วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 14:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รู้สึกว่าตัวเองย่อหย่อนเรื่องการภาวนาจริงๆ
ไม่ทราบว่า ศิษย์เข้าใจผิดไหมว่า จิตไม่มีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่จึงหลงไป
ในอดีตค่อนข้างบ่อย ตอนนี้ก็เลยเพิ่มการสวดมนต์นั่ง สมาธิ
เดินจงกรม เข้าช่วย (ไม่ทราบว่าตัณหาแทรกหรือเปล่า) และ
รู้สึกเลยว่าอาการอย่างนี้แหละ เริ่มจากตัวเราที่ทำให้พระศาสนา
เลอะเลือนไป (ศิษย์ใช้คำบริกรรมภาวนา พุทโธ ค่ะ)



ไม่ทราบว่า ศิษย์เข้าใจผิดไหมว่า จิตไม่มีวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่จึงหลงไป
ในอดีตค่อนข้างบ่อย


ความจริงกายนี่แหละ คือ ธรรมเป็นเครื่องอยู่เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายสัมผัสได้ง่ายกว่านามธรรม
จิตเกาะอยู่กับขณะปัจจุบันได้ง่ายกว่านามธรรมซึ่งมองเห็นยากกว่า

คำถามที่ได้ยินบ่อยๆ คือปฏิบัติไปแล้วทำไปแล้วตามนั้น เหมือนมีเสียงพากษ์อยู่ในหัว นั่นแหละๆ นามธรรมขาดวิหารธรรม ไม่มีวิหารธรรม หมายถึงว่า ไม่มีที่ยึดที่เกาะ สติสัมปชัญญะ ซึ่งเป็นส่วนนามธรรมจึงลอยๆ เคว้งๆ
เมื่อมีอาการดังว่า ดึงความรู้สึกมาอยู่กับปัจจุบันธรรม คือ กายที่กำลังเคลื่อนไหว ที่กำลังหยิบจับนั่นนี่อยู่ ตามให้ทัน นามธรรมทั้งหมดจะเกาะอยู่กับปัจจุบันอารมณ์นั้น แล้วเสียงพากษ์ในหัวจะหยุดทันที


ตอนนี้ก็เลยเพิ่มการ สวดมนต์นั่ง สมาธิ เดินจงกรม เข้าช่วย (ไม่ทราบว่าตัณหาแทรกหรือเปล่า)


พิจารณา ความคิด ความอยาก ที่เป็นตัณหา กับ ฉันทะ

ตัณหา คือ ความกระหายอยากในสิ่งที่ให้เวทนา หรือ ความกระหายอยากในอารมณ์ที่ชอบใจ หรือ
ความกระหายอยากได้อารมณ์ที่ชอบใจมาเสพเสวยเวทนาอันอร่อย

ฉันทะ ความพอใจ ความชอบ ความอยากในสิ่งที่ดีงาม ความต้องการธรรม

สิ่งที่ฉันทะต้องการ คือ ความจริงและสิ่งดีงาม คือ ต้องการรู้ความจริง ต้องการทำในสิ่งที่ดีงาม หรือ ภาวะที่ดีงามเกิดมีขึ้น อยากทำให้สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์สำเร็จผลเป็นจริงขึ้น

ฉันทะสัมพันธ์กับการกระทำ คือ การทำเพื่อให้รู้ความจริง และการทำเพื่อสร้างภาวะที่ดีงามหรือทำให้สิ่ง
ที่ดีงามเกิดมีขึ้น

ฉันทะเกิดจากโยนิโสมนสิการ (ความคิดถูกวิธี รู้จักคิด หรือ คิดเป็น)


จำง่ายๆก่อนว่า ตัณหา - ต้องการเสพ (เสพอารมณ์ที่ให้สุขเวทนา
หรือในทางกลับกัน หากทำแล้วตนจะต้องพรากจากสุขเวทนา ตัณหามักหยุดการกระทำ ยกตัวอย่าง
สำหรับไว้เทียบเคียง เช่น ขณะนั่งกรรมฐานแล้วรู้สึกเป็นสุขจัง หมดเวลาพอสมควรแก่เวลาแล้ว แต่ไม่อยากเลิกอยากเสพต่ออีก นี่ลักษณะของตัณหา แต่ครั้นประสบทุกข์เวทนา ยังไม่ถึงเวลา
แต่ตัณหาดิ้นรนอยากเลิกไม่เอาแล้วปวด นี่ก็ลักษณะตัณหา..สรุปว่า ตัณหา กับ ฉันทะทำหน้าที่ใกล้ชิดกัน แต่สำหรับปฏิบัติแล้วไม่หวั่นไหว ทำปริญญากิจกำหนดรู้สิ่งนั้นทันทุกๆขณะ ก็ลงกับหลักใหญ่คือสติปัฏฐานแล้ว)

ส่วนฉันทะ ต้องการธรรมและต้องการกระทำ (ต่อให้ทุกข์ยากก็สู้ เพราะต้องการรู้ความจริง นี่ลักษณะ
ของธรรมฉันทะ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 พ.ค. 2009, 12:42, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




v9011.gif
v9011.gif [ 9.57 KiB | เปิดดู 2683 ครั้ง ]
ความต่างระหว่างตัณหา กับ ฉันทะเคยลงไว้ที่บอร์ดเก่า (พอได้สาระ)

ท่านเริ่มตั้งคำถามน่าคิดน่าศึกษาว่า




มีคำถามและคำกล่าวเชิงค่อนพระพุทธศาสนา ทำนองว่า

-พระพุทธศาสนาสอนให้ละตัณหา ไม่ให้มีความอยาก

เมื่อคนไม่อยากได้ ไม่อยากรวยจะพัฒนาประเทศชาติได้อย่างไร

คำสอนของพระพุทธศาสนาขัดขวางต่อการพัฒนา

-นิพพานเป็นจุดหมายของพระพุทธศาสนา

การปฏิบัติธรรมก็เพื่อบรรลุนิพพาน

แต่ผู้ปฏิบัติธรรมจะอยากในนิพพานไม่ได้ เพราะถ้าอยากได้ก็กลายเป็นตัณหา กลายเป็นปฏิบัติผิด

เมื่อไม่อยากได้แล้วจะปฏิบัติได้อย่างไร

คำสอนของพระพุทธศาสนาขัดแย้งกันเอง และเป็นการให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13590

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 ต.ค. 2009, 13:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
(ศิษย์ใช้คำบริกรรมภาวนา พุทโธ ค่ะ)




พุทโธ ใช้สำหรับบริกรรมภาวนาตามจังหวะลมเข้าลมออกบริเวณปลายจมูก
ขั้นต้นนี้ไม่ต่างจากผู้ใช้พอง-ยุบ ลมเข้าท้องพอ ลมออกท้องยุบ คือ ใช้อาการท้องที่พองขึ้นยุบลง
เป็นกรรมฐาน (กรรมฐาน แปลว่า ที่ทำงานของจิต) พองหนอ ยุบหนอ ไปตามจังหวะท้องพองท้องยุบ พร้อมกันไม่ก่อนไม่หลัง นี่ขั้นต้นไม่ต่างกัน เพียงแต่ใช้กรรมฐานคนละจุดคนละที่กัน

ผู้ใช้พุทโธ ลมเข้าภาวนา พุท ลมออกภาวนา โธ ตามจังหวะลมเข้าลมออก ไม่ก่อนไม่หลังกัน พร้อมๆกัน นี่ขั้นที่ว่า เหมือนๆกับผู้ใช้ พอง-ยุบ

แต่ขั้นต่อไปต่างกัน

เคยกล่าวไว้ก่อนหน้าว่า การทำกรรมฐานหลักธรรมน้อยหรือย่อยย่อย (อนุธรรม) ต้องคล้อยหลักธรรมใหญ่คือสติปัฏฐาน ฯลฯ ผลจึงจะตรงกับพุทธพจน์ในมหาสติปัฏฐานสูตร

จะนำตัวอย่างของผู้ใช้พอง-ยุบมาตั้งเป็นข้อสังเกต คห. ล่าง แล้วจะค่อยๆอธิบายแล้วพิจารณาเอาเอง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(คำถามครั้งแรก)



viewtopic.php?f=1&t=22369&st=0&sk=t&sd=a&start=30

กระผม ได้ปฎิบัติ โดยการนั่งสมาธิมาได้ในระยะหนึ่ง หลายคืนที่ผ่านมา กระผมนั่งสมาธิเช่นทุกวันที่เคยทำ
แต่ในคืนนั่น มันเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ผม ไม่รู้หนทางว่าจะปฎิบัติ หรือกำหนดจิตอย่างไรต่อไป
จึงขอโปรดผู้รู้ ที่เคยปฎิบัติมาแล้ว โปรด ให้คำแนะนำด้วยครับ

ในวันนั่น ผมนั่งสมาธิโดยการกำหนด ยุบหนอ-พอง หนอ โดยกำหนดจิตรับรู้การเคลื่อนของกระเพาะอาหาร
เวลาลมหายใจเข้าไปและออกมาครับ กระผม คิดเอาเองว่าคงนั่งได้ประมาณ 2 ชม.ได้แล้ว และผมก็ได้รู้สึก
ว่า ร่างกายของผมเหมือนไม่มี เหมือนจิตผมหยุดนิ่งอยู่ที่ ใดที่หนึ่งโดยไม่รู้ว่า สิ่งที่ผมกำหนดตอนแรก
หายไปไหน ลมหายใจของผมประหนึ่งกับดับไป ผมพยายาม กำหนดต่อไป แต่คราวนี้มันกำหนด ยุบหนอ
พองหนอ ไม่ได้เสียแล้วเพราะ เหมือนกับว่า ร่างกายนี้ไม่มีอยู่ครับ
ผมเลย ใช้การกำหนดดูจิต ที่ยังพอรู้สึกได้อย่างเลือนลางนั่นต่อไป จน ผมเริ่มเกิดความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง คือ
ผมไม่ได้หายใจ แต่ ใจผม ยังคงหยุดอยู่ที่ สิ่งแรกอยู่ แต่รู้สึก สิ่งนั่น ที่ใจนึกถึงนั่น มันเด่นชัดมากขึ้น

ผมนั่งต่อไปอีกสักระยะ หนึ่งครับ แต่ไม่รู้ว่าจะกำหนดอะไรต่อไปแล้ว เพราะ เหมือนรู้สึกว่า ไม่มีอะไรเลยครับ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง หายไปหมด คือ เหมือนร่างกายก็ไม่มี และสิ่งรอบข้าง ก็หายไปหมด เหมือนกับว่า
ไม่มีอะไรอยู่ข้างกาย แบบนี้อ่ะครับ
ผมเลย นึกในใจอยากออกจากสมาธิ ก็เริ่มรู้สึกถึงร่างกายของผมเองขึ้นมาที่ละนิด ๆๆ แล้วก็รู้สึกว่า มีสิ่งแวดล้อมรอบตัว กลับมาอีกครั้ง รู้สึกถึงการหายใจขึ้นมาอีกครั้ง ผมค่อย ๆๆถอดออกจากสมาธิ แล้วลืมตา ในตอนนั้น ในตอนที่รู้สึกถึงร่างกายอ่ะครับ ผมกลับมีความรู้สึกอีกอย่าง เข้ามาในใจอย่างรุนแรงมาก คือ เหมือนว่าร่างกายผมอ่ะครับมันสกปกรกมาก เหมือนกับซากศพอะไรซักอย่าง (ไม่ได้กิล่นนะครับ แต่เป็นความรู้สึกในตอนนั้น) และผมก็เกิดความกลัวไปหมด กลัวจะผิดศีล 5 กลัวภัยในแต่ละวัน เหมือนจิตจะฟุ้งซ่านมากในขณะนั่นเลยครับ

หลังจากคืนนั่น ในคืนต่อ ๆๆมา ผมก็นั่งสมาธิตามปกติ และก็ได้รับรู้ความรู้สึกเช่นที่เป็นมา ทุกคืนติดต่อกัน แต่ ทุก ๆๆคืน จนถึงวันนี้ ผมเหมือนกับเบื่อหน่าย ที่จะทำงาน ไม่อยาก เจอหน้าภรรยา ไม่อยากเจอหน้าพ่อแม่ ไม่อยากเจอหน้าลูก เหมือนเบื่อหน่ายทุกสิ่งในโลก อาหาร แม้แต่ตัวเองครับ วัน ๆๆอยากนั่งทำสมาธิ เพราะ ในช่วงที่ เล่าให้ฟังอ่ะครับ มันมีความสุขมาก เหมือนผมลืมทุกอย่างไปเลย

--ในสิ่งที่ผมถามและอยากรู้นะครับ คือ
1. ผมปฎิบัติผิดตรงไหนหรอเปล่าครับ
2. ถ้าไม่ผิด ผมจะปฎิบัติยังไงต่อครับ
3. สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในขณะนั่นมันคืออะไรกันแนะครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(คำบอกเล่าต่อจากนั้น)


เมื่อวานนี้ ได้นั่งพิจารณา อารมณ์และตามดูจิต ยืน เดิน นั่ง นอน ได้แทบทั้งวัน รู้สึกถึงความเย็น สงบ ใครนินทา กล่าวร้าย ไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลย มันนิ่งได้ทั้งวันจริง ๆ

พอตกดึก มาเจริญสติอีกครั้ง คราวนี้ มีอาการเช่นเดิม คือ เหมือนสภาพร่างกายหายไปแบบตอนแรก
แต่ครั้งนี้ เกิด นิมิตเป็นลูกแก้วใสสว่าง ขึ้นมา จากลูกเล็ก ๆๆก ลายเป็นลูกใหญ่ แล้ว คือเวลาเราหลับตา
อ่ะครับ มันจะดำ ๆๆใช่ไหมครับ

แต่พอ ลูกแก้วขนาดจนเต็มความรู้สึกเหมือนสว่างไสวไปหมด เป็นสี ขาว มีประกายทั่วที่หลับตาอยู่นั่นเอง
และพอ กำหนดให้มันเล็กลง มันก็เล็กได้ดังใจ เหมือนกับว่า ในขณะนั่นจิตจะสั่งการอะไร ได้หมด ความรู้สึกเบื่อหน่ายเริ่มหายไปแล้วครับ แต่รู้สึก กายนี้มีแต่ทุกข์ จิตนี้ก็มีแต่ทุกข์ สิ่งใด ๆๆ ก็ทุกข์ เกิดแล้วดับ วนเวียนไปไม่หมดสิ้น พิจารณาอยู่นาน เหมือนกัน

ตอนนั่นไม่รู้สึกอะไรแล้ว ลมหายใจขาดหายไป ความรู้สึกรอบตัว อาการเย็น ร้อน อ่อน แข็งรอบ ๆๆตัว หายไป หลังจากกำหนด ลูกแก้ว ให้เล็กจนหายไป ภาพกลับมาเหมือนตอนหลับตาปกติ

คราวนี้ เกิดนิมิตใหม่ คือ ได้เห็น ช่วงเวลาตอนบ่าย ตอนเช้า ทุก ๆๆขณะที่กระทำสิ่งใดไปในแต่ล่ะวัน ค่อย ๆๆปรากฎเป็นภาพอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกับว่าได้กลับไปอยู่ในสภานการณ์นั่น ๆๆ อีกครั้งหนึ่ง ได้เห็น สิ่งที่ทำไป ในอดีต ค่อย ๆๆผุดขึ้นมาที่ละนิด ๆ จนได้รู้สึกถึงตอนวัยรุ่น ตอนเด็ก ๆๆ ได้ทำอะไรลงไปบ้าง
บางขณะ ได้ทำอะไรดีดี จิตก็ รู้สึกดี ก็ตามพิจารณารู้ว่า รู้สึกดีตลอด
บางขณะ ได้ทำอะไรชั่ว ก็ได้ตามพิจารณาว่าทำชั่ว
สภาพจิตเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รู้ถึงตอนที่ พ่อมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล
พอถึงตอนนี้ ในความรู้สึกเหมือนน้ำตาไหล ที่เห็น พ่อแม่ อยู่ด้วยกัน (ความเป็นจริงไม่อยู่แล้ว) เลยอธิฐาน
ขอออกจากสมาธิ ภาพเหล่านั่นก็หายไป แล้วความรู้สึก ถึงสภาวรอบตัว และร่างกายกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
แล้วก็ออกจากสมาธิครับ

---สิ่งที่ผมเห็น ผมคิดไปเองหรือเปล่าครับ หรือว่าผมปฎิบัติอะไรผิดอีกแล้วคราวนี้---
++ความรู้สึกหลาย ๆๆอย่าง ไม่เคยจำได้ แต่เห็นเป็นภาพอย่างชัดแจ้ง เมื่อเช้าได้ถามแม่ ในหลายๆเรื่องที่จำไมได้ แต่เห็นในนิมิตนั่น แม่ก็บอกว่าจริงทุกเรื่อง และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตของผมจริง ๆ++

ช่วยแนะนำการปฎิบัติต่อไป ให้ผู้โง่เขลาในธรรมด้วยครับ ไม่อยากยึดตึดกับอะไร ให้เป็นทุกข์อีกต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2009, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
อนุโมทนาสาธุค่ะ อาจารย์

:b47: ช่วงนี้ศิษย์ก็ยังตามอ่าน และพิจารณาตามอยู่ตลอด
เหมือนจิตมันล้า แต่ก็ไม่ได้อยากออกไปทำอะไรให้สนุก
ที่พักใจคือ ลานธรรมแห่งนี้แหละ จะอ่านทบทวนไปเรื่อย ๆ
ถึงจะมีท้อบ้างแต่ไม่ถอยค่ะ



:b8: :b8: :b8:
กราบเรียนมาด้วยความเคารพยิ่ง

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2009, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ระยะนี้ก็รู้สึกท้อๆเหมือนจะเพิ่มขึ้นๆ ทุกวัน อ่านเฉยๆไม่อยากตอบ ซึ่งผิดกับเมื่อก่อน

นึกถึงพระพุทธเจ้าว่า พระองค์มีเมตตาคุณต่อสรรพสัตว์จริงๆ ทั้งที่ครั้งตรัสรู้ใหม่ ก่อนประกาศธรรมได้

ดำริว่า



“ธรรมที่เราเข้าถึงแล้วนี้ ลึกซึ้ง เห็นยาก หยั่งรู้ตามยาก สงบ ประณีต

ตรรกะหยั่งไม่ถึง ละเอียดอ่อน เป็นวิสัยที่บัณฑิตจะพึงทราบ”

(วินย. 4/7/8; ม.มู.12/321/323)



และมีข้อความเป็นคาถาต่อไปว่า

“ธรรมเราเข้าถึงโดยยาก เวลานี้ ไม่ควรประกาศ ธรรมนี้มิใช่สิ่งที่สัตว์ผู้ถูกราคะโทสะครอบงำ

จะรู้เข้าใจง่าย

สัตว์ทั้งหลายผู้ถูกราคะย้อมไว้ ถูกกองความมืด (คืออวิชชา) ห่อหุ้ม

จักไม่เห็นภาวะที่ทวนกระแส ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง เห็นยาก ละเอียดยิ่งนัก”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 01 ก.พ. 2012, 15:56, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2009, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สาธุกับคุณกรัชกายด้วยครับ

บทความที่เป็นธรรมะ
ยาวแค่ไหนก็อ่านได้ครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2009, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๒ คำถามข้างบน ซึ่งกรัชกายนำมาจากบอร์ดอื่น ทีแรกก็ตั้งใจว่า จะอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร
...แล้วควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร พอพิมพ์ไปๆก็เกิดความคิดว่า เออ...เจ้าของคำถามไม่ได้อยู่ตรงนี้
จะเป็นประโยชน์แก่เขาได้อย่างไร ผู้อ่านตรงนี้เค้าไม่ได้ปฏิบัติแบบนี้ไม่เคยประสบกับภาวะเช่นนี้ คงยากจะเข้าใจ คิดก็ล้าล้มเลิกความตั้งใจอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2009, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุ กับความเป็นพหูสูตร ความเกื้อกูลอนุเคราะห์
และความพากเพียรของคุณกรัชกายด้วยคนครับ

ผมเห็นความเพียร ที่จะพยายามอธิบาย ข้ออรรถธรรมของคุณ
ก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ ทึ่งกับความตั้งใจ และความบรรจงอธิบาย
โดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย และเหน็ดเนื่อย

ขอให้มีความสุข และมีพลังเรียวแรง ในการเผยแพร่หลักธรรม
ไปอีกนานๆครับ................สาธุ สาธุ


:b15: :b15: :b15:

:b43: :b43: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

:b47:เห็นด้วยกับคำพูดของ คุณวรานนท์ และคุณบัวศกล
เจ้าของกระทู้ไม่อยู่แต่ มีผู้สนใจและตั้งใจที่จะรอที่จะ
อ่านและคำอธิบายของอาจารย์อยู่ค่ะ

:b47: บางครั้งคนไร้สาระมาคอยถามมาก ๆ อาจารย์อาจจะ
เหนื่อย ทำให้ต้องทำงานหนัก อาจารย์พักผ่อนสักหน่อยก่อน
ให้หายเหนื่อย แล้วกลับมาให้ความรู้ใหม่ ศิษย์จะรออ่าน

:b8: :b8: :b8:
กราบเรียนมาด้วยความเคารพยิ่ง

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ผมได้สังเกตเห็นว่า เมื่อสติทันปัจจุบันได้ดี มิเตอร์ที่ชี้วัด คือ "ความคิด" ความคิดนึกหยุดรำงับไปชั่วขณะที่สติทันปัจจุบันอารมณ์ ฝากมาเป็นข้อสังเกตง่ายๆครับ :b19:

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร