วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 19:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศึกษาเรื่องที่ถามจากลิงค์ ๒ ลิงค์นี้

viewtopic.php?f=2&t=23387


http://www.free-webboard.com/view.php?u ... =28&topic=รวมสภาวะของผู้เริ่มภาวนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 30 มิ.ย. 2009, 20:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านกล่าวว่า

" (แสงสว่างในสมาธิ)ที่ว่าเป็นกิเลส(กิเลสละเอียด) ก็ถูกแต่เบื้องแรก ต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส (อาศัยกิเลสส่วนละเอียดไปละกิเลสส่วนหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดในแสงสว่างหรือหลงแสงสว่าง แต่ให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เป็นประโยชน์ เหมือนอย่างกับเราเดินผ่านไปในที่มืดต้องใช้แสงไฟ หรือจะข้ามแม่น้ำ มหาสมุทรก็ต้องใช้เรือ อาศัยแพ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่ได้แบกเรือหรือแพขึ้นฝั่งไป"

แสงสว่างอันเป็นผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญาสามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญาอันเป็นแสงสว่างภายใน ที่ไม่มีแสงใดเสมอเหมือนดัง ธรรมที่ว่า

"นัตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"

จิตเกิดสว่าง แสดงว่าจิตเข้าสู่สมาธิ ถ้านิ่งพั๊บ มืดมิดไม่รู้เรื่อง จิตนอนหลับ"


ย้ำคำพูดของหลวงปู่ดู่ !! จิตเกิดสว่าง แสดงว่าจิตเข้าสู่สมาธิ ถ้านิ่งพั๊บ มืดมิดไม่รู้เรื่อง จิตนอนหลับ





คุณนี่ชอบยกคำครูบาฯมาถกอยู่เรื่อย เวลาอ่านต้องรู้จักแยกประโยคใจความออกมา :b1:

มันไม่จำเป็นทุกคนหรอกที่ว่า เวลาจิตเป็นสมาธิแล้วจะต้องเกิดแสงสว่าง คุณไปศึกษาให้ดีๆก่อน

กุศลแต่ละคนสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากัน บางคนจิตรวมเขาก็รู้แค่ว่าจิตมันรวม

อย่าลืมสิว่า สมาธิมีหลายระดับ กำลังของสมาธิแต่ละระดับไม่เท่ากัน :b12:


"นัตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"


นี่ก็เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับโอภาสเล๊ย เขาหมายถึงปัญญา


จิตเกิดสว่าง แสดงว่าจิตเข้าสู่สมาธิ ถ้านิ่งพั๊บ มืดมิดไม่รู้เรื่อง จิตนอนหลับ"


รู้ไหมว่าจิตนอนหลับคืออะไร แล้วทำไมท่านถึงบอกว่า ถ้านิ่งพั๊บ มืดมิดไม่รู้เรื่องน่ะคืออะไร

คุณนี่จริงๆเลย ... ไม่ว่ากันนะ เพียงแต่แลกข้อสนทนากับคุณ

ใครมาอ่านเจอจะเข้าใจกันไปผิดๆ ... แต่ถ้ามีคนเชื่อคุณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพราะถ้าเคยสร้างเหตุร่วมกันมา ย่อมมาเชื่อกัน :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 01:40
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ครับ ประเด็นนั้นจบครับ ไว้รู้เอง
แต่ขอสนทนาแบบสบายๆสไตล์กันเองนะครับ

อยากรู้ว่า คุณทำกรรมฐาน มีจุดประสงค์อันใดครับ




ฟังเพลงเบาๆ

"ไทดำรำพัน"

http://www.imeem.com/people/IDBnx9S/music/IuN2ahnK//


เพื่ออะไรนะหรือ??

นิพพานสถานเดียว!!!

แต่ถ้าชาตินี้มีเหตุอันใดให้นำพาไม่สามารถไปถึงได้ จิตสุดท้ายก่อนตายจะเข้าสมาธิก่อนเลย และภาวนาขอให้ได้บำเพ็ญต่อในภพต่อไป... ชัดเจน... จบคำตอบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


แสงหลากสี เคลื่อนไหวไปมา เป็นนิมิตจากกรรมฐานที่ไม่เพ่งรูป ก็ดูไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นสีขาวหมดก็แสดงว่า ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
ภาพพระที่ว่า น่าจะเป็นการส่งจิตมาหาของอีกคนหนึ่ง การส่งจิตแบบนี้ ถ้าผู้ส่งเป็นอภิญญาจิต จะเป็นการ ดลใจ เข้าใจว่า เป็นหนึ่งในรูปแบบของ เจโตปริยญาณ แต่ถ้าผู้ส่งยังเป็นนักปฏิบัติอยู่ ก็เป็นโทรจิตธรรมดา จิตเราไม่ได้ไปหาเขา แต่จิตเขาส่งภาพมาให้เรา อาจจะนึกสนุก ไม่คิดว่าจะรับได้จริงๆ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 01:40
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
แสงหลากสี เคลื่อนไหวไปมา เป็นนิมิตจากกรรมฐานที่ไม่เพ่งรูป ก็ดูไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นสีขาวหมดก็แสดงว่า ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
ภาพพระที่ว่า น่าจะเป็นการส่งจิตมาหาของอีกคนหนึ่ง การส่งจิตแบบนี้ ถ้าผู้ส่งเป็นอภิญญาจิต จะเป็นการ ดลใจ เข้าใจว่า เป็นหนึ่งในรูปแบบของ เจโตปริยญาณ แต่ถ้าผู้ส่งยังเป็นนักปฏิบัติอยู่ ก็เป็นโทรจิตธรรมดา จิตเราไม่ได้ไปหาเขา แต่จิตเขาส่งภาพมาให้เรา อาจจะนึกสนุก ไม่คิดว่าจะรับได้จริงๆ ว่างๆ ลองนัดกันนั่งสมาธิ แล้วผลัดกันส่งภาพไปซิ... แต่นี่เป็นเพียงของเล่นเท่านั้นนะ เอาสนุกๆ แก้เซ็งก็พอได้
เอ... แล้วถ้าเจ้าตัวไม่ได้ส่งมา เป็นไปได้หรือไม่ว่า จะมีผู้ที่เหนือกว่าส่งภาพนี้มาให้ เพราะเท่าที่พูดคุยกับเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ส่งภาพ เจ้าตัวสันนิษฐานว่า อาจเป็นพระท่าน(ไม่ทราบรูปไหนที่เป็นอรหันต์และอยู่ในนิพพาน) ที่ดลให้พบและต้องการสื่อว่า "การจะกราบพระควรไปกราบที่ใด" เพราะเจ้าตัวบอกว่าภาพนั้นเป็นภาพที่พระธุดงค์ขึ้นไปไหว้พระที่นิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


เขาส่งมานั่นแหล่ะ ก็เขารู้ลักษณะของพระไม่ใช่รึ... บางที ถ้าเขายังเป็นนักปฏิบัติอยู่ (หมายความว่า ยังไม่ถึงระดับอภิญญา) เขาอาจจะแค่ลองสร้างนิมิตดู แล้วเผลอไผลนึกถึงคุณขึ้นมา พอคุณมาเล่า เขามีท่าทีแบบ "เอ๊ยๆ เราป่าวนะ" ไหมล่ะ
เรื่องแบบนี้ มันถือเป็นการรุกรานอย่างหนึ่งนะ (โดยเฉพาะการดลใจ) ถ้าผู้รับใจไม่กว้างพอ ก็เกลียดกันไปได้เลยนะ แต่เข้าใจว่า เรื่องนี้ น่าจะทำให้เขารู้สึกตัวแล้วว่า สามารถ ส่งกระแสจิต ได้ คงไม่เห็นอีกแล้วใช่ป่ะ

ส่วนผู้ที่เหนือกว่า อันหมายถึงเทพต่างๆ นั้น ไม่มีแบบนี้หรอก... ถ้าถึงเวลาที่จะได้เห็นผี เห็นเทวดา เดี๋ยวก็รู้เอง

ปล. อีกกรณีคือ ความฝันที่มาในรูปนิมิต ก็พึงระวัง แต่เท่าที่อ่าน คิดว่าไม่น่าเจอ เราเข้าใจว่าคนที่เห็นแสงสีวูบๆ วาบๆ มันจะไม่เกิดความฝัน มีแต่จะมุ่งหน้าสู่ความสงบเท่านั้นแหล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 01:40
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
เขาส่งมานั่นแหล่ะ ก็เขารู้ลักษณะของพระไม่ใช่รึ... บางที ถ้าเขายังเป็นนักปฏิบัติอยู่ (หมายความว่า ยังไม่ถึงระดับอภิญญา) เขาอาจจะแค่ลองสร้างนิมิตดู แล้วเผลอไผลนึกถึงคุณขึ้นมา พอคุณมาเล่า เขามีท่าทีแบบ "เอ๊ยๆ เราป่าวนะ" ไหมล่ะ
เรื่องแบบนี้ มันถือเป็นการรุกรานอย่างหนึ่งนะ (โดยเฉพาะการดลใจ) ถ้าผู้รับใจไม่กว้างพอ ก็เกลียดกันไปได้เลยนะ แต่เข้าใจว่า เรื่องนี้ น่าจะทำให้เขารู้สึกตัวแล้วว่า สามารถ ส่งกระแสจิต ได้ คงไม่เห็นอีกแล้วใช่ป่ะ

ส่วนผู้ที่เหนือกว่า อันหมายถึงเทพต่างๆ นั้น ไม่มีแบบนี้หรอก... ถ้าถึงเวลาที่จะได้เห็นผี เห็นเทวดา เดี๋ยวก็รู้เอง

ปล. อีกกรณีคือ ความฝันที่มาในรูปนิมิต ก็พึงระวัง แต่เท่าที่อ่าน คิดว่าไม่น่าเจอ เราเข้าใจว่าคนที่เห็นแสงสีวูบๆ วาบๆ มันจะไม่เกิดความฝัน มีแต่จะมุ่งหน้าสู่ความสงบเท่านั้นแหล่ะ

ขอบคุณค่ะ... เออ คุณคะ วันนี้เราไปนั่งสมาธิมา แล้วทีนี้มันมีแสงสีทองวูบเข้ามาหาตาสามครั้ง เป็นลักษณะวูบๆวาบๆ เปร่งแสงแล้วดับอยู่อย่างนี้สามครั้ง

สักพักก็ปรากฎเห็นตัวอักษรธรรมที่จารึกลงใบลาน เป็นตัวอักษรสีเขียวสะท้อนแสง บนใบลานที่ใสแจ๋ว ปรากฎอยู่พักหนึ่งก็หายไป.. อันนี้จะเป็นนิมิตรหรือเปล่า หรือว่าไม่ใช่

แต่เรื่องพระธุดงค์รูปนั้นเราไม่เห็นอีก แต่จะเห็นแบบอื่นแทนเช่น เห็นเป็นคนคลานเข้ามามองหน้าเรา เห็นผู้หญิงใส่เสื้อขาวพูดเสียงดัง.. มันมักจะเป็นระยๆแล้วแต่โอกาส แต่ก็บ่อยขึ้น แต่พี่เขาบอกว่าให้ปล่อยไปเพราะเราได้แค่มองทำอะไรไม่ได้

ส่วนฝันที่เป็นนิมิต ไม่ทราบ่ว่าเป็นนิมิตหรือเปล่าแต่ก็ฝันเหมือนกัน เช่น ฝันเห็นพระสงฆ์นั่งเรียงกันอยู่เป็นชั้นๆบนอากาศ ฝันเห็นพระเจ้าอู่ทอง แต่เป็นลักษณะของรูปปั้น ซึ่งในฝันยังไม่ทราบว่ารูปปั้นนี้คือใคร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ถามแบบนี้ ก็ตอบยากเหมือนกัน...
ปกติถ้าเห็นแสงสีเหลืองทอง สว่างจ้าแบบดวงอาทิตย์ จะวูบหรือเป็นดวงก็ตาม ก็มักจะพ้นนิมิตทั้งหลายแล้ว คือไม่มีนิมิตใดๆ เกิดขึ้นอีก เมื่อแสงหายไปก็จะมีแต่ความมืด ซึ่งหมายถึง เราสามารถรับรู้ถึงพวกร่างทิพย์ต่างๆ ได้แล้ว (แต่ยังเป็นเพียง ทิพยจักษุญาณ ขั้นต้นเท่านั้น)

ที่ถามมา น่าจะเป็นนิมิต เพราะไม่มีผีใดที่มีรูปร่างแบบนั้น อิอิ
อีกอย่างนะ หากสมาธิถึงระดับ ทิพยจักษุจริง ถ้าคนที่ส่งภาพมา ไม่ได้มีจิตที่สูงกว่าเรามากๆ เราจะเห็นคนที่ส่งจิตเข้ามาด้วย...


อ้า... มีแ้ก้ไขด้วยนี่หน่า... งั้นเพิ่มเติมนิดหนึ่ง
ที่ว่า เห็นคนคลานเข้ามา หรือเห็นผู้หญิงนั้น มีรูปร่างแบบไหน ท่าทางอาการ มีหน้าตาไหม มาตัวเดียวหรือหลายตัว มาแวบหนึ่งหรือเห็นอยู่นาน มาดูเราเฉยๆ หรือมาทำอะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คำพูดบางคำพูดถ้าอธิบายไป เกรงว่าคุณจะไม่เข้าใจ

ต้องปฏิบัติแล้วรู้เอง เห็นเอง ถึงจะเข้าใจ .. สิ่งที่คุณบอกมานั้น

เป็นเรื่องของจิตคุณล้วนๆ จิตคุณน่ะแหละที่เห็นน่ะ

แต่สุดแต่ว่าเขาจะแสดงรูปลักษณะแบบไหนให้คุณเห็น

ถึงบอกคุณว่า ให้คุณหมั่นฝึกเจริญสติปํฏฐาน 4 ให้เดินจงกรมก่อนที่จะนั่ง

สมาธิคุณมากเกินสติ คุณจึงมีนิมิตอยู่เรื่อยๆ มารูปแบบไม่ซ้ำ

จริงๆแล้วมันก็คือกิเลสของคุณที่ซุกซ่อนอยู่ในจิตนั่นเอง

ความอยากรู้ อยากเห็น ทุกคนมีเหมือนกันหมด เพียงแต่ว่ากิเลสมันจะออกมาแสดง

ให้เห็นรูปแบบไหนเท่านั้นเอง คุณเพียงทำความเพียรอย่างต่อเนื่อง

เห็นก็สักแต่ว่าเห็น แต่ถ้าคุณให้ความสนใจในสิ่งที่เห็นมากเท่าไหร่ คุณยิ่งเห็นอะไรๆต่างๆมากขึ้น

แล้วคุณก้จะติดอยู่แค่นี้ ติดอยู่แค่นิมิตหรือกิเลสของตัวคุณเองค่ะ

เพียงจะบอกว่า อย่าไปให้ค่าให้ความหมาต่อสิ่งที่เห็น ไม่ต้องไปสนใจอะไร

เฝ้าดูมันไป แต่อย่าเอาความคิดของคุณไปใส่ว่าอะไร ทำไม อย่างไร

อย่าไปชอบหรือชังมัน .. ยิ่งสงสัยคุณยิ่งฟุ้ง ยิ่งปรุงไปใหญ่

ยิ่งถ้าค้นหาด้วยว่าอะไร ยังไง แบบไหน ทำไม โอ๊ย! เดี๋ยวมาอีกสารพัดรูปแบบ

แลงบ้าง เสียงบ้าง เหมือนมีตัวตนให้เห็นบ้าง ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 30 มิ.ย. 2009, 21:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 01:40
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
ถามแบบนี้ ก็ตอบยากเหมือนกัน...
ปกติถ้าเห็นแสงสีเหลืองทอง สว่างจ้าแบบดวงอาทิตย์ จะวูบหรือเป็นดวงก็ตาม ก็มักจะพ้นนิมิตทั้งหลายแล้ว คือไม่มีนิมิตใดๆ เกิดขึ้นอีก เมื่อแสงหายไปก็จะมีแต่ความมืด ซึ่งหมายถึง เราสามารถรับรู้ถึงพวกร่างทิพย์ต่างๆ ได้แล้ว (แต่ยังเป็นเพียง ทิพยจักษุญาณ ขั้นต้นเท่านั้น)

ที่ถามมา น่าจะเป็นนิมิต เพราะไม่มีผีใดที่มีรูปร่างแบบนั้น อิอิ
อีกอย่างนะ หากสมาธิถึงระดับ ทิพยจักษุจริง ถ้าคนที่ส่งภาพมา ไม่ได้มีจิตที่สูงกว่าเรามากๆ เราจะเห็นคนที่ส่งจิตเข้ามาด้วย...


อ้า... มีแ้ก้ไขด้วยนี่หน่า... งั้นเพิ่มเติมนิดหนึ่ง
ที่ว่า เห็นคนคลานเข้ามา หรือเห็นผู้หญิงนั้น มีรูปร่างแบบไหน ท่าทางอาการ มีหน้าตาไหม มาตัวเดียวหรือหลายตัว มาแวบหนึ่งหรือเห็นอยู่นาน มาดูเราเฉยๆ หรือมาทำอะไร

อ่อ.. เห็นเขาในวัดน่ะ ประมาณเราไปนั่งสมาธิแล้วเหนื่อยก็เลยนอนภาวนา พอเคลิ้มก็เห็นเขานั่งสมาธิอยู่ เขามีลูกเล็กๆด้วย แต่ยังแบเบาะ ลูกเขานอนอยู่บนผ้าอ้อม ยังเห็นถุงมือเด็กเป็นลายการ์ตูนเลย ส่วนเขาเมื่อเห็นเรามอง เขาก็คลานเข้ามาเหมือนสงสัยว่าเราเป็นใคร แต่ยังไม่ทันมาใกล้เท่าไหร่เราก็สะดุ้งเสียก่อน... เข้าใจว่าเขาคงศรัทธาพระศาสนามากนะคะ ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตาม เขายังมีจิตศรัทธาก็โมทนากับเขาด้วย

ส่วนคนที่ส่งภาพมาชี้แจงนิดหนึ่งค่ะ เขาเป็นคนลักษณะที่ดูจิตคนได้ แม้แต่เล่นเอ็มอยู่แบบนี้เขาก็ยังรู้ว่าเราคิดอะไร กินข้าวกับอะไร ทำอะไรอยู่ โกหกมั้ย? เขาสูงกว่าเราเยอะค่ะ ที่เขาบอกว่าไม่ได้ส่งมาแล้วที่เขารู้สภาพของพระรูปนั้น เพราะเขาบอกว่า เป็นเขาในอดีตชาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


อืมม์... ลองคุยกับพี่ที่ฝึก ให้บอกแนวทางการเผื่อแผ่กำลังจิตซิ (แผ่เมตตา) ดีกว่ามองกันไปมองกันมา... แต่เป็นพวกร่างทิพย์จริงหรือเปล่า ต้องลองถามผู้ฝึกดูนะ ท่าทางจะไม่เบาเลยนะนี่...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณวลัยพรอ่านเฉยๆ ครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 01:40
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
อืมม์... ลองคุยกับพี่ที่ฝึก ให้บอกแนวทางการเผื่อแผ่กำลังจิตซิ (แผ่เมตตา) ดีกว่ามองกันไปมองกันมา... แต่เป็นพวกร่างทิพย์จริงหรือเปล่า ต้องลองถามผู้ฝึกดูนะ ท่าทางจะไม่เบาเลยนะนี่...

ถามแล้วค่ะ... ก็แนะนำให้แผ่เมตตา ซึ่งเวลาที่เราเข้าสมาธิแล้วจิตนิ่ง เราจะแผ่ให้ทุกคนเลย ตั้งแต่บิดามารดา เทวดา นาคา พยายมราช ฯลฯ ไปตลอดจนถึงวิญญาณ... พอเห็นเขาเราก็นั่งแผ่ให้อีกรอบ จะจริงหรือไม่ประการ ก็แผ่ไว้ก่อนหละค่ะ กันไว้ก่อน อย่างน้อยๆ ดวงวิญญาณอื่นๆที่เขาไม่ประสงค์จะปรากฎจะได้รับไปด้วย

เดี๋ยวนี้ก็เลยกลายเป็นว่าต้องแผ่ทุกวัน ต้องนั่งสมาธิทุกวัน ต้องทำวัตรทุกวัน ถ้าไม่ทำเหมือนขาดอะไรไป...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อุ้ย :b1:

กระทู้นี้ แค่วันเดียว 50 กว่า reply แล้ว
สมัยนี้คนอยากสอนกรรมฐานกันเยอะเนาะ :b32:



หยิกเบาๆนะ :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 01:40
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


555++ ก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราวแหละนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร