วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 18:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




1-3a8fbd3f0_jpg.jpg
1-3a8fbd3f0_jpg.jpg [ 60.62 KiB | เปิดดู 4077 ครั้ง ]
การเจริญเมตตา เป็น บ่อเกิดแห่งการรู้แจ้ง

การเจริญเมตตานั้น มีหลายระดับ ถ้าจิตมีความเมตตาจะมีความสงสาร เมื่อมีความสงสาร
ก็มีการให้ ทาน มีความปิติอิ่มใจ เต็มใจให้ นั้นมาจากความเมตตาสงสาร คือให้ได้ ให้วัตถุทาน
เป็นพื้นฐานของการทำบุญ เป็นการละความตระหนี่ตามค่าวัตถุนิยม
อานิสงฆ์ของการให้ทานนั้น ส่งผลให้ไปเกิดในสวรรค์ มีสมบัติอันเป็นทิพย์
ถ้าเกิดในเมืองมนุษย์ก็มั่งมีโภคทรัพย์ และยังมีอานิสงฆ์อีกอย่างหนึ่งของการให้ทาน
เมื่อน้อมระลึกถึงแล้วจิตเกิดความปิติอิ่มใจ ระลึกเพื่อให้จิตสงบมีปิติ หล่อเลี้ยงจิต
อย่างนี้เรียกว่า กุศล เป็นไปเพื่อความสงบระงับดับกิเลส

การเจริญเมตตา เป็นไปเพื่อยังกุศลจิตให้งอกงาม ไพบูลย์
การเจริญเมตตาร คือการให้อภัยทาน ซึ่งสำคัญมากๆผู้ใดบำเพ็ญได้ระดับนี้
อาการ โกธร สักแต่ว่าเป็นอาการให้รู้ว่า ไม่พอใจ แต่ไม่ไปพยาบาทไม่ กล่าวร้าย ไม่ทำร้าย
ถึงมีกระแสแห่งความคิดอยากทำสิ่งไม่ดีโต้ตอบ แต่ก็มีสติรู้เท่าทัน
เมื่อรู้ทันความคิดชั่วนั้น มันถูกรู้มันก็ดับไป ไม่มีพิษภัย เป็นกิริยาเท่านั้น
ไม่มีการสนองการกระทำว่าง่ายๆคือไม่เป็นเจ้ากรรม(ผู้กระทำ)นายเวร(ผู้รับผลกระทำ)

ผู้เจริญเมตตานี้ แม้มีผู้มาทำร้าย หมายชีวิต ถึงแม้จะได้รับความทรมาน
แต่ให้อภัย ไม่อาฆาตพยาบาท ผูกเวรใคร มีแต่ความเมตตาสงสารให้อภัย ทำร้ายใครไม่ได้
จิตผู้บำเพ็ญนี้จึงประเสริฐ รู้ความคิด แยกแยะผิดถูกถึง แม้จะมีความพอใจในกาม
แต่มีขอบเขตรับผิดชอบในศีลห้า มีจิตสงบระงับเข้าถึงความว่างได้
เพราะอำนาจแห่งเมตตาธรรม กามกิเลสก็ไม่รุมเร้ามาก บรรเทาเบาบางลง
มีจิตว่างเป็นวิหารธรรม เมื่อจิตมีความรับผิดชอบต่อชั่วดี ปิดประตูแห่งความชั่วในใจ
ถึงจะคิดชั่ว แต่รู้ทันความคิดนั้น ไม่สนองทางกาย วาจา เจ้ากรรม นายเวรผู้รับผลชั่ว จึงไม่มี

พระพุทธเจ้าจึงทรงรับรองว่าเป็นอริยสาวก ในพุทธศาสนานี้ ปิดแล้วซึ่งประตูนรก
การเจริญเมตตา จิตจึงตั้งมั่นเป็นสมาธิ เพื่อ ความประเสริฐ ไม่มีความอิจฉา พยาบาท
เมื่อจิตมีความตั้งมั่นดีแล้ว จิตเข้าถึงความว่าง มีความเป็นผู้รู้ตื่นอยู่ด้วย สติ สัมปัชชัญญะ
ว่าง่ายๆคือ ความรู้เท่าทัน ความคิดชั่วเกิดก็รู้เท่าทัน เป็นพื้นฐานของการรู้ทัน
แต่มีความรับผิดชอบไม่ทำบาปทั้งปวง ศีลพร้อม

ส่วนการทำกุศลให้ถึงพร้อม นั้น จิตเข้าถึงความว่าง
เพราะละความอิจฉาพยาบาท เป็นเหตุให้จิตเข้าถึงความว่างได้ง่าย
เมื่อพิจารณาถึงการเกิดแห่งตัณหา คือเวทนาๆเกิดจากผัสสะ(กระทบ)ทางอายตนะทั้ง หกประตู
เมื่อมีความสำรวมระวัง ในการกระทบ รูป เสียงฯแล้ว ก็เห็นเวทนา(พอใจ-ไม่พอใจ) เกิด-ดับ
เห็น ความ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน นี่แหละปัญญาญานเกิดตรงนี้

สัมมาวิมุติ ความเห็นชอบในความหลุดพ้น รู้แจ้งที่ผัสสะ เวทนานี่ ไม่มีที่อื่น เพราะรู้เท่าทัน
มันดับ ตัณหา ความอยาก ความไม่อยาก มันก็เกิดจากเวทนา อาศัยเวทนาเป็นเหตุให้เกิด
เมื่อจิตผู้รู้ มีความรู้เท่าทัน เห็นตอนมันเกิด -ดับ ก็จบลงแค่นั้นการรู้แจ้ง
จึงกล่าวว่า
เมตตา เป็นบ่อเกิดแห่งการรู้แจ้ง คือเมตตาเป็นเหตุให้จิตเข้าถึงมหาศีล
เข้าถึงความเป็นผู้รู้ทันความคิด เข้าถึงสัมมาสมาธิ ดำรงจิตว่างไว้ได้
เป็นเหตุให้เกิดสัมมาญาณะ ความรู้แจ้งชอบ สัมมาวิมุติ ความหลุดพ้นชอบ

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 30 ส.ค. 2009, 19:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




ans484291.jpg
ans484291.jpg [ 63.72 KiB | เปิดดู 4041 ครั้ง ]
ของจริงที่แท้มีอยู่ ๕ ประการ

๑. เกิดจริง
๒. แก่จริง
๓. เจ็บจริง
๔. ตายจริง
๕. พลัดพรากจากกันจริง ไม่มีกลับมาอีกแล้ว

ตามหลักพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าสอนชัดเจนมาก
หาก จะฟังโดยคิดพิจารณาแล้วนั้น จะเกิดประโยชน์มาก ปลุกกระตุ้นเตือนจิตให้เรามีสติ ให้เรามีความอดทน เพราะธรรมชาติชีวิตนี้มีของจริง ๕ อย่าง พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ชัด เราเกิดมาในโลกนี้ไม่วายต้องเสื่อมลงทุกวัน การเจ็บป่วยไข้ การไม่เป็นปกติของร่างกายสังขารนั้น ก็เป็นธรรมชาติเป็นจริงแล้ว เรียกว่าเจ็บ เวทนาที่เราได้จากกัมมัฏฐานนี้ก็เรียกว่า เจ็บ ก็ขอให้กัลยาณมิตรทั้งหลายอย่าตั้งอยู่ในความประมาท ความตายในชีวิตของเราเป็นอย่างนั้น

โลกมนุษย์นี้หาความสุขไม่ได้
เวียนว่ายตายเกิดกันตลอดเวลา พระพุทธเจ้าสอนชาวโลกให้พ้นทุกข์ อย่าสร้างทุกข์ไว้ในตัวเอง อย่าทำตัวและคนอื่นให้เดือดร้อน นอกเหนือจากเดือดร้อนแล้วท่านสอนไว้ชัดเจนแต่ไม่มีใครเอามาคิดเลย คือ ทำอะไรอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อย่าเบียดเบียนคนอื่นเขา เราอยู่ได้สบาย ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ถ้าเรายอมเสียเปรียบเขาได้ก็เป็นดี ก็จะมีความสุข ซึ่งก็คือความสงบนั่นเอง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จากการกระทำของเขาเหล่านั้น ไม่มีใครเลยที่จะไม่มีกรรม

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




ans484290.jpg
ans484290.jpg [ 63.96 KiB | เปิดดู 4047 ครั้ง ]
กรรมมี ๒ อย่าง

คือ กรรมดี และกรรมชั่ว กรรมชั่วนั้นเราไม่รู้เป็นของชั่ว ทำไปแล้วจึงรู้ว่ามันเดือดร้อนจริงๆ กรรมดีนั้น เราก็ไม่รู้เป็นของดี แต่ทำไปแล้วก็มีความสุข มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตแน่นอนที่สุด เพราะเราไม่เบียดเบียนตนเอง และคนอื่น

ฉะนั้นกลัยาณมิตรทั้งหลายอย่าประมาท พยายามตั้งสติอารมณ์ สร้างความเพียรให้ได้ สร้างบารมีของเรา คนอื่นเอาบารมีมาให้เราไม่ได้ บารมีก็คือความเพียรที่เราตั้งใจเจริญพระกัมมัฏฐาน ทุกลมหายใจเข้าออก ความจริงในชีวิตนี้ และของจริง ๕ อย่าง วัยเสื่อมไปคือ แก่ เกิดมาแล้ววัยก็ต้องเสื่อมไปจนกระทั่งแก่ บางคนไม่ทันแก่ ก็ต้องมาตาย คนเราในสากล

โลกมนุษย์นี้ไม่ทราบว่าความดีคืออะไร
เพราะ เขาไม่เคยทำ แต่เขารู้เอารัดเอาเปรียบ มีเงินมีทองมากมาย ก่ายกองถือว่าเป็นความดี แต่เขาหาความสุขในจิตใจไม่ได้เลย การเจริญกัมมัฏฐานต้องการแสวงหาความสุข เรามีความสงบมากเท่าไรจะมีความเยือกเย็นใจมากเท่านั้น

เรานั้นวัยก็จะเสื่อมลงไปทุกวัน เราต้องแก่ไปทุกๆ วินาที แต่ความดีไม่มีอยู่กับเราเลย น่าเสียดายมาก อย่าคิดเลินเล่อ อย่าคิดพลาด อย่าคิดประมาท ความตายมาถึงเราเมื่อไรเราจะรู้ได้อย่างไร รีบทำดีเสียเดี๋ยวนี้ผลัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ มัจจุราชแห่งความตายจะมาสู่เราเมื่อไรก็ไม่รู้

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 02 ก.ย. 2009, 15:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




ans484294.jpg
ans484294.jpg [ 54.54 KiB | เปิดดู 4073 ครั้ง ]
การเจริญพระกัมมัฏฐานเป็นการสร้างความดี

ไม่ใช่ใครทำให้ ใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ จะมาแบ่งแจกแจงกันอย่างไร ถ้าเราแบ่งได้กัลยาณมิตรก็ไม่ต้องมาทำ แบ่งความดีไปให้โยมคนละกิโล สองกิโล มันทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นของใครของมัน ต้องทำให้รู้ ทำให้แจ้ง ทำให้เห็นจริง ทำให้ได้ผล ทำให้เกิดสัจจะ ความจริงใจ ชีวิตนี้ก็จะแจ่มใส เกิดแสงสว่างด้วยปัญญา ความลับของกองการสังขารเราจะออกได้ และใช้เป็น วิธีการเช่นนี้นั้น หาคนที่จะสนใจได้อยาก เพราะเขาไร้บุญวาสนาที่จะมาสนใจ อ้างว่ายังไม่ว่าง ยังมีงานอยู่มากหลาย

ถ้าอ้างเช่นนี้แล้ว ไฉนเลยเราจะได้มีโอกาสสร้างความดีกับเขาได้ ความดีมีทั่วไป ความชั่วก็มีทั่วไป ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น เป็นของแน่เพราะเป็นกฎแห่งกรรมจากการกระทำของเรา ปัญหาของเราเอง เราก็ต้องแก้ปัญหาเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาแก้ปัญหาให้ คนอื่นมาแก้ไม่ได้ต้องตัวเราเองถึงจะลึกซึ้ง ใครจะจริงเท่าตัวเราเป็นปัจจัตตังที่พูดเสมอมา

ท่านทั้งหลายอย่าได้ประมาท
เพราะความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย บางคนที่จะรู้ว่าจะตายเมื่อไร นั้นอยากมาก ถ้าเรามีสติครบ เราจะเดินทางไปสู่สัมปรายภพ จะได้พบความสงบเยือกเย็น และเดินทางไปด้วยความดีอันนี้ จะไม่ดีกว่าหรือ จะเอาความชั่วติดตัวไปไปเหยียบโคลน เขาเรียกว่าสะเทือนน้ำสะเทือนบกไม่เรียบร้อย ไปเรือก็ติดแห้ง ไปรถก็ลงน้ำ ติดหล่ม เป็นอย่างนี้แหละหนอ อะไรจะสะดวกสบายเท่ากับ ปัจจัยเราที่สร้างความดีไว้ให้กับตัวเราเอง ความจริงทุกข์อยู่ของมันเอง ความสุขก็อยู่ของมัน แต่เราไปเอาทุกข์มาไว้ในใจ แล้วจะเกิดความสุขได้อย่างไร ความสุขก็หนีไปหมด ความทุกข์ก็เข้ามาแทนที่ สร้างความดีได้อย่างไร

การเจริญกัมมัฏฐานเป็นยอดที่สุดในพระพุทธศาสนาแล้ว ถ้าเราไม่ปฏิบัติธรรมเราก็ไม่ได้อะไรเลย เราจะไปอ่านหนังสือธรรมะสักร้อยเล่มพันเล่ม มันก็เท่านั้น ก็ทำไม่ได้ อ่านได้ก็รู้แต่ในหนังสือแต่ไม่รู้จริงในจิตใจ เพราะเข้าไม่ถึงในจิตใจเลย การจะเข้าถึงจิตใจจะแสดงพฤติกรรมบอกให้คนอื่นได้ทราบนั้น อยู่ที่การปฏิบัติกัมมัฏฐาน ฐานะดีจิตใจเราจะได้แจ้งแสงสว่างมโนธรรม ชีวิตก็จะแจ่มใส ขอให้กัลยาณมิตรคิดอย่างมีสติ คิดการณ์ใกล้การณ์ไกล รู้จักการสับเปลี่ยนและเลื่อนฐานะของตัวเอง ให้เข้าไปสู่ความดีมีปัญญาต่อไป

ถ้าเราผลัดเพี้ยนเปลี่ยนไป เราก็ผลัดตลอด จนกระทั่งตาย ตายไปแล้วก็เอาใส่โลงศพ จะเอาไปฝัง เอาไปสุสาน จะไปเผาก็เท่านั้นเอง ร่างกายสังขารก็เป็นเถ้าถ่าน เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มันก็หมดไปแล้ว เหลือแต่ธาตุดินธาตุเดียว และต้องละลายไปตามดิน ไม่มีอะไรที่จะดีได้เท่ากับจิตใจเราเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเราต้องทำ จิตใจให้ดี เราต้องแก้ไข เราปฏิบัติธรรมต้องประสบทุกข์คือความปวดเมื่อย และจิตใจมันออกไปโน้นไปนี่ มันน่ารำคาญ เป็นธรรมชาติเหมือนลิงค่างบ่างชะนี เช่นนี้ เรากว่าจะทำให้ยุติลงได้แสนจะยากมาก

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณป้าโคม่า ขออนุญาติเรียกคุณพี่นะคะ เพราะดิฉันอายุ46ปีค่ะ แอบชื่นชมคุณพี่มานานแล้วค่ะ ขอบพระคุณมากๆสำหรับธรรมะสาระดีๆ ดิฉันชอบอ่านค่ะ แล้วก็ดอกไม้สวยมากๆทำให้สดชื่นจริงๆค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่มาทักทายช้ามาก :b41: :b53: :b53: :b53: :b41:
:b48: ธรรมะสวัสดีค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริง..ในขันธ์ ๕

ความจริงอันประเสิรฐ คือทุกข์
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ..

ความจริงอันประเสิรฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์
ตัณหา อันใดนี้ ที่เป็นเครื่องนำให้มีการเกิดอีก อันประกอบไปด้วยความกำหนัด เพราะอำนาจ ความเพลิน มักทำให้เพลิดเพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ ตัณหาในกาม, ตัณหาในความมีความเป็น, ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น,

ความจริงอันประเสิรฐ คือความดับไม่เหลือของทุกข์
ความดับสนิท เพราะความจางคลายไปโดยไม่เหลือตัณหานั้น ความสละลงเสีย ความสลัดทิ้งไป ความปล่อยวาง ความไม่อาลัยซึ่งตัณหานั้นเอง

ความจริงอันประเสิรฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
หน ทางอันประเสริฐประกอบด้วยองค์ ๘ นั่นเอง, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ การพูดจาชอบ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ


หวัดดีคับ..คุณป้า...ผมแวะมาเยี่ยมคร๊าาาาาาาาาาาาบ smiley

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


แก้ไขล่าสุดโดย บุหลัน..เลื่อนลอย เมื่อ 09 ต.ค. 2009, 17:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:11
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หวัดดี..ครับ cool

ทุก ๆ วันเราเจอะเจอหลายสิ่งหลายอย่าง บางเรื่องราวทำให้เรียนรู้อะไรมากมาย

และ..บางเรื่องราวก็ทำให้เราหวาดหวั่นสั่นกลัว จนไม่กล้าที่จะทำอะไรมากมายกับชีวิต

แต่...ก็ทำให้เราเข้าใจบางอย่างมากขึ้น เมื่อเราเผชิญกับมันอย่างจริงจัง

จะรู้ว่า...เราตั้งสติและปฏิเสธกับมันอย่างไร เมื่อเราต้องเผชิญกับมันในวันข้างหน้า

ความรักทำเราให้โตขึ้น..แบบเข้าใจตนเองและเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น อีกระดับหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ หรือ สุข ความรักจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป.... :b38:

.....................................................
"ขอมีสติเข้มแข็งดั่งขุนเขา..แต่ขอมีจิตใจอ่อนโอนดั่งขนนก"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย เพลิง. เมื่อ 09 ต.ค. 2009, 17:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หวัดดีครับ..คุณป้าฯ..สบายดีนะครับ :b38:

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




dsc02052_filtered_672.jpg
dsc02052_filtered_672.jpg [ 58.09 KiB | เปิดดู 3996 ครั้ง ]
ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย
พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน
ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี
อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้

ไม่รู้ว่าเธอ ตอนนี้อยู่แห่งไหน
เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า
เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ
อยากมีเธอไว้ปรับทุืกข์ คอยปลอบใจ

คิดถึงเธออยากให้เธอรู้จริงๆ
เธอนั้นคิดถึงฉันบ้างไหม
อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่
ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย (มากกว่าใครๆ)

น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำตาฟ้าพึ่งผ่านไป
เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน
ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ
อยากให้เธอได้ชื่นชม.

คิดถึงนะค่ะ..คุณป้าฯ

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 09 ก.ย. 2009, 23:49, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




ขอบคุณกัลยาณมิตรทุท่านที่แวะมาเยี่ยม..กันค่ะ :b8:

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 09 ต.ค. 2009, 17:06, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




forum.sanook.com.jpeg
forum.sanook.com.jpeg [ 31.49 KiB | เปิดดู 3957 ครั้ง ]
ความเชื่อมั่นที่เที่ยงตรงย่อมนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เคยไหมที่บางครั้งเสียงในใจเราตะโกนดังก้องว่า
นี่แหละคือหนทางสู่ความสำเร็จ ...
แต่เราก็ไม่ค่อยจะมั่นใจในเสียงนั้นสักเท่าไร
เพราะหลายครั้งมันเคยทำ ให้เราต้องผิดหวัง
ทำให้เราไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
และดำเนินชีวิตไปตาม ปกติอย่างที่เคยเป็นมา

อย่ากลัวความผิดหวังหากจะพบอีกสักครั้ง
เพราะความสำเร็จบางครั้งก็อาศัยเพียงความมั่นใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง

เชื่อไหมว่าวรรณกรรมที่โด่งดังที่สุดในโลก
เรื่อง The Tale of Peter Rabbit ของ Beatrix Potter (1886-1943)
หญิงสาวในยุควิคตอเรียนแห่งอังกฤษ ได้รับการปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ร่วม 6 แห่ง
รูปภาพ
ผู้อ่านคงไม่ได้อ่านวรรณกรรมเยาวชนที่เป็นอมตะเล่มนี้แน่
หากผู้เขียนถอดใจยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นเพียงเพราะคำปฏิเสธจากคน อื่น

โชคดีที่เธอเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูลที่ฐานะทางการเงินมั่นคง
เธอมั่นใจในผลงานของเธอเต็มเปี่ยม จึงตัดสินใจลงทุนจ่ายค่าตีพิมพ์เอง
ได้หนังสือมา 250 เล่ม ที่มีภาพประกอบขาว-ดำซึ่งเธอวาดเอง ขายเล่มละครึ่งเพนนี

ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หนังสือขายไปกว่า 200 เล่ม
จึงได้มีสำนักพิมพ์ใหญ่สนใจนำไปตีพิมพ์จำนวน 8,000 เล่ม...
นับถึงปัจจุบันหนังสือเล่มนี้ขายไปแล้ว 40 ล้านเล่ม และได้รับการแปลเกือบทุกภาษา

โดยเฉพาะเล่มที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1902 นั้น
ราคาในท้องตลาด 2 หมื่นดอลลาร์ ที่สำคัญคือเล่มที่เธอเป็นคนลงทุนตีพิมพ์เอง
ราคาขึ้นพรวดพราดไปประมาณ 7 หมื่นดอลลาร์เข้าแล้ว

สำหรับที่มาของหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มโด่งดังนี้ก็มาจาก
เมื่อ Beatrix เขียนจดหมายถึง โนเอล มัวร์ บุตรชายวัย 5 ขวบ
ของครูผู้หญิงที่มาสอนหนังสือให้เธอที่บ้าน
จดหมายฉบับประวัติศาสตร์ฉบับนั้นขึ้นต้นว่า

"โนเอลที่รัก... ฉันไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรถึงเธอดี
เอาเป็นว่าฉันจะเล่านิทานเกี่ยวกับกระต่าย 4 ตัว..."

ว่ากันว่าหากดูจากภายนอกเธอเป็นคนขี้อาย ชอบเก็บตัว
แต่หากเมื่อได้อ่านไดอารี่ที่เธอเขียนทุกวันโดยใช้รหัสแล้วล่ะก็
มันเผยให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ชอบคบค้าสมาคม
มีวิจารณญาณและความคิดเชิงวิเคราะห์ที่ลุ่มลึก
ซึ่งแน่นอนย่อมหมายถึงการคาดคะเนที่ถูกต้อง เกี่ยวกับความดังของ Peter Rabbit ด้วย

หวังว่าทุกๆ ท่านจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความเชื่อมั่นและมั่นใจอีกครั้ง...

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 13 ก.ย. 2009, 15:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 15:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




peony-mix.jpg
peony-mix.jpg [ 23.07 KiB | เปิดดู 3958 ครั้ง ]
วงเวียนแห่งภาวะ

ภาวะหนึ่ง..ใกล้เสียเกินกว่าที่จะรู้ได้ว่ากำลังเผชิญอยู่
ภาวะหนึ่ง..ฟังแล้วเจ็บปวด แต่เมื่อเผชิญ อาจเป็นความสงบสุขของใครบางคน

ถ้าพรุ่งนี้ ภาวะนั้นได้เกิดขึ้นกับเรา
วันนี้ เรามัวทำอะไรอยู่
วันนี้เราคิดถึงสิ่งที่จะพกติดตัวไปมั้ย
หากภาวะนั้นเกิดขึ้นกับเรา เรื่องที่เครียด เรื่องที่กดดัน ณ เวลานี้ มันสำคัญนักหรือ

ลมหายใจ มีเข้า-ออก สอนเราอยู่ทุกเวลา
ช่องว่างระหว่างลมหายใจนั่น...เปรียบดั่ง อารมณ์ของภาวะนั้น
อะไรที่จับต้องได้ หากภาวะนั้นมาถึง ก็คงมอดไหม้ไปกับเรา
และไม่เหลืออะไรให้นำติดไปได้

หากแต่มันฝังในจิตวิญญาณ มันจักล่องลอยติดไปกับเรา สู่ ภาวะใหม่ แห่งวัฏจักรเดิม

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 13 ก.ย. 2009, 15:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




3992.jpg
3992.jpg [ 183.35 KiB | เปิดดู 3958 ครั้ง ]
ธรรมะ...ท่านวัชรเมธี

ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน
พลิกจิต แปร พิษเป็นโอสถ
แต่ข้อดีของ ทุกข์
ขันธ์ 5 หนัก ช่วงเสวยกรรม คือ เราได้ปฏิบัติ งัดธรรมะ ที่เรียนมา
มาใช้ ภาวนา ฝึกจิต พินิจธรรมไป ช่วงปิ่ม ๆ ลงเหว จะตายแหล่ มิตายแหล่
ภาวนาฝึกจิต ดีชะมัด เจอพิษ สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว คือ คุณ พลิกจิต
แปรพิษให้เป็นคุณ พลิกช่วงเสวยทุกข์ ขันธ์ 5 หนักๆ ให้กลายเป็นการปฏิบัติ
เป็นบารมีได้ ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า การทดใช้บารมี เบี่ยงพิษให้เป็นพลัง
ทดกระแสน้ำ เบี่ยงอุกภัย ให้กลายเป็นเขื่อน เบี่ยงลงแม่น้ำแต่ละสาย ให้ความชุ่มเย็น
พลิกจิต ถูกทิศ ถูกจุด มันจะเป็นพลัง เป็นคุณ ดีกว่าช่วงสบายๆ อีก

ยากง่ายแค่ใหน คือ ตัวบำเพ็ญทั้งนั้น
จงจำไว้ว่าช่วงใหนของชีวิต ทุกข์มาเป็นชุดๆ ผิดสังเกตุ
นั่นแหละคือช่วงกอบโกยแล้ว เรียกว่า มีข้อธรรมมาให้ขบ
ขบไม่แตกก็ติดแหงก ขบแตกก็ผ่าน แล้ว บางตัวขบเป็นปี
บางตัวเป็นวันๆ บางตัวเป็นเดือนๆ บางตัวสบายๆ เพราะเคยผ่าน
ถ้าติดแหงก ขบไม่แตก ต้องถามคนอื่นด้วยนะ

เพราะธรรมบางตัว บางเรื่อง บางบารมี ต้องมีผู้ช่วยแนะนำ
เพราะ แต่ละท่าน แกร่ง ถนัด ผ่านมาแล้ว ในบารมีที่ต่างกัน
ท่านนี้เก่งศีล บำเพ็ญมาทางศีล ท่านนี้เด่นทางปัญญา
ท่านนี้เด่นขันติ เด่นทาน ท่านนี้เด่นเมตตา เป็นต้น .....
อย่าเก่งคนเดียว ต้องถามคนอื่น ศึกษาจากคนอื่นด้วย
เพราะ ต่างฝ่ายต่างคือ ครูซึ่งกันและกัน บอกกล่าวแนะนำสอนกันได้

แม้กระทั่งมาร มารคือสุดยอดแห่งการบ่มบารมี ตัวเร่งบารมี
เพราะ มันจะบีบจะเร่งรัดให้เราทำในบางตัว
มาร คือ คู่บารมี แปลกดีใหม ไม่มีมารเร่งท่านก็ไม่สำเร็จ เช่น ขันธมาร กิเลสมาร
ถ้าเรารู้จัก ทดใช้บารมี พลิกจิต แปรพิษเป็นโอสถ
มันจะเป็นคุณ และไอ้ของดีๆ จับผิดจะกลายเป็นพิษ

มารไม่มีบารมีไม่เกิด บารมีเกิด
สุดประเสริฐ คือ อย่าแบกบารมี หรือ หลงบารมี

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 13 ก.ย. 2009, 16:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




flower15[1].jpg
flower15[1].jpg [ 30.59 KiB | เปิดดู 3955 ครั้ง ]
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ทำให้เราได้เรียนรู้และพบเจอ..
เป็น ของขวัญ ...ชิ้นพิเศษ ในชีวิต...
แม้ว่าบางครั้งและหลายครั้ง
เราได้รับ ของขวัญ นั้น
ด้วยการแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่
เป็นบทเรียนแสนยาก หรือ บางครั้งเช่นกัน
เราแลกสิ่งหนึ่งมา ด้วย อีกสิ่งหนึ่ง ...

ธรรมชาติเป็น ของขวัญ ชิ้นพิเศษ
ให้เราเห็นความงดงาม
และ ให้หัวใจซึมซับ ด้วย ความลึกซึ้งดื่มด่ำ
กับ แสงแรกยามเช้า เมื่ออรุณของวันใหม่มาเยือน
ชีวิตเริ่ม...หลังพักผ่อนยามนิทรา

มนุษย์ บางคน มีความฝัน ไว้หล่อเลี้ยงชีวิต
ไว้ตามหา ไว้คิดถึง กัน ...
ความฝันเป็น ความสวยงาม ที่ มาเยือน ยามหลับไหล
ไว้เดินตามหาฝัน ให้ แต่ละวันมีความหมาย
สุขของความฝัน จึงเป็นของขวัญของหัวใจ

การให้.. น้ำใจ... ไมตรี... มิตรภาพ และ ความรัก
เป็นความรู้สึกของใจด้านบวก
ที่ ปราณีต ลึกซึ้ง ทำให้ หัวใจอ่อนโยนลง
จนเกิดความเกื้อกูล ห่วงใย
จนเติมความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันและกัน
ประกายดาวเชื่อว่า
ความรู้สึก เหล่านี้เป็น
คุณค่าของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์
และ ได้พบผ่านมาเจอกัน อาจจะตามลิขิตฟ้า ...

บางคน และ หลายคน
ผ่านมาแล้วจากไกล ไปตามทิศทางชีวิตของแต่ละคน
บางคน และ หลายคน
ผ่านมาแล้ว หยุดพักเพื่อทำสิ่งดีๆ ให้แก่กัน
เริ่มในวันนี้ เท่านั้นหรือ?
หรือเริ่ม รู้จักเกื้อกูล ด้วยการให้ การรับ
การตามค้นหา
กันมาหลายภพ หลายชาติ ..
ตราบเท่าที่ เคยร่วมสังสารวัฏนี้ มาด้วยกัน

ของขวัญ เหล่านี้
ใช่ว่าจะถูกใจ ตรงใจ ทุกๆ คน
แต่ มันต้องมีที่มา และ มีเรื่องราว ให้ตามค้นหา

ความคิดถึง ....ห้วงคำนึง...การรอคอย....
หลายๆ ครั้งที่เราสับสนว่า
สิ่งเหล่านี้ เป็น ของขวัญ ในชีวิต ด้วยหรือเปล่า
เมื่อเรา มีความสุขกับ การได้คิดถึง...ใครสักคน
แล้วรู้ว่า ในยามที่เราคิดถึงนั้น
ใครอีกคนก็รู้สึกไม่ต่างจากเรา ...

ความคิดถึง มันเพิ่มขึ้น ตามแรงคิดถึง
แต่ประกายดาวเชื่อว่า
ความคิดถึงเดินทางไปบอกหัวใจใครอีกคน
ที่เราคิดถึงได้ ....

ความคิดถึง ที่มีแต่ความปรารถนาดี ต่อกัน
ทำให้ความโหยหา ในใจ เบาบางและอ่อนโยน ต่อกัน
เขียนมาถึงตรงนี้ ....ขอ นอนยิ้ม ...
คิดถึง ใครบางคน ...หนึ่ง ...ในห้วงคำนึง
กับเสียงเพลง ...อ่อนหวาน ...ส่งผ่านไป
ไม่ไกล เกินคิดถึง ... สักวัน คงได้เจอกัน

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




20090219_04d3c31fd000a96e2ea4Gvl9NK7Ge04f.jpg
20090219_04d3c31fd000a96e2ea4Gvl9NK7Ge04f.jpg [ 26.2 KiB | เปิดดู 3915 ครั้ง ]
เมื่อเรา ใจสว่าง คนรอบข้างย่อมสว่างด้วย
โลกกว้างก็ล้วนรวย ความสุขด้วย มาสุขกัน
นึกถึงพระเข้าไว้ ความสุขใจจะเกิดพลัน
สำนึกตัว นึกทุกวัน นึกทุกครั้ง นึกทุกครา

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร