วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 06:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


“มะรุม” เป็นไม้กลางบ้านของไทยที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานาน ชาวอินเดียได้ทำการทดลองและเชื่อว่ามีคุณสมบัติใหนการป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้ถึง 300 ชนิด

ประโยชน์ที่พอจะรวบรวมได้มีดังต่อไปนี้

1. รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดจนถึง 10 ขวบ ลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดจากการขาดสารอาหารได้เป็นอย่างดี กรณีในเด็กแรกเกิด การให้สารมะรุมทำได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน้ำนมมารดา เมื่อทารกดื่มนมมารดาที่รับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอจะเพิ่มภูมิต้านทานและแคล
เซี่ยมได้ผล 100%

2. ช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ ท่านอาจารย์สุทธิวัส คำภา ได้บรรยาย ณ วัดป่าธรรมชาติว่า ถ้าได้รับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอย่อมมีโอกาสที่จะหายจากโรคเบาหวาน

3. ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูงให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ แต่ต้องควบคุมอาหาร การบริหารร่างกายง่ายๆ มิฉะนั้นการบำบัดจะไม่ได้ผล

4. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ต่ำลงของผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ และสามารถมีชิวิตอยู่อย่างคนปกติทัวไปในสังคม การรักษาโรคเอดส์ประสบผลสำเร็จอย่างกว้างขวางจากประเทศในกลุ่มแอฟริกา และประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.2005 จากการค้นคว้าและทดลองของวัดแอฟริกาอินแลนด์ ประเทศทานซาเนีย โดยนายแพทย์เฟลิซี และพยาบาลชาวเยอรมัน ชื่อไมค์กีื เอตลิ่ง

5. ถ้ารับประทานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แต่ถ้าเป็นมะเร็งอยู่จะช่วยให้การรักษาง่ายขึ้นในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ถ้าใช้ควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน ถ้ารักษาด้วยการฉายรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยลดการแพ้รังสี ขณะนี้สถาบันค้นคว้าโรคมะเร็งของมหาวิทยาลัยการแพทย์จอนฮอพกินส์ ตลอดจนหน่วยงานวิจัยหลายสถาบันกำลังเร่งทำการค้นคว้าด้านนี้อย่างจริงจังดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ http://www.PUBMED.GOV โดยพิมพ์คำว่า MORINGA ท่านจะได้ข้อมูลการวิจัยอย่างมากมาย

6. ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคเก๊าท์ โรคไขข้อ กระดูกอักเสบ มะเร็งในกระดูก รูมาติซั่ม

7. ช่วยรักษาโรคตาเกือบทุกชนิด ถ้ารับประทานอย่างสม่ำเสมอจะทำให้สายตาดีขึ้น บุตรชายของผู้เขียนรับประทานใบมะรุมประมาณปีครึ่งก็ปรากฎว่าอาการสายตาสั้นที่เป็นอยู่ดีกว่าเดิมจนสังเกตได้ ตัวผู้เขียนเป็นโรคตา “กลูโคม่า” อย่างรุนแรง มีอาการน่าวิตก หลังจากรับประทานมะรุมอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่สี่ ผลปรากฎว่าอาการดีขึ้นอย่างมากจนแพทย์ผู้ทำการรักษาประหลาดใจ และงุนงงเมื่อทราบว่าเป็นผลมาจากการทานใบมะรุมที่ท่านปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนนั่นเอง

8. รักษาโรคลำไส้อักเสบ พยาธิในลำไส้

9. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคปอดอักเสบ

10. รักษาโรคทางเดินหายใจอักเสบ โพรงจมูกอักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้

11. ช่วยเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ผลเร็ว

12. รักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษมีผลในเพศหญิงเต็ม 100% ชาย 75%

มะรุมรักษาโรคเอดส์

เราได้ทราบข่าวมหัศจรรย์จากเมืองมูโซมา ประเทศแทนซาเนีย Afritca Inland Church ใน Tanzania (AICT) ซึ่งมีศูนย์สุขภาพท้องถิ่นที่มีแพทย์ชาวแทนซาเนียเป็นผู้ดูแลชื่อคุณหมอ Feleshi กับพยาบาลชาวเยอรมันชื่อMaike Ettling ทำการช่วยเหลือกลุ่มคนที่กำลังเป็นโรคเอดส์ ที่เรียกตัวเองว่าเผ่า Kazo Roho

ในช่วงสองปีที่ผ่านมาพวกเขาได้ทำการรักษาคนไข้โรคเอดส์มากกว่าร้อยคน โดยใช้ชา Artemisia Annua และมะรุมร่วมด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิด ด้านจิตใจ อารมณ์และสังคมของผู้ป่วยได้เปลี่ยนจาก HIV+ เป็น HIV- และแต่ละกรณีได้รับการยืนยัน เป็นแค่ข้อความบางตอนของหนังสือที่อ้างอิงค่ะ ท่านใดมีรูปของต้น ดอก หรือใบของมะรุม ก็กรุณาโพสต์ได้เลยนะค่ะ


อ้างอิงจาก...หนังสือนาฬิกาชีวิต ตอน 2
ขอโมทนาบุญกับคุณวิไลวรรณ อนุสารสุนทร ผู้รวบรวมและอนุญาตให้เผ่ยแพร่ “มะรุมต้นไม้เพื่อชีวิต” ด้วยบุญกุศลนี้ขอให้ท่านจงพ้นจาก สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัยทั้งหลายด้วยเทอญ

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณ taktay
สำหรับบทความดีๆครับ :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Marum-B.jpg
Marum-B.jpg [ 125.07 KiB | เปิดดู 9220 ครั้ง ]
เพิ่มให้อีกค่ะ

เผย คุณสมบัติสมุนไพร “มะรุม” บำบัดโรคกว่า 300 ชนิด ทั่วโลกให้ความสนใจ ขณะที่คนไทยยังไม่รู้ค่า ล่าสุด ผู้ประกอบการรวมตัวนำมะรุมใส่เทคโนโลยียุคใหม่ หวังสร้างชื่อสู่สากล

ดร.หทัยกาญจน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ในฐานะที่ปรึกษาด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพร บริษัท H.C Herb-Club (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มะรุม หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือMoringa oleifera Lam. จากผลงานวิจัยของประเทศเยอรมัน ซึ่งถือเป็นชาติผู้นำด้านการสกัดสารจากสมุนไพรระบุว่า มะรุมมีคุณสมบัติช่วยบำบัดโรคได้กว่า 300 ชนิด โดยเฉพาะโรคสำคัญๆ ของมนุษย์ เช่น โรคมะเร็ง โรคขาดสารอาหาร และโรคเอดส์ เป็นต้น

สาเหตุ ที่มีคุณสมบัติบำบัดโรคได้หลากหลาย เนื่องจากในมะรุมมีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูงมาก อีกทั้งมีคุณค่าทางอาหารสูง ช่วยบำบัดและป้องกันโรคต่างๆ โดยมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า มีวิตามินเอบำรุงสายตามากกว่าแครอต3 เท่า วิตามินซีช่วยป้องกันหวัดได้สูงกว่า 7 เท่าของส้ม มีแคลเซียมบำรุงกระดูกเกินกว่านมสด 3 เท่า มีสารโพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบปราสาท 3 เท่าของกล้วย ใยอาหารและพลังงานไม่สูงมากเหมาะแก่ผู้ควบคุมน้ำหนัก และน้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุมมีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพ นอกจากนั้น ไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้บริโภคใดๆ ทั้งสิ้น

ดร. หทัยกาญจน์ เผยต่อว่า ต้นมะรุมมีปลูกอยู่ทั่วโลก โดยมนุษย์รู้จักพืชชนิดนี้มากว่า 4,000 ปีแล้ว ในต่างประเทศทำการวิจัยและสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยบำรุงร่างกายมาหลายปี แล้ว จนได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในทวีปยุโรป และอเมริกา

ทว่า ในประเทศไทยการรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆ ของมะรุมดังกล่าวยังไม่กว้างขวางมากนัก ส่วนใหญ่คนไทยจะแค่นำฝักมะรุมไปทำแกงส้ม หรือกินกับน้ำพริก ขณะที่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทำโดยกลุ่มผู้ผลิตชุมชน ซึ่งยังขาดทั้งความรู้ขั้นลึกซึ้งและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ไม่สามารถสกัดเอาส่วนที่ดีที่สุดของมะรุมออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้ อีกทั้ง ขั้นตอนการผลิตยังไม่ได้มาตรฐานระดับสากลยอมรับ

จาก ประเด็นดังกล่าว จึงเกิดการรวมตัวของผู้ประกอบการเวชสำอางท้องถิ่นในภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี อยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง และสิงห์บุรี ในนาม บริษัท H.C Herb-Club (ประเทศไทย) จำกัด มีวัตถุประสงค์นำผลิตภัณฑ์สกัดจากพืช ธรรมชาติในท้องถิ่นของไทย ซึ่งมีคุณสมบัติยอดเยี่ยม เช่น มะรุม มาต่อยอดเพื่อผลักดันสมุนไพรไทยไปสู่ตลาดโลก โดยใส่นวัตกรรมทันสมัย การผลิตได้มาตรฐาน อย. และ GMP โดยมีสนับสนุนงบประมาณกว่า 12 ล้านบาทจากภาครัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กรมส่งเสริมการส่งออก และศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

ผู้ เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร กล่าวว่า การสกัดสารจากมะรุมเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน ซึ่งผ่านการวิจัยมากว่า 5 ปี นำร่องเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพแบบเม็ดแคปซูล ในชื่อ “Moringa HC Herb-Club” โดยเปิดตัวสินค้าในงาน Thailand Health & Beauty Show 2008 ณ เมืองทองธานี ที่ผ่านมา หากสนใจในข้อมูล ติดต่อได้ที่ 081-618-9313

ทั้งนี้ แคปซูลมะรุมดังกล่าวใช้วัตถุดิบต้นมะรุม ปลูกแถบ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ M.oleifera ซึ่งเป็น 1 จากทั้งหมด 13 สายพันธุ์ของต้นมะรุม โดยข้อได้เปรียบของเมืองไทยอยู่ในโซนอากาศร้อนชื้นทำให้ได้มะรุมที่มีสาร อาหารสูงกว่าปลูกในต่างประเทศ โดยการรับประทานหลังอาหาร ครั้งละ 2 เม็ด เช้าและเย็น เพียง 3-4 วันจะเริ่มเห็นผล

สำหรับกลุ่ม ลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้ คือ ตลาดต่างชาติ โดยเฉพาะทวีปยุโรป ผ่านการทำตลาด โดยไปตั้งบริษัทลูกที่ประเทศเยอรมัน รวมถึง ได้ขึ้นจดทะเบียนทั้งสูตรการผลิต และตัวผลิตภัณฑ์ ณ ประเทศเยอรมัน ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางด้านการสกัดสมุนไพรที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ช่วยป้องกันสิทธิ์ให้สมุนไพรไทยก่อนที่ถูกชาติอื่นอ้างสิทธิ์ไปขึ้นทะเบียน ตัดหน้าอย่างที่เคยเป็นมา

ดร.หทัยกาญจน์ ระบุว่า ตั้งเป้าในปีหน้า (2552) ผลิตภัณฑ์เม็ดแคปซูล จากสารสกัดมะรุมจะมียอดขาย 4-5 ล้านบาท นอกจากนั้น เตรียมออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะรุมอื่นๆ ตามมา เช่น ใบชา เครื่องสำอาง น้ำมันมะรุม เป็นต้น เชื่อว่า หากสมุนไพรชนิดนี้จากประเทศไทยเป็นรู้จักในกว้างขวาง ทั้งจากคนไทยด้วยกันเอง และชาวต่างชาติ จะมีส่วนสำคัญในการช่วยยกระดับการผลิตและสภาพเศรษฐกิจของกลุ่มผู้ผลิตสินค้า สมุนไพรระดับชุมชนของไทยให้ขึ้นสู่มาตรฐานสากล

From: http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews. ... 0000131367

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพิ่มอีกนิดนะคะ

นำข้อมูลมาจาก เวปไซด์.ตามรอยพระพุทธบาท » ห้องสุขภาพอนามัย » ข่าวดี..ค้นพบว่า “ต้นมะรุม” ป็นยา “ลดไขมันป้องกันมะเร็ง” ได้

เมื่อวันก่อนได้ทราบข่าวว่า หลวงพ่ออนันต์กลับมาจากอเมริกาได้เล่าว่า มีฝรั่งที่รัฐฟอร์ลิดา สหรัฐอเมริกา นิยมปลูกต้นมะรุมกันที่หน้าบ้านแทบทุกบ้าน เพราะรู้ว่าเป็นตัวยารักษาโรคมะเร็งได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้พบว่าแพทย์ไทยก็รู้เรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน คือ รศ.ดร.สุธาทิพย์ ภมรประวัติ ได้บันทึกไว้ในหัวข้อว่า...

มะรุมลดไขมันป้องกันมะเร็ง

“มะรุม” เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ กินได้หลายส่วน ทั้งยอด ดอก และฝักเขียว แต่ใครๆ ก็นิยมกินฝักมากกว่าส่วนอื่นๆ

ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ทางอีสานเรียก “ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม”
ภาคเหนือเรียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง”
ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่” เป็นต้น

มะรุมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam.
วงศ์ Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย


มะรุม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 3-4 เมตร ทรงต้นโปร่ง ใบเป็นแบบขนนกคล้ายกับใยมะขามออกเรียงแบบสลับ ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าด้านบน ดอกออกเป็นช่อสีขาว ดอกมี 5 กลีบ

ฝัก มีความยาว 20-50 เซนติเมตร ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง
เป็นที่มาของชื่อต้นไม้ตีกลองในภาษาอังกฤษ (Drumstick Tree)
เปลือกฝักอ่อนสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมนเป็นระยะตามความยาวของฝัก
เปลือกฝักแก่มีสีน้ำตาล เมล็ดมีเยื่อหุ้มลักษณะกลมมีสีน้ำตาล
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร เมล็ดแก่สามารถบีบน้ำมันออกมากินได้

มะรุม เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ การปลูกการดูแลรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน เกษตรกรจึงมักนิยมปลูกมะรุมไว้ริมรั้วบ้านหรือหลังบ้าน 1-5 ต้น เพื่อให้เป็นผักคู่บ้านคู่ครัวแบบพอเพียงที่ไม่ต้องซื้อหา

คนไทย ทุกภาคนิยมนำฝักมะรุมไปทำแกงส้ม ด้วยการปอกเปลือกหั่นฝักมะรุมเป็นชิ้นยาวพอคำ ถือว่าเป็นผักที่ทำแกงส้มคู่กับปลาช่อนอร่อยที่สุด จะต่างกันก็ในรายละเอียดของแกงตามแบบอย่างของแต่ละท้องถิ่นเท่านั้น แม้แต่ทางใต้ก็นิยมนำมะรุมมาทำแกงส้มปลาช่อน โดยจะใช้ขมิ้นเพื่อดับกลิ่นคาวปลาและเพิ่มสีสันของน้ำแกง ปรุงรสเปรี้ยวด้วยการใส่ส้มแขกแทนน้ำมะขาม และหั่นปลาช่อนเป็นแว่นใหญ่ไม่โขลกเนื้อปลากับเครื่องแกง

ผู้เฒ่าผู้แก่นิยมกินมะรุมในช่วงต้นหนาว เพราะเป็นฤดูกาลของฝักมะรุม หาได้ง่าย รสชาติอร่อยเพราะสดเต็มที่ มีขายตามตลาดในช่วงฤดูกาล คนที่ปลูกมะรุมไว้ในบ้านเท่านั้นจึงจะมีโอกาสลิ้มรสยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอกและฝักอ่อน ช่อดอกนำไปดองเก็บไว้กินกับน้ำพริก ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก และฝักอ่อนนำมาลวกหรือต้มให้สุก จิ้มกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกแจ่วบอง กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่วได้ทุกอย่าง หรือจะใช้ยอดอ่อน ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้

ส่วนอื่นๆ ของโลกจะใช้ใบมะรุมประกอบอาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง หรือปรุงเป็นซอสข้นราดข้าวหรืออาหารแป้งอื่นๆ นอกจากนี้ ใช้ใบตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร เช่นเดียวกับที่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนครใช้ใบมะรุมแห้งปรุงเข้าเครื่อง “ผงนัว” กับสมุนไพรอื่นไว้แต่งรสอาหารมาแต่โบราณ ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขก

คุณค่าทางอาหารของมะรุม

มะรุมเป็นพืชมหัศจรรย์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค

ใบ มะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า
การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ 3
เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน

นอกจากนี้ มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ

วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอต 3 เท่า

วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม

แคลเซียมบำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด

โพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย

ใยอาหารและพลังงานไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย

น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุม มีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

จากอาหารมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ปัจจุบัน ชาว ญี่ปุ่น ผลิตชาใบมะรุมออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์
ระบุว่าใช้แก้ไขปัญหาโรคปากนกกระจอก หอบหืด อาการปวดหูและปวดศรีษะ
ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบายกาก

ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก แต่ที่
ประเทศฟิลิปปินส์และบอสวานา หญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะกินแกงจืดใบ มะรุม
(ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก “มาลังเก”)
เพื่อประสะน้ำนมและเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย

ชะลอความแก่

กล่าว กันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน (rutin และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และ caffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย

ฆ่าจุลินทรีย์

สาน เบนซิลไทโอไซยาเนตโคไซด์และเบนซิลกลูโคซิโนเลตค้นพบในปี พ.ศ. 2507 จากมะรุมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สนับสนุนการใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู

ปัจจุบันหลังจากค้นพบแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร Helicobactor pylori กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อดังกล่าว

การป้องกันมะเร็ง

สาร เบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ ชนิดหนึ่งและ
สาร ไนอาซิไมซิน (niazimicin) จากมะรุม
สามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้นโดยสารฟอบอลเอสเทอร์ในเซลล์ มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้

การทดลองในหนูพบว่าหนูที่ได้รับฝักมะรุม เป็นอาการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจากการกระตุ้นน้อยกว่ากลุ่มทดลอง โดยกลุ่มที่กินมะรุมเนื้องอกบนผิวหนังน้อยกว่ากลุ่มควบคุม

ฤทธิ์ลดไขมันและคอเลสเทอรอล

จาก การทดลอง 120 วัน ให้กระต่ายกินฝักมะรุม วันละ 200 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันเทียบกับยาโลวาสแตทิน 6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันและให้อาหารไขมันมาก

คุณค่าทางโภชนาการของอาหารอินเดีย พ.ศ. 2537

ใบมะรุม 100 กรัม

พลังงาน 26 แคลอรี

โปรตีน 6.7 กรัม (2 เท่าของนม)

ไขมัน 0.1 กรัม

ใยอาหาร 4.8 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 3.7 กรัม

วิตามินเอ 6,780 ไมโครกรัม (3 เท่าของแครอต)

วิตามินซี 220 มิลลิกรัม (7 เท่าของส้ม)

แคโรทีน 110 ไมโครกรัม

แคลเซียม 440 มิลลิกรัม (เกิน 3 เท่าของนม)

ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม

เหล็ก 0.18 มิลลิกรัม

แมกนีเซียม 28 มิลลิกรัม

โพแทสเซียม 259 มิลลิกรัม (3 เท่าของกล้วย)


พบว่าทั้งกลุ่มที่กินมะรุมและยา มีคอเลสเทอรอลฟอสโฟไลพิด
ไตรกลีเซอไรด์ VLDL LDL ปริมาณคอเลสเทอรอลต่อฟอสโฟไลพิด และ
atherogenic index ต่ำลงทั้ง 2 กลุ่มมีการสะสมไขมันในตับ หัวใจ และท่อเลือดแดง (เอออร์ตา)

กลุ่มควบคุมปัจจัยด้านการสะสมไขมัน ในอวัยวะเหล่านี้ไม่มีค่าลดลงแต่อย่างใด

กลุ่มที่กินมะรุมพบการขับคอเลสเทอรอลในอุจจาระเพิ่มขึ้น
ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการกินมะรุมมีผลลดไขมันในร่างกาย

ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่มีโรคอ้วนมาแต่เดิม
การศึกษาการกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูง
มีปริมาณคอเลสเทอรอลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม
นอกจากนี้กลุ่มทดลองมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง

สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณไขมันทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง

ฤทธิ์ป้องกันตับ

งาน วิจัยการให้สารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมะรุม
กรณีทำให้ตับหนูทดลองเกิดความเสียหาย โดยยาไรแฟมไพซิน
พบว่าสารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันตับ โดยมีผลกับระดับ
เอนไซม์ แอสาเทตอะมิโนทรานสเฟอเรส
อะลานีนทรานมิโนทรานสเฟอเรส
อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสและบิลิรูบินในเลือด
และมีผลกับปริมาณไลพิดและไลพิดเพอร์ออกซิเดสในตับ
โดยดูผลยืนยันจากการตรวจชิ้นเนื้อตับ
สารสกัดใบมะรุมและซิลิมาริน (silymarin กลุ่มควบคุมบวก)
มีผลช่วยการพักฟื้นของการถูกทำลายของตัวจากยาเหล่านี้

ผลิตภัณฑ์ มะรุมของต่างประเทศ จะอ้างฤทธิ์รักษามากมาย
ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ทาง วิทยาศาสตร์

แค่ฤทธิ์ที่พิสูจน์ได้นี้ก็คงเพียงพอแล้ว
ที่คุณจะเพิ่มใบหรือฝักมะรุมในรายการอาหารของคุณมื้อกลางวันนี้

http://www.tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=411

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทราบว่ามีการทำมะรุม อัดเม็ด หรือเป็นยา
ออกมาขายหรือปล่าวครับ

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้เห็นมหาชัยมีขายแล้วค่ะ
เป็นแคปซูล น่าจะทานง่าย

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2009, 00:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทราบว่าเมืองไทยเราแถบต่างจังหวัดเริ่มตื่นตัวและมีกลุ่มแม่บ้านเริ่มทำใบมะรุมอัดเม็ดขายมากมายหลายแห่งแล้วค่ะ ง่ายและสะดวกมากค่ะคุณกฤษดากร น้องสาวดิฉันอยู่ต่างประเทศเขาก็ตรวจพบเชื้อมะเร็งเหมือนกัน เพราะคุณตาคุณยายและน้องสาวคนรองของดิฉันเสียเพราะโรคมะเร็ง น้องสาวทราบข่าวนี้ ตอนนี้เขากำลังกินมะรุมนี้อยู่พอไปตรวจที่โรงพยาบาลที่ต่างประเทศครั้งที่สอง หาไม่เจอแล้วค่ะ หมอก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้วางใจนะค่ะ ยังไปตรวเช็คอยู่ตามหมอนัด เขาเลยฝากข่าวมาบอกให้ช่วยแพร่ข่าว เพราะคุณค่ามหาศาล แต่ราคาถูกมากๆ ค่ะ
และขอขอบคุณแมวขาวมณีที่ช่วยโพสต์รูปของต้นมะรุม ได้บุญด้วยกันนะค่ะ

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


แมวขาวมณี เขียน:
ตอนนี้เห็นมหาชัยมีขายแล้วค่ะ
เป็นแคปซูล น่าจะทานง่าย

:b48: แล้วมีชื่อเรียกอย่างไรคะ หรือเรียกว่ามะรุมเลย :b16: คะ
ที่กรุงเทพมีขายไม๊คะ อยากหาซื้อมากินบ้างน่ะค่ะ อ่านแล้วมีประโยชน์แบบไม่เคยรู้มาก่อน
ปรกติก็ชอบทานแกงส้มมะรุมค่ะ แต่ปัจจุบันก็หาทานได้ไม่ง่าย
แต่สงสัยค่ะว่าเวลาทานเค้าดูดเอาแต่เนื้อหรือเปล่าคะ
เพราะตัวเองเคยถูกสอนแบบนั้น
แต่เคยเห็นแม่ค้าบางคน เค้าบอกว่าทานได้หมด เลยไม่แน่ใจ :b10: :b10:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




.jpg
.jpg [ 6.13 KiB | เปิดดู 9067 ครั้ง ]
ที่กรุงเทพฯตามร้านของพวกสุขภาพก็มีขายค่ะ
แต่ราคาประมาณ 150-250 บาทค่ะ
หากเราไปซื้อที่แถวซอยนวมินทร์ 44 ซอยแถวสันติอโศก
ลองถามร้านสุขภาพแถวนั้นดูก็ได้ค่ะ
ขายถูกค่ะหากซื้อ 6 ขวด ราคาตกประมาณขวดละ 60 บาทค่ะ
ชื่อมะรุมแคปซูล มี 50 เม็ดค่ะ เป็นของสมนุนไพรปฐมอโศก
หรืออาจจะดูเป็นยี่ห้ออื่นก็คงมีเช่นกันค่ะ
หรืออาจค้นดูตาม WEBSITE ก็ได้นะคะ
แต่โปรดระวังของปลอมค่ะ

แจ้ง LINK เพิ่มเติมความรู้เรื่องมะรุมค่ะ

http://thaiherbclinic.com/node/141

http://www.thaihealth.or.th/node/9239

http://www.doctor.or.th/node/1245

http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/moringa.asp

http://www.samunpri.com/modules.php?nam ... le&sid=250

ธรรมะสวัสดีค่ะ

:b51: :b52: :b53:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 11:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 17:12
โพสต์: 246

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: ขอบคุณทุกท่านที่นำสาระดี ๆ มาบอกต่อนะค่ะ
ได้ประโยชน์แก่บุคคลอื่น และข้าพเจ้าเป็นอย่างมากค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 02:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.พ. 2009, 00:03
โพสต์: 111


 ข้อมูลส่วนตัว




kangsom09.jpg
kangsom09.jpg [ 41.87 KiB | เปิดดู 9005 ครั้ง ]
:b8: ขอบคุณค่ะ ที่นำความรู้มาแบ่งปันกัน

ประโยชน์มากมายแบบไม่เคยรู้มาก่อน
เห็นแบบนี้เลยไปค้นๆภาพที่เคยถ่ายเก็บไว้

แกงส้มมะรุมค่ะ :b9:
ช่วงหน้ามะรุมเยอะๆที่ผ่านมา ทานกันบ่อยมากๆ
มีคุณป้าที่รู้จักกันเค้าเก็บใบมะรุมมาตากแห้ง แล้วก็เอามาฝากที่บ้านด้วยค่ะ
ให้เก็บไว้ต้มเป็นชาดื่มกัน ส่วนเม็ดมะรุมแห้งแกะเอามาเคี้ยวๆกินได้เลยค่ะ
มันจะหวานมากๆ จะออกหวานเย็นๆอยู่ในคอ แทนขวัญก็พึ่งรู้ว่าเม็ดก็ทานได้เมื่อไม่นานนี้เองค่ะ
เคยทานแต่แบบสดๆที่เอามาแกงส้ม ฝักแห้งๆก็แทบไม่เคยเห็นค่ะ

ไม่รู้ว่าสมัยก่อนเค้ารู้กันได้ยังไงนะคะว่าฝักแบบนี้มันทานได้ แล้วก็มีประโยชน์มากๆด้วย
แถมเอามาแกงก็อร่อย รู้ได้ไงถ้าฝักแบบนี้ต้องเอามาแกงแบบนี้ถึงจะดี
ถ้าเป็นแทนขวัญก็คงไม่คิดค่ะว่าฝักหน้าตาแบบนี้เนี่ยะจะทานได้
ยิ่งฝักแห้งๆแล้วด้วย มันแข็งๆและดำๆ จะทานก็ต้องแกะเอาเม็ดด้านในออกมาอีกที
ดูหน้าตาก็ไม่น่าจะกินได้ แต่ประโยชน์มันกลับเยอะมากเลย
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 19:40
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะค่ะ มะรุมอร่อยและมีประโยชน์มาก

.....................................................
รู้จักคุณค่าในสิ่งที่เรามี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 11:31
โพสต์: 149


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ มะรุมมีประโยชน์มากมายเช่นนี้นี้เอง

ว่าทำไมมีโปรเจคสกัดสารจากมะรุมด้วยปีนี้


:b45: :b45: :b8: :b8: :b8: :b45: :b45:

.....................................................
ธรรมมะนี้คือการมีชีวิตเพื่อที่จะเรียนรู้ความจริงของชีวิต
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ตั้งอยู่ไม่ได้
หากยังยึดติด ไม่ปล่อยวาง ย่อมยังเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านครับ

ที่นำสาระดี ๆ มาเป็นวิทยาทาน

เคยแต่กินอย่างเดียวครับ

ไม่รู้ว่ามะรุม มีประโยชน์มากขนาดนี้

สมุนไพรอยู่รอบตัวเราจริง ๆ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2019, 17:10 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร