ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=23561 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | rawisada [ 07 ก.ค. 2009, 13:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
มีวิธีนั่งสมาธิอย่างไรให้จิตสงบนิ่งบ้างค่ะ ทุกวันนี้นั่งสมาธิจิตว่อกแว่กมากพอได้ยินเสียงอะไรดังกระทบหูจิตก้อไม่สงบเลย จึงอยากทราบวิธีนั่งให้จิตเกิดสมาธิกรุณาบอกวิธีด้วยนะค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 07 ก.ค. 2009, 13:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
เป็นเรื่องธรรมดาครับ การปฏิบัติทางจิตต้องมีวอกแวก ถ้าไม่มีเสียเลย ก็ไม่รู้จักธรรมชาติของจิตกันพอดี และไม่ไช่มีแค่คุณนะครับ ทุกคนที่ปฏิบัติ ก็มีทั้งนั้น คงเว้นไว้พระอริยบุคคลชั้นสูงนั่นเอง อย่าได้ท้อถอย ลองตรวจสิ่งเหล่านี้ดู ๑.วิธีการ ๒.ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน ๓.สถานที่ ๔.บุคคล(ทั้งตัวเราและคนรอบข้าง) ๕.ใจเราเอง วิธีการเราถูกต้องหรือไม่ เราฝึกมานานเท่าไรและระยะเวลาเราปฏิบัติครั้งหนึ่งใช้เวลา พอสมควรกับวิธีหรือเปล่า สถานที่ต้องเอื้ออำนวย ถ้าเสียงมากก็คงต้องหาที่ให้เสียง กวนน้อยลง ถ้าหาที่ไม่ได้ ต้องหาเวลาให้เหมาะเป็นต้น บุคคลก็เช่น ผู้แนะนำเราถึงวิธี ตัวเราเองพร้อมแค่ไหน มีกิจอะไรที่ต้องห่วงต้องทำค้างคาที่จะเป็นเหตุให้สับส่ายหรือ เปล่า คนรอบข้างเช่น เขารู้ เขาเกรงใจเราหรือไม่ เพราะบางครั้ง ถ้าเขาเกรงใจจะลด เสียงหรือเหตุให้เราวอกแวกได้มากทีเดียว สุดท้ายสำคัญ ใจต้องพร้อมที่จะสุ้ หมายความ ว่า ต้องทน ต้องใส่ใจ ต้องฝักไฝ่ ต้องวางภาวะที่จะมารั้งอารมณืทางใจเราให้ได้บ้างใน เวลาที่ปฏิบัติ เป็นต้น เอ....ความจริงมากมายวิธี แต่ แหะๆๆ นึกได้แค่นี้เองตอนนี้ พยายามทำเข้าครับ ถ้าถูกทาง ผลหวานหอมกว่าที่เราคาดหวังไว้ |
เจ้าของ: | น้องนุ่น [ 07 ก.ค. 2009, 14:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
สาธุและอนุโมทนานะค่ะ |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 07 ก.ค. 2009, 15:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
ท่าน จขกท. ลองศึกษาจาก สงบจิตด้วยการนั่งสมาธิ โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1886 |
เจ้าของ: | damjao [ 09 ก.ค. 2009, 08:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
ศีล คือ ความปกติของกาย วาจา แลใจ ถ้าใจไม่ปกติเสียแล้ว กาย วาจา มันจะปกติไม่ได้ เพราะกาย วาจา มันอยู่ในบังคับของจิต การฝึกหัดสมาธิ ก็ไม่พ้นไปจากการฝึกหัดกาย วาจา แลใจอีกนั่นแหละ |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 10 ก.ค. 2009, 22:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
อย่ามุ่งหวังให้จิตสงบอย่างเดียว ต้องมุ่งหวังให้จิตมีสติตอนที่จิตไม่สงบด้วย จิตสงบก้โอเคให้มีสติรู้ตัว จิตไม่สงบก้เหมือนกันให้มีสติรู้ตัวด้วยเหมือนกัน จิตมันวอกแว่กเอาสติมารั้งจิตไว้ เพื่อที่จะได้ตามจิตให้ทัน เหมือนไก่ที่มาขังในสุ่ม แรกๆมันก็เดินรอบสุ่มตลอดเลย พอมันคุ้นเคยเคยชินกับสถานที่หรือเดินจนเมื่อยแล้วเท่านั้นแหละมันก็หยุดเดิน นอนนิ่งอยู่ในสุ่มแทน การที่อยากให้จิตสงบเป็นสมาธิก้เหมือนเอาไก่มาขังในสุ่มนี่แหละ ค่อยๆศึกษาค่อยๆเรียนรู้กับอาการของจิตไปเรื่อยๆ เพราะคำว่า ."สมถะ" นั้นยังแปลได้อีกความหมายนึงก็คือ การศึกษาขวนขวายหาความรู้จากการปฏิบัติสมาธิให้ถึงที่สุดด้วยการปฏิบัติจนเกิดความรู้ความเข้าใจด้วยตนเอง |
เจ้าของ: | ตรงประเด็น [ 11 ก.ค. 2009, 07:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งสมาธิอย่างไรดีให้จิตสงบนิ่ง |
คำว่า "จิตสงบนิ่ง"ที่ ท่าน จขกท.ใช้ . ในพระไตรปิฎกแปลไทยใช้คำว่า จิตไม่ฟุ้งซ่านบ่าง จิตสงบบ้าง. คำว่า จิตไม่ฟุ้งซ่าน นั้นจะเป็นคำบรรยายถึงลักษณะของ จิตที่เป็นสมถะ เช่น ที่บรรยายว่า มีอารมณ์เดียว(เอกัคคตา) ไม่ฟุ้งซ่าน(อวิกเขโป) ตั้งมั่นชอบ(สมาธิ). คำว่า จิตสงบ นั้น ก็มีทั้ง 1.ที่ทรงสรรเสริญให้เจริญ เช่น ในพระสูตรที่ตรัสถึง "ความสงบใจในภายใน"(ในลักษณะที่เป็นไปด้วยดี)ว่า แม้นแต่พระเสขะบุคคล(อริยะบุคคลที่ยังไม่บรรลุอรหัตตผล)ที่บรรยายด้วย "ผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม" ก็ยังสมควรที่จะขวนขวายที่จะเจริญจิตเช่นนี้ให้เกิดขึ้น http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/i ... &preline=0 สมาธิสูตรที่ ๓ [๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แต่ไม่ได้ความสงบใจในภายในจำพวก ๑ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน ทั้งไม่ได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน ทั้งได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรมจำพวก ๑ ๆลๆ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม แต่ไม่ได้ความสงบใจในภายใน พึงเข้าไปหาบุคคลผู้มีปรกติได้ความสงบใจในภายใน แล้วถามอย่างนี้ว่า พึงตั้งจิตไว้อย่างไร พึงน้อมจิตไปอย่างไร พึงทำจิตให้มีอารมณ์เดียวเกิดขึ้นได้อย่างไร พึงชักจูงจิตให้เป็นสมาธิได้อย่างไร ผู้ถูกถามนั้นย่อมตอบเขาตามความเห็น ความรู้ว่า พึงตั้งจิตไว้อย่างนี้พึงน้อมจิตไปอย่างนี้ พึงทำจิตให้มีอารมณ์เดียวเกิดขึ้นอย่างนี้ พึงชักจูงจิตให้เป็นสมาธิได้อย่างนี้ สมัยต่อมาเขาเป็นผู้มีปรกติได้อธิปัญญาและความเห็นแจ้งในธรรม ทั้งได้ความสงบใจในภายใน ความสงบในพระสูตรนี้ เป็นความสงบที่จะมาใช้สนับสนุนการเจริญปัญญานั่นเอง 2.แต่ ในขณะเดียวกัน ก็ทรงตรัสเตือนว่า ไม่ให้ติดตัน หรือ ยินดีเพียงในชั้นความสงบนั้นๆ เช่น ในพระสูตร ฌานสูตร ฌานสูตร นว. อํ. (๒๐๔) ตบ. ๒๓ : ๔๓๘-๔๓๙ ตท. ๒๓ : ๓๙๐-๓๙๑ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะแห่งปฐมฌานนั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร ไม่มีสุข เป็นอาหร เป็นของผู้อื่น เป็นของชำรุด ว่างเปล่า เป็นอนัตตา ..." ความสงบในพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น แม้นในความสงบ-ความสุข ที่อาจจะบังเกิดขึ้น ดังนั้น นอกเหนือจากว่า ภาวนาอย่างไรจิตจึงสงบแล้ว ก็ต้องควรที่จะรู้จักด้วยว่า ความสงบนั้นๆเราจะต้องนำไปใช้ในสนับสนุนการเจริญปัญญา ไม่ใช่จบเพียงแค่สงบเฉยๆ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |