วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 185 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b48: ออมสินเวลา :b48:

จุดอ่อนอย่างหนึ่งของมนุษย์ผู้เจริญแล้ว
(วัดด้วยการมีกติกา ระบบ ระเบียบในสังคม)
ก็คือ การยึดติดกับกฎกติกานั้นแบบ 'คาบไม่ปล่อย'

เคยไหมที่คุณไปใช้บริการของหลายองค์กรที่มีกำหนดเปิดทำงานเวลา 09.00 น.
คุณไปก่อนเวลาและรอที่เคาน์เตอร์หน้าประตู
แม้ว่าเจ้าหน้าที่มาทำงานแล้ว แต่ไม่ยอมทำงาน จนเข็มวินาทีแตะเลข 09.00 น.
เจ้าหน้าที่จึงเริ่มขยับเขยื้อนกาย

มนุษย์เงินเดือนไม่น้อยชอบทำตัวเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้
หากไม่ถึงกำหนดเวลาทำงาน ลานที่ฝังตัวจะยังไม่ทำงาน

สัจธรรมหนึ่งของการใช้ชีวิตในสังคมมนุษย์ ก็คือ
กฎเกณฑ์กติกาใดๆ ก็ตามที่มนุษย์เป็นผู้สร้างนั้นลบทิ้งได้เสมอ
แต่ไม่ค่อยมีใครยอมเข้าใจสัจธรรมนี้ (หรือเพราะมันเป็นสัจธรรม ไม่ใช่กฎ?)

แปลก! กลัวขาดทุน แต่ไม่กลัวเสียเวลา

คนเรามีเวลาในโลกนี้เฉลี่ยราว 60 ปี หมดไปกับการเล่นก่อนวัยเรียนราว 5 ปี
การเรียนราว 20 ปี เหลือเวลาอีกเพียง 35 ปี
หักเวลาเกษียณหรือนอนรอความตายอีก 10 ปี
หักเวลาพักผ่อน นอนหลับ สร้างครอบครัว ขับรถ ฯลฯอีกครึ่งหนึ่ง
ก็เหลือเวลาทำงานจริงๆ แค่สิบสองปีครึ่ง หรือราว 4,500 วัน
หรือประมาณหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นชั่วโมงเท่านั้น

ไม่ยาวเมื่อเทียบกับเวลาของโลก หรืออายุของสัตว์บางชนิด ต้นไม้บางพันธุ์

แต่ยาวพอสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ

นี่คือเวลาที่จะสร้างความแตกต่างกันระหว่างมนุษย์แต่ละคน

เพียงรู้จักประหยัดเวลา เก็บเกี่ยวมันเพิ่มจากช่วงยามที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า
ก็อาจเพิ่มจำนวนชั่วโมงแก่ชีวิตได้อีก เพียงวันละสิบนาที
ก็ได้เวลา 'สร้างความแตกต่าง' ในชีวิตเพิ่มมาอีกถึงสองพันกว่าชั่วโมง
และมากกว่านี้อีกหลายเท่า
หากรู้จักเก็บเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ใส่กระปุก ออมสินแห่งชีวิต

เลิกเสียเวลาไปกับเรื่องขยะ เช่น นินทา บ่น ด่า โทรศัพท์คุยเล่น ท่องเน็ตขยะ
แค่ลดละเลิกเวลาพวกนี้ลงบ้างก็ได้เวลามาเยอะแยะ

ความหมายของ 'ตรงเวลา' ไม่ใช่ซื่อสัตย์กับนาฬิกา แต่ซื่อสัตย์กับเวลาที่เรามี

เงินทองมีน้อย ก็ไม่เสียมันไปกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

เช่นเดียวกัน เวลามีน้อย ก็อย่าโยนมันทิ้งไปเปล่าๆ

ทำอะไรสักอย่าง แต่อย่าอยู่เฉยๆ


วินทร์ เลียววาริณ
15 สิงหาคม 2552
พิมพ์ครั้งแรก : เปรียว 2552


คมคำคนคม

To save time is to lengthen life.

การประหยัดเวลาคือการต่อชีวิต

นิรนาม

ที่มา... http://winbookclub.com/basket_detail.php?id=282

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ คุณลูกโป่งสบายดีนะครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ :b8: :b46: :b47: :b48: :b54:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2009, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรจึงจะประหยัดค่าไฟ

ลด.....ละ....เลิก

ลด.... ชั่วโมงการเปิดใช้ไฟฟ้า
ละ.... เว้นการใช้ที่ไม่จำเป็น
เลิก... พฤติกรรมการใช้ไฟแบบสิ้นเปลือง

ลด...ละ...เลิก...ได้มาก เท่าไร คุณก็ยิ่งประหยัดในการจ่ายได้มากที่สุด

ขั้นตอนที่ 1

ต้องลด...ละ...เลิก...พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าแบบสิ้นเปลืองเช่น

-* ลดการเปิดไฟ เช่น จากเคยเปิด 12 ชั่วโมงให้เหลือ 8 ชั่วโมง

-* ลดการเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนลงวันละ ครึ่ง ชั่วโมง

-* ละเว้นการเปิดวิทยุฟังเพลงพร้อมกับเปิดโทรทัศน์

ขั้นตอนที่ 2

หมั่นบำรุงรักษา...ยืดอายุเครื่องใช้ไฟฟ้า...นำพาประหยัดไฟ...ให้อย่างถูกวิธี...ไม่เปลืองไฟ...ยิ่งประหยัด เช่น

-* ตั้งอุณห๓มิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมที่ 25 องศา

-* ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาษของเครื่องปรับอากาศอย่าให้มีฝุ่นเกาะ

-* ไม่นำอาหารที่ร้อนเก็บในตู้เย็น

-*ละลายน้ำแข็งในตู้เย็นสม่ำเสมอ เพื่อให้การทำความเย็นมีประสิทธิภาพสูง

-* ตั้งตู้เย็นออกจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตรเพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี

-* เช็ดผมให้แห้งหมาด ๆ ด้วยผ้าก่อนใช้เครื่องเป่าผม

ขั้นตอนที่ 3

ปรับปรุง...เปลี่ยนแปลง หากประหยัดมากขึ้น อาจต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์บางอย่าง หรือเปลี่ยนจากอุปกรณ์เก่า ที่ใช้ไฟมากและไม่มีประสิทธอภาพ...เป็นตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น

-* ตัดฟิลม์ที่สะท้อนรังสีความร้อนให้หน้าต่างกระจก...ลดความร้อนเข้าบ้าน

-*ปลูกต้นไม้เพื่อบังแสงแดดให้บ้าน

-* ติดฉนวนที่ฝ้าเพดาน...ลดการทำงานของเรื่องปรับอากาศ

-*เปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดตะเกียบ

-*เมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าควรปรึกษาคู่มือการใช้อย่างละเอียดลงแรงและลงทุนหน่อยนะ...แต่ผลคุ้มค่ามากกว่า...ยิ่งประหยัดได้อีก



นำมาฝากค่ะ .... ซำบายดีนะคะ cool

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณนะคะ คุณ-dd- และคุณน้ำที่แวะมาเยี่ยมกัน...
ทุกท่านสบายดีเช่นกันนะคะ ดูแลสุขภาพนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณน้ำสำหรับเรื่องราวดีดีที่นำมาฝากกัน
ช่วยกันดูแลรักษาโลก ช่วยกันประหยัดพลังงานกันนะคะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณ-dd-, คุณjintana63, คุณwalaiporn,
คุณบุหลัน..เลื่อนลอย, คุณปลายฟ้า...ค่ะ, ป่าอ้อและกัลยาณมิตรทุกท่าน

ขอบคุณความสุข กำลังใจดีดี การแวะมาทักทายของเพื่อนเพื่อน
สดชื่นใจจังค่ะ...เข้านี้
ขอบคุณโลกเล็กเล็กใบนี้...ที่ยังมีกัลยาณมิตรที่แสนดี
ที่ช่วยมาเติมความหมายดีดีให้ชีวิตงดงาม

ขอบคุณจริงจริง


:b48: รักและผูกพันค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 11:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 11:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b53: เ ติ ม น้ำ ใ ส ใ ส่ หั ว ใ จ :b53:

มีจุดหนึ่งของการเกิดมาในครอบครัวตะวันออกที่ผมมองไม่เห็น
จนกระทั่งไปใช้ชีวิตในตะวันตก

นั่นคือการที่ผู้ใหญ่เอ่ยคำขอโทษ คำชม และคำขอบคุณต่อเด็กไม่เป็น
(นี่เป็นเพียงข้อสังเกตจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น)

หลายคนพูดจากับคนแปลกหน้าไพเราะกว่าพูดกับสมาชิกในครอบครัว
ยิ้มให้กับคนที่เราไม่รู้จักกันดีอย่างดี
แต่ไม่ยิ้มให้คู่ครองที่อยู่ด้วยกันมานานยี่สิบสามสิบปี

แปลกไหม?

ธอมัส เมอร์ตัน ชาวตะวันตกคนหนึ่งที่ลุ่มหลงชีวิตตะวันออก
เขียนในหนังสือปรัชญาเต๋าเล่มหนึ่งว่า เมื่อเราเดินไปในตลาดพลุกพล่าน
เผลอเหยียบเท้าใครคนหนึ่ง เรารีบเอ่ยว่า "ขอโทษ" และให้เหตุผล
แต่เมื่อเหยียบเท้าลูก เรากลับเงียบกริบ

นี่อาจเป็นพฤติกรรมที่ฝังรากมาจากความเชื่อที่ว่า
ผู้ใหญ่ย่อมไม่ผิด ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน

บางครั้งการเอ่ยคำ "ขอโทษ" นั้นยากเย็นยิ่ง
เหมือนกับศักดิ์ศรีของตนถูกลดทอน
หรือเป็นการเผยว่าตนเองโง่เง่าจนผิดพลาด

ทว่าการพลาดพลั้งยังดีกว่าการไม่เคยพลั้งพลาด
และการกล้ายอมรับว่าตนผิดย่อมดีกว่าการดื้อดึง
เพียงเพื่อรักษาหน้าตาหรือศักดิ์ศรี

มารยาทที่แท้ย่อมรักษาความสม่ำเสมอ และไม่มีข้อแม้ใด ๆ

หลายปีนี้ผมเรียนรู้อย่างหนึ่งว่า บางครั้งการชิงเอ่ยคำ "ขอโทษ" ก่อน
ทั้งที่เราไม่ผิด ช่วยลดอุณหภูมิความเครียดระหว่างสองฝ่ายได้อย่างอัศจรรย์

การเอ่ยคำชมและบอกรักคนอื่นก็อยู่ในข่ายเดียวกัน

คนจำนวนมากรู้สึกเขินเมื่อต้องบอกรักผู้อื่น
คนอีกไม่น้อยมองไม่เห็นว่าทำไมต้องชมคนอื่น
บางคนบอกว่าชื่นชมในใจก็พอแล้ว

พวกเขาลืมไปว่า ไม่มีใครได้ยินคำชมที่อยู่ในใจ

คำชมและคำบอกรักเป็นของฟรี
ให้คนอื่นมากเท่าไร ก็ไม่มีวันหมดจากคลังหัวใจ

ภาษิตฝรั่งบอกว่า
Dont wait until people are dead to give them flowers.

รู้จักชมคนบ้าง เพราะบางครั้งการชมผู้อื่นมีค่ามากกว่าสินจ้างรางวัล

การบอกรักผู้อื่น โดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษคือความพิเศษอย่างหนึ่ง

สัมมาวาจาก็เช่นน้ำเย็น พรมใส่ต้นไม้
นอกจากจะสร้างความชุ่มฉ่ำต่อใบหรือดอก
ยังไหลย้อยลงดินเป็นอาหารแก่ราก

ชีวิตมีความงดงามก็ตรงที่เรารู้จักเติมน้ำดีใส่ลงไปในหัวใจอยู่เรื่อย ๆ

13-11-2004


ที่มา... http://winbookclub.com/basket_detail.php?id=22


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b48: เห็นทุกข์...สนุกดี :b48:


"มนุษย์ไม่เจ็บปวดอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนัก
แต่มักจะปวดร้าวเป็นทุกข์เพราะเก็บเอามาคิดเอามาปรุงแต่งต่างหาก"


เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นบางครั้งไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก
แต่ที่ทำให้ทุกข์ร้อนใจเป็นเพราะเก็บเอามาครุ่นคิด วิตกกังวลจนเกินเหตุ


หากไม่ต้องการให้จิตใจเป็นทุกข์เป็นร้อน
จงรู้จักปล่อยวาง .....


ให้คิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น
เป็นสิ่งธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน


อย่าวิ่งหนีปัญหา
จงเผชิญหน้ากับความจริงที่เกิดขึ้น


แล้วท่องให้ขึ้นใจว่า


"เราจะสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
แม้ว่าจะพ่ายแพ้ก็ยังภูมิใจที่ได้พยายามเต็มที่แล้ว"

หรือ "เมื่อได้พยายามเต็มที่แล้วแม้ปราชัย ก็ยังถือว่ามีเกียรติ"


เมื่อใดที่พ่ายแพ้ ขอให้คิดว่าการแพ้ครั้งนี้เป็นประโยชน์กับตนเองทำให้ได้บทเรียน
ได้ฝึกความอดทน อดกลั้น ทั้งยังเป็นภูมิต้านทานให้กับชีวิต
และหากเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ จะได้รู้วิธีแก้ไขและรู้จักโลกมากขึ้น


"เมื่อเกิดทุกข์ จงเห็นทุกข์เป็นเรื่องสนุก
และเปลี่ยนทัศนคติความคิดเพื่อคลายความทุกข์"

------------------------------------------------------------------
จาก คู่มือสู้ชีวิตด้วยตนเอง ชุดที่ 1 ล้มแล้วลุก...รุกไปข้างหน้า
รวบรวมเรียบเรียงโดย เบญญาวัธน์

ที่มา...บ้านใส่ใจ


:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 15:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณคุณป้าCOMA!,คุณ-dd-, คุณน้ำ , คุณjintana63, คุณกุหลาบสีชา
คุณบุหลัน..เลื่อนลอย, คุณปลายฟ้า...ค่ะ, คุณป่าอ้อ, คุณ ณ มรณา
และกัลยาณมิตรทุกท่าน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันเสมอ
ระลึกถึงนะคะ...ทุกท่าน

ฝากความรัก ความเมตตา ความเื้้อื้ออาทรมาให้ด้วยใจนะคะ...คนดี

:b48: ณ แห่งนี้มีธรรมะละกัลยาณมิตร :b48:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b48: 5 เคล็ดลับทำใจให้เป็นกลาง :b48:

เรื่องทำใจให้เป็นกลาง อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก
เพราะแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานที่ต่างกัน มีประสบการณ์การรับรู้ที่ต่างกัน
และที่สำคัญ ทุกคนก็ยังอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์
ไม่ในสถานการณ์ใดก็สถานการณ์หนึ่ง แต่มิได้หมายความว่าฝึกไม่ได้
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หากเราควบคุมจิตใจตนเองได้ก็นับได้ว่าชนะไปมากกว่าครึ่ง
และนี่คือเคล็ดลับ 5 ประการ ที่จะฝึกทำใจให้เป็นกลาง…

1. อย่ามองตัวเองเป็นศูนย์กลาง

นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุด เพราะถ้ามองปัญหาต่าง ๆ จากมุมมองฝ่ายเดียว
ใจย่อมไม่เป็นกลาง เพราะเราจะไม่มอง
ไม่พยายามเข้าใจเงื่อนไขหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นข้อจำกัดของผู้อื่น

2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เพื่อให้เรามองเห็นภาพแบบองค์รวม ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย
ความหมายก็คือ ต้องลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเขา อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเขา
มีข้อจำกัดแบบเขา เราจะคิดตัดสินใจเช่นไร

3. มองอย่างเจาะลึกหลายชั้น อย่าเอาอาการมาเป็นสาเหตุ

บ่อยครั้งที่ปัญหาความขัดแย้งไม่ อาจแก้ไขได้ เพราะมองตื้นเขินเกินไป
เอาอาการมาเป็นสาเหตุ จึงควรมองอย่างเจาะลึกเพื่อค้นหาเหตุที่แท้จริง
จะได้แก้ไขตรงจุด ถูกประเด็น

4. มองไปที่อนาคตเพื่อ “อยู่” ไม่ใช่ “แยก”
เพราะการมองเช่นนี้เพื่อให้ทุก ฝ่ายยังคงดำรงอยู่ได้
มิใช่แก้ไขเพื่อให้ต้องตายกันไปข้างใดข้างหนึ่ง
เป็นการมองทางออกในทัศนคติที่เป็นบวกต่อทุกฝ่าย

5. หาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ “อยู่ร่วมกัน” ต่อไปได้
การมีทัศนคติที่เป็นบวกยังไม่ใช่ ขั้นตอนสุดท้าย
แต่ต้องหาข้อสรุปในทางเทคนิคหรือวิธีการที่สอดรับกับ “ใจที่เป็นกลาง” ด้วย
ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ่อยครั้งก็มาพลาดท่าตรงนี้เอง
เพราะผู้รับช่วงต่อใจยังไม่เป็นกลางพอ
ยังคิดแบ่งพรรคแบ่งพวก เจ้าโกรธเจ้าแค้น…

ที่มา... http://zybernia.wordpress.com/2008/10/13/middle-way/

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณลูกโป่ง และกัลยาณมิตรทุกๆท่าน
:b48: นำบทความธรรมะของหลวงพ่อจรัญมาฝากค่ะ :b48:

คนบ้าอย่าถือ คนดื้ออย่าสอน คนจรอย่าคบ
คนประจบอย่ารัก คนทักอย่านิ่ง คนจริงอย่าหน่าย
คนอายอย่าล้อ คนง้ออย่าโกรธ คนโฉดอย่าใกล้
คนตายอย่ากลัว คนชั่วอย่านำพา


แก้ไขล่าสุดโดย jintana63 เมื่อ 24 ก.ย. 2009, 23:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 04:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




01-08-2008_08.gif
01-08-2008_08.gif [ 176.28 KiB | เปิดดู 7473 ครั้ง ]
:b20: อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณลูกโป่ง

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 185 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร