วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2018, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

โลกยุคปัจจุบันอะไรๆก็ทันสมัย สะดวกสบายง่าย
ๆจนบางครั้งแทบไม่ได้ออกแรงกายเลย คนเราเดียว
นี้ก็ดำรงชีวิตคล้ายๆกับคนที่ตายแล้วก็มากเหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีถานะปานกลางจนกระทั้งร่ำ

รวย และร่ำรวยมากๆ ท่านเคยแตะต้องคนที่ตายแล้วบ้าง
ไหม คือตายไปแล้ว หลายชั่วโมง ร่างกายจะเย็นและแข็ง
ยุคนี้ บ้านใครไม่ติดแอร์นี้เค้าว่าเชยไม่ทันสมัย ไม่มีกระตัง
บ้าง ผมก็ติดแล้วค่อยมารู้ในภายหลังก็น่าเสียดายที่ชื้อไปแล้ว
เหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้เลย ที่ว่าใช้ชีิวิตคล้ายๆคนที่ตาย

แล้วนั้นก็คือ เย็นนอก และเย็นใน ความเย็นนี้อาจทำให้รู้สึก
สบายกาย แต่หากเย็นมากเกินไปก็เป็นผลเสียที่ตามมาคือใน
ระยะอาจประมาณ ๕-๑๐ ปี ก็เริ่มจะปรากฏอาการให้เห็น ที่เกิด
จากการใช้ชีวิตอยู่กับความสบายเกินไป + กับความเย็นที่เกิน
ขนาด
+ เย็นนอกนี้ก็คือร่างกายเย็น จากเครื่องปรับความเย็นนั้นก็คือ
แอร์ไม่ว่าจะเป็นแอร์บ้านหรือแอร์รถยนต์ หรือที่ทำงานเดียวนี้ล้วน
แล้วแต่ติดกันทั้งนั้น

(มีต่อครับ)

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2018, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

เมื่อมีชีวิตอยู่กับความเย็นแทบทั้งวัน แล้วหลายที่
เปิดก็มิใช่ทำมะดา เย็นจัด เย็นจิ๊บเลย สิ่งที่ทำให้เสีย
สุขภาพนั้นเพราะว่า เลือดของคนเรานั้นเป็นธาตุน้ำ
ธาตุเหลว ขุ้นกว่าน้ำเมื่อถูกความเย็นย่อมทำให้มีความ
เหนียวหนึดยิ่งขึ้น ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก
เรามาดูหน้าที่ของเลือดกันครับ

อ้างคำพูด:
หน้าที่ของโลหิตและส่วนประกอบโลหิต

หน้าที่ของโลหิตและส่วนประกอบโลหิต

โลหิต คือของเหลวที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย โดยอาศัยเส้นโลหิตขนาดต่างๆ โดยเฉลี่ยแล้วปริมาณโลหิตในร่างกายผู้ใหญ่ปกติ จะมีประมาณ 70 ซี.ซี./กิโลกรัมน้ำหนักตัว คือประมาณ 5-6 ลิตรในเพศชาย และ 4-5 ลิตรในเพศหญิง เมื่อนำโลหิตในร่างกายมาแยกส่วนประกอบของโลหิต จะได้ส่วนประกอบของโลหิต 2 ส่วน คือ พลาสมาและเม็ดโลหิต



พลาสมา หรือน้ำเหลือง มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลือง ค่อนข้างใส ส่วนที่เป็นพลาสมาประกอบด้วยน้ำ สารชีวเคมี เอนไซม์ ฮอร์โมน แอลบูมิน อินมูโนโกลบูลินชนิดต่างๆ และสารที่ช่วยให้เกิดการแข็งตัวของโลหิต

ในส่วนของเซลล์เม็ดโลหิต ประกอบด้วยเม็ดโลหิตแดง เม็ดโลหิตขาว และเกล็ดโลหิต ซึ่งโลหิตในร่างกายมนุษย์นั้นมีคุณสมบัติพิเศษ คือมีความหนืดมีความเป็นด่างอ่อนๆ และมีสีแดงสอ เพราะสารฮีโมโกลบินในเม็ดโลหิตแดง ซึ่งเซลล์เม็ดโลหิตแดงช่วยในการถ่ายเทออกซิเจนให้กับร่างกาย

โลหิตในร่างกายของเรามีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง คือ ขนส่งก๊าซออกซิเจนจากการหายใจเข้า และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายเมื่อหายใจออก มีหน้าที่ในการขนส่งอาหารโดยการดูดซึมสารอาหารจากกระเพาะอาหารและลำไส้เข้าสู่กระแสโลหิตแล้วไหลเวียนผ่านไปยังตับ และส่งต่อให้เซลล์เนื้อเยื่อของอวัยวะโดยเฉพาะจากต่อมไรท่อ ให้สามารถส่งต่อไปสู่อวัยวะต่างๆ ที่ต้องการสารสังเคราะห์ชนิดนั้นๆ นอกจากนี้โลหิตยังมีหน้าที่รักษาดุลของน้ำและเกลือแร่ ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ด้วยการไหลเวียนของโลหิตไปทั่วร่างกาย เม็ดโลหิตขาวทำหน้าที่ในการป้องกันการติดเชื้อ และสร้างภูมิคุ้มกันในแก่ร่างกาย

เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต มีกำเนิดและพัฒนาการจากเซลล์เนื้อเยื่อและแทรกตัวเข้ามาอยู่ในอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโลหิตโดยเฉพาะไขกระดูกซึ่งจะได้รับการกระตุ้นและควบคุมการสร้างเซลล์เม็ดโลหิต จากฮอร์โมนที่เฉพาะ วิวัฒนาการของการสร้างเม็ดโลหิตนั้นจะเกิดขึ้นพร้อมกับการปฏิสนธิของทารกในครรภ์ และดำเนินต่อไปหลังจากคลอดออกจากครรภ์มารดาแล้ว การสร้างเซลล์เม็ดโลหิตในแต่ละช่วงชีวิตมีการพัฒนาไปกับการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างมีระบบ และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน

ในร่างกายของคนเราจะมีเซลล์เม็ดโลหิตแดงประมาณ สามสิบล้านล้านเซลล์ (5.5x10/ลิตร) ในเวลา ในเวลา 120 วัน เซลล์เม็ดโลหิตที่แก่จำนวน 1.2 ล้านเซลล์จะถึงกำหนดถูกทำลายและขับถ่ายออกมา ขณะเดียวกันไขกระดูกจะผลิตเซลล์เม็ดโลหิตใหม่ขึ้นมาแทนไม่มีวันหมด ดังนั้นคนปกติจึงสามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน โดยไม่ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น


ที่มา http://www.med.cmu.ac.th/hospital/blbank/2011/index.php?option=com_content&view=article&id=147:2011-10-07-14-52-15&catid=122&Itemid=591

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2018, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

เมื่อเป็นดังนั้นนานวันเข้าอวัยวต่างๆในร่างกายทุกส่วน
ย่อมจะได้รับสารอาหารและการขับถ่ายสารพิษได้ไม่ดีพอ
ย่อมจะเสื่อมเสียเร็วขึ้นนี้คือบอเกิดแห่งโรคต่างๆอีกทาง
หนึื่งที่เราคิดไม่ถึง และความเย็นเป็นสาเหตุสำคัญของการ
ก่อตัวของไขมันต่างๆในร่างกายด้วย เป็นการสะสมไขมันขึ้น
เรื่อยๆ ความเย็นนั้นทำให้เหงื่อไม่ออก เป็นการขัดขวางระบบ
ขับถ่ายสารพิษในร่างกายออกมาด้วย

ที่ว่าเย็นในนั้นก็คือชอบดื่มน้ำเย็นๆ ไม่พอยังใส่น้ำแข็ง หรือ
ปันใส่น้ำแข็งด้วย การดื่มน้ำเย็นมากหรือบ่อยๆก็ย่อมไม่ดีต่อสุภาพ
ร่างกายเช่นเดียวกันครับ โปรดพิจารณาดูเอาเถิด

และผู้ป่วยโดยส่วนมากแล้วจะเป็นคนที่มีถานะดี คือกินดีอยู่ดีอยู่
สะดวกสบายเกินไป จนบ้างครั้งไม่ได้ออกกำลังทำอะไรเลยถึงกับ
เหงื่อออกในแต่ละวัน แถมยังบำรุงร่างกายเข้าไปอีก ทั้งที่ร่างกาย
นั้นก็มีเหลือแล้ว ยิ่งบำรุงก็ยิ่งสะสมน้ำหนักก่อให้เกิดโรคต่างๆตาม
มาอีกครับ

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2019, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างคำพูด:

น่าห่วง พบ 11 ล้านคน เป็นความดันโลหิตสูง

สาธารณสุขเผยผลการตรวจสุขภาพคนไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไป อยู่ในขั้นน่าห่วง
พบมีปัญหาความดันโลหิตสูงถึง 11 ล้านคน หรือพบ 1 คนในเกือบทุกๆ 5 คน
สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากความอ้วน โรคความดันโลหิตสูงถือได้ว่า
เป็นมหันตภัยเงียบเนื่องจากช่วงแรกไม่แสดงอาการ
ผู้เป็นโรคจึงไม่ทราบว่าเป็นเพราะยังรู้สึกปกติ ทำให้ไม่ได้รักษา เสี่ยงพิการ
และเสียชีวิตจากเส้นเลือดสมองแตก หัวใจขาดเลือด ไตวาย
แนะการป้องกันไม่ให้เกิดโรคง่ายๆ คือ ลดเค็ม เพิ่มกินผัก ออกกำลังกาย
และคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินพิกัด


ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
ขณะนี้โรคความดันโลหิตสูงกำลังเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก
เมื่อป่วยแล้วรักษาไม่หายขาด ล่าสุดสมาคมความดันโลหิตสูงโลก
รายงานประชากรทั่วโลกป่วยเป็นโรคนี้กว่า 1,500 ล้านคน
จากประชากรทั้งหมดประมาณ 6,000 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 7 ล้านคน


สำหรับไทย ผลสำรวจสภาวะสุขภาพประชากรไทยล่าสุดในปี 2547
อยู่ในเกณฑ์น่าห่วง พบว่าประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งมีประมาณ 50 ล้านคน
พบผู้ป่วยประมาณ 11 ล้านคน กล่าวได้ว่าในเกือบทุกๆ 5 คน
จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง 1 คน โดยพบในผู้ชายร้อยละ 23 ผู้หญิงร้อยละ 21
พบผู้ป่วยมากที่สุดในภาคเหนือ รองลงมาภาคกลาง กทม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ โดยในรอบ 10 ปีมานี้
ตั้งแต่พ.ศ.2541-2551 มีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว


สาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เกิดมาจากหลายปัจจัยเสี่ยงร่วมกันที่สำคัญ
คือ การมีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วน กินเค็ม ขาดการออกกำลังกาย
ผลสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อในประชากรอายุ 15-74 ปี
โดยกรมควบคุมโรคในปี 2550
พบว่ามีน้ำหนักเกินและอ้วนร้อยละ 23 มีรอบเอวเกินร้อยละ 21
กินผักและผลไม้เพียงพอคือ 5 หน่วยมาตรฐานขึ้นไปต่อวัน ร้อยละ 23
ออกกำลังกาย 30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ร้อยละ 38


ดื่มสุราร้อยละ 36 สูบบุหรี่ร้อยละ 22 โดยคนในกทม.มีปัญหาน้ำหนักตัวเกิน
อ้วนและรอบเอวเกินสูงที่สุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
พบปัญหาเรื่องการสูบบุหรี่หรือยาสูบสูงสุด
ส่วนภาคเหนือพบปัญหาเรื่องการดื่มสุราสูงสุด


ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพ
และป้องกันไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยยึดหลัก ลดกินอาหารรสเค็ม
ชิมอาหารก่อนปรุงไม่หวานไม่เค็มไม่มัน เพิ่มการรับประทานผัก
โดยรับประทานหลากสีและชนิด ลดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมตามวัย ควบคุมรอบเอวในผู้ชายไม่ให้เกิน 90 เซนติเมตร
ผู้หญิงไม่เกิน 80 เซนติเมตร และออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
สัปดาห์ละ 5 วัน และควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำทุกปี


ที่มา...หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

:b48: :b8: :b48:

อ้างอิง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=207022#p207022

นี้ก็อาจจะเป็นได้หากท่านยังใช้ชีวิตคล้ายๆคนตาย

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร