสมาธิ สัมมาสมาธิ สมาธิสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า สมาธิพละ มีในสมัยนั้น.

[๒๒๘] ปัญญาพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความวิจัย ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้ ภาวะที่ฉลาด ภาวะที่รู้ละเอียด ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด ความใคร่ครวญ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน ปัญญาเป็นเครื่องทำลายกิเลส ปัญญาเป็นเครื่องนำทาง ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด ปัญญาเหมือนปฏัก ปัญญา ปัญญินทรีย์ กำลังคือปัญญา ปัญญาเหมือนศาตรา ปัญญาเหมือนปราสาท ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรค มีในสมัยนั้นอันใด นี้ชื่อว่า ปัญญาพละ มีในสมัยนั้น.

[๒๒๙] หิริพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่ละอายต่อการประพฤติทุจริตอันเป็นสิ่งที่น่าละอาย กิริยาที่ละอายต่อการประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า หิริพละ มีในสมัยนั้น.

[๒๓๐] โอตตัปปพละ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
กิริยาที่เกรงกลัวต่อการประพฤติทุจริตอันเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัว กิริยาที่ไม่ประกอบอกุศลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า โอตตัปปพละ มีในสมัยนั้น.



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรเมื่อเจริญโลกุตรกุศล
ย่อมเจริญฌานด้วยอรรถว่าเข้าไปเพ่งอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่
ที่แท้ย่อมเจริญแม้มรรคด้วยอรรถว่า นำออก
ย่อมเจริญแม้สติปัฏฐานด้วยอรรถว่า การตั้งมั่น
ย่อมเจริญแม้สัมมัปปธานด้วยอรรถว่า การทำความเพียร
ย่อมเจริญแม้อิทธิบาทด้วยอรรถว่า การสำเร็จ
ย่อมเจริญแม้อินทรีย์ด้วยอรรถว่า ความเป็นใหญ่
ย่อมเจริญแม้พละด้วยอรรถว่า ไม่หวั่นไหว

ย่อมเจริญแม้โพชฌงค์ด้วยอรรถว่า การตรัสรู้




[๕๕๒] โพชฌงค์ ๗ คือ
๑. สติสัมโพชฌงค์
๒. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
๓. วิริยสัมโพชฌงค์
๔. ปีติสัมโพชฌงค์
๕. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
๖. สมาธิสัมโพชฌงค์
๗. อุเบกขาสัมโพชฌงค์
ในโพชฌงค์ ๗ นั้น สติสัมโพชฌงค์ เป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญสติสัมโพชฌงค์
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสละ เจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ เจริญวิริยสัมโพชฌงค์ เจริญปีติสัมโพชฌงค์ เจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ เจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัย
นิโรธ น้อมไปเพื่อความสละ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรเมื่อเจริญโลกุตรกุศล
ย่อมเจริญฌานด้วยอรรถว่าเข้าไปเพ่งอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่
....................ฯลฯ.................................
ย่อมเจริญแม้พละด้วยอรรถว่า ไม่หวั่นไหว

ย่อมเจริญแม้โพชฌงค์ด้วยอรรถว่า การตรัสรู้




[๕๕๒] โพชฌงค์ ๗ คือ
๑. สติสัมโพชฌงค์
๒. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
๓. วิริยสัมโพชฌงค์
๔. ปีติสัมโพชฌงค์
๕. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
๖. สมาธิสัมโพชฌงค์
๗. อุเบกขาสัมโพชฌงค์
ในธรรมเหล่านั้น โพชฌงค์ ๗ เป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลกให้เข้าสู่นิพพาน เพื่อประหาณหิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา อยู่ ในสมัยใด โพชฌงค์
๗ คือ สติสัมโพชฌงค์ ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีในสมัยนั้น





เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 29 ก.ย. 2009, 09:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร