วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 14:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 15:24
โพสต์: 179


 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญธรรมอย่างเดียว ชื่อว่าเจริญธรรมอย่างอื่นอีกมาก
"ดูก่อนอานนท์ ธรรมอย่างหนึ่ง คืออานาปานสติสมาธิ (สมาธิ ซึ่งมีสติกำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นอารมณ์) อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน (การตั้งสติ) ๔ อย่างให้บริบูรณ์ สติปัฏฐาน ๔ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำให้โพชฌงค์ (องค์ประกอบแห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้) ๗ อย่างให้บริบูรณ์ โพชฌงค์ ๗ อันบุคคลเจริญ ทำให้มากแล้ว ย่อมทำวิชชา (ความรู้) วิมุติ (ความหลุดพ้น) ให้บริบูรณ์."

สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ๑๙/๔๑๗

.....................................................
คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


-ขอบคุณครับ :b20:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 00:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 23:59
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุ ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุครับ


ขออนุญาตนำพระพุทธพจน์มาเสนอเพิ่มเติม

แสดงถึง ถึงความสัมพันธ์ของ อานาปานสติ สติปัฏฐานสี่ โพชฌงค์เจ็ด วิชชา-วิมุติ


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก

ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้

ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้

ภิกษุที่เจริญโพชฌงค์ ๗ แล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้ ฯ



การที่อานาปานสติที่เจริญให้มากแล้ว ยังให้บำเพ็ญสติปัฏฐานสี่ให้บริบูรณ์ นั้น
เป็นเพราะ สมาธิภาวนาที่บังเกิดจากอานาปนสติเป็นสมาธิภาวนานั้น มีลักษณะที่"เป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ" คือ พัฒนาหรือช่วยให้เจริญสติปัฏฐานสี่ได้ดีขึ้น

(ข้อ๓ ใน สมาธิภาวนา๔อย่าง

1. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อทิฏฐธรรมสุขวิหาร
(การอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน)
2. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการได้ญาณทัสสนะ
3. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ
4. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย”

องฺ. จตุก.ก. 21/41/53; ...
)


อานาปานสติ มีปรากฏอยู่ในอานาปานสติสูตร และมีปรากฏอยู่ในอานาปานบรรพ(ส่วนกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน)....
คือ อานาปานสติเป็นทั้งธรรมที่สนับสนุนการเจริญสติปัฏฐาน (ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ )
และ ในขณะเดียวกันก็จัดอยู่ในการเจริญสติปัฏฐานด้วย (ปรากฏใน อานาปนบรรพ แห่ง กายานุปัสสนา)

การพิจารณากายยานุปัสสนานั้น เมื่อเจริญให้ดีแล้ว ย่อมยังให้ได้เจริญทั้งเวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ธัมมานุปัสสนา ไปด้วย... เพราะ สติมีหนึ่งเดียว หากแต่ระลึกไปตามอาการ ท่านจึงจัดเป็นสี่

จึงตรงกับคำกล่าวที่ว่า

"ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ "




เมื่อสติปัฏฐานสี่ เจริญได้ดีแล้ว ย่อมยังให้โพชฌงค์เจ็ด ที่ประกอบด้วย สติ สมาธิ ปัญญา บริบูรณ์ตาม.....

หลักธรรม ทั้งหลายนั้น ถึงจะมีความหมายในองค์ธรรมที่ชัดเจน แต่ ก็เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันไป อย่างแยกขาดออกจากกันไม่ได้ ด้วยเหตุนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฏฐธรรมสุขวิหาร.....แปลว่าไรครับท่าน

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญชัย เขียน:
ทิฏฐธรรมสุขวิหาร.....แปลว่าไรครับท่าน



ทิฏฐธรรมสุขวิหาร แปลว่า ธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ที่เป็นสุขในปัจจุบัน

กล่าวคือ ถึงแม้น พระอรหันต์ท่านจะสิ้นกิเลสอาสวะแล้ว แต่ท่านก็ยังคงพักจิต และ ฟื้นธาตุขันธ์ด้วยสุขจากสมาธิอยู่.... สุขจากสมาธินี้ สำหรับพระอรหันต์ท่านก็คล้ายๆกับการที่ร่างกายนอนหลับพักผ่อนเท่านั้น ครับ แต่ว่าร่างกายจะได้พักมากกว่าการนอนหลับพักผ่อนแบบคนทั่วๆไป

ยังมีคำกล่าวถึง พระพุทธองค์ว่า ทรงเป็นฌานสีสี คือ ทรงใช้ฌานเป็นที่พักผ่อนในโอกาสว่าง(จากหนังสือพุทธธรรม)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


mท่านตรงประเด็นนี่เจ๋งๆจริงโมทนาครับ
ขอเบอร์ไว้ปรึกษาครับ ......08..... :b9:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2008, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 15:24
โพสต์: 179


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ
ท่านที่นำข้อความมาเพิ่มได้ความเข้าใจเพิ่มอีก :b8:

.....................................................
คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร