ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
หลวงปู่สุพีร์ สุสัญญโม วัดถ้ำซับมืด http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=48566 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Duangtip [ 28 ต.ค. 2014, 09:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | หลวงปู่สุพีร์ สุสัญญโม วัดถ้ำซับมืด |
หลวงปู่สุพีร์ สุสญฺญโม (พระครูสังวรวีรธรรม) วัดถ้ำซับมืด ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา “พระครูสังวรวีรธรรม” หรือ “หลวงปู่สุพีร์ สุสญฺญโม” (ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ สิริอายุได้ ๘๑ ปี พรรษา ๕๗) ท่านเกิดในตระกูล ขันติวงษ์ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา ณ บ้านหนองขาม หมู่ที่ ๑๐ ต.เสียว อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ท่านเป็นบุตรของนายเบ้า-นางต่อม ขันติวงษ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ ครั้นอายุได้ ๒๕ ปี ท่านเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดวิสุทธิโสภณ ต.เป๊าะ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ เวลา ๑๔.๒๕ น. โดยมี พระครูวิจารย์พุทธิธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์, เจ้าอธิการเกลี้ยง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “สุสญฺญโม” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า ผู้มีความสำรวมดี |
เจ้าของ: | Duangtip [ 28 ต.ค. 2014, 09:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลวงปู่สุพีร์ สุสัญญโม |
ถ้ำซับมืด แดนธรรมอันล้ำค่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงปู่สีลา อิสฺสโร ซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้ท่องเที่ยวธุดงค์กรรมฐานไปทางอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แล้วได้พบป่าเขาและถ้ำเหมาะเป็นสถานที่สำหรับการบำเพ็ญภาวนา และเจริญสมณธรรมสำหรับอริยมุนีผู้มุ่งตรงสู่แดนแห่งความหลุดพ้น ถ้ำแห่งนั้นสงบวิเวกสงัด สัตว์ไพรก็มีอยู่มากหลาย น้ำอุดมสมบูรณ์ ไม่ลำบากในการดำรงชีพแบบสมณะ ท่านจึงนำเรื่องค้นพบถ้ำอันเป็นสถานที่สัปปายะมากราบเรียนท่านพระครูญาณโศภิต หรือหลวงปู่มี ญาณมุนี หลวงปู่มีท่านเป็นนักท่องเที่ยววิเวกธุดงค์ตามป่าตามเขาอยู่แล้ว เมื่อท่านทราบดังนั้นจึงนำพาคณะสานุศิษย์ไปปฏิบัติธรรมรวมทั้งหมด ๕ รูป หนึ่งในนั้นมี หลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร ด้วยรูปหนึ่ง จากหนังสือประวัติหลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร หลวงปู่เครื่องท่านได้เล่าไว้ว่า...การเดินธุดงค์เข้าไปในป่าลึกทางซับม่วง ในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ลักษณะเป็นป่าดิบชื้นตามเชิงเขา และชุกชุมไปด้วยไข้ป่าหรือไข้มาลาเรีย พระภิกษุทั้งหมดได้เข้าพักบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ถ้ำสวยงามที่ชื่อว่า “ถ้ำมืด” ไม่เพียงแต่ถ้ำเท่านั้นที่มืด ป่าเขาก็มืดทึบไปหมด ที่ชื่อว่า “ถ้ำมืด” เพราะว่าแสงแดดส่องเข้าไปไม่ถึง อากาศหายใจไม่ค่อยจะพอ ภายในถ้ำมีความเย็นยะเยือก มีเถาวัลย์เครือไม้ระโยงระยาง ซึ่งต่อมาได้เรียกถ้ำนี้ว่า “ถ้ำซับมืด” หลวงปู่มีนำคณะธุดงค์เข้าบำเพ็ญอยู่ภายในถ้ำมืด นานถึง ๖ วัน ๖ คืน อธิษฐานภาวนาสู้ตาย หมายธรรมขั้นสูง หวังปิดชีพกิเลสอวิชชาที่ก่อกวนมานานด้วยดาบอันคมกริบคือธรรม ปรากฏการณ์ในวันแรก มีสหธรรมิกท่านหนึ่งชื่อว่า พระมหาบุญ ท่านบำเพ็ญธรรมอยู่ได้เพียงวันเดียว ก็มีอาการอาพาธด้วยไข้มาลาเรียอย่างหนัก จึงนำท่านออกจากถ้ำซับมืด ถอนการอธิษฐานธุดงค์ กลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครราชสีมา และอยู่ได้เพียงวันเดียวก็ถึงแก่มรณภาพ หลวงปู่เครื่องก็จับไข้ มีอาการหนักหัว แน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หลวงปู่เครื่องได้นั่งสมาธิ ใช้สติสัมปชัญญะตรวจสอบอาการไข้ รวบรวมพลังจิตให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อเอา่ชนะ แต่อาการไข้ก็ไม่ทุเลาลง สติรับรู้ได้ว่าอาการไข้กลับหนักยิ่งขึ้น จึงรำพึงในใจว่าถ้าขืนปล่อยให้ไข้กำเริบต่อไปอีกคงตายแน่ หลวงปู่เครื่องจึงได้ตัดสินใจปีนหน้าผาเกาะต้นไม้ เกี่ยวเถาวัลย์หรือเครือกระไดลิงขึ้นไปเพื่อขอยาแก้ไข้มาลาเรียจากพวกฝรั่ง ที่กำลังระเบิดหินอยู่บนหลังเขาเพื่อก่อสร้างถนนมิตรภาพ ได้พบล่ามคนไทย บอกเขาว่าเป็นไข้มาลาเรีย แจ้งความประสงค์ ล่ามจึงพาไปพบฝรั่งได้ยามา ๖ เม็ด แต่เขาสั่งให้กินเพียงเม็ดเดียวก็พอ จึงได้กินยาตามที่เขาสั่ง อาการไข้จึงหายไป ภายในใจก็คิดว่าได้รอดพ้นจากความตายแล้ว การออกเดินธุดงค์ในครั้งนั้น พระภิกษุทั้ง ๕ รูปต่างก็ได้รับเชื้อมาลาเรียกันครบทุกรูป แม้แต่หลวงปู่มีเอง ท่านก็ป่วยเป็นไข้ป่ามีอาการปางตายเช่นเดียวกัน แต่ธรรมะท่านแกร่งกล้าประกอบกับหมอมารักษาได้ทันเวลา อาการท่านดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายขาดทันที หลวงปู่มีท่านจึงได้ถอนธุดงค์ในคราวนั้นเสียก่อน เพราะขืนดึงดันไปสู้กับภัยธรรมชาติก็ไม่มีความหมาย มีแต่จะตายไปเปล่าๆ ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทา หลักเหตุผล ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นการชอบกว่า ดังนั้น ท่านจึงกลับมายังวัดป่าสูงเนิน เมื่อท่านมาเห็นศพพระมหาบุญ ผู้เป็นศิษย์ ซึ่งมรณภาพด้วยพิษไข้มาลาเรียจากโรงพยาบาลนครราชสีมา กลับมาถึงวัด จึงเกิดความโทมนัสเป็นอย่างมาก จนถึงกลับหน้ามืดเป็นลม ต้องช่วยกันนวดเฟ้นเกิดความชุลมุนกันพักใหญ่ ท่านรู้สึกสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ! ที่ลูกศิษย์อายุยังน้อย เป็นมหาเปรียญยังสามารถทำประโยชน์ให้กับพระศาสนาได้ แต่มาด่วนตายเสียก่อน แต่...ถึงจะตาย ก็ตายอย่างห้าวหาญ ใจเด็ดเดี่ยว ไม่ได้นอนตายอย่างพระขี้ขลาด ตายอย่างนักสู้ สู้สุดตัว ไม่ถนอมออมแรงและอ่อนข้อต่อกิเลสตัวมีพิษร้าย ตัวพาเกิดพาตายมาหลายภพชาติ ตายอย่างสมศักดิ์ศรีนักรบธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านพอใจที่จะตายอย่างนี้ ถึงตายก็ได้ปฏิบัติตามเยี่ยงอย่างที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต กล่าวสอนว่า “ธรรมมันอยู่เลยความตาย ใครยังกลัวตายอยู่ก็จะไม่พบพระสัทธรรม” ผลของการออกปฏิบัติธรรมด้วยการเดินธุดงค์ไปที่ถ้ำซับมืดในครั้งนั้น มีพระภิกษุถึงแก่มรณภาพลงเพราะไข้มาลาเรียเพิ่มอีก รวมกับพระมหาบุญเป็น ๓ องค์ ทำให้เกิดความวุ่นวายทางใจอีกครั้งหนึ่ง วัดถ้ำซับมืด ตั้งอยู่เลขที่ ๒ หมู่ที่ ๒๐ บ้านซับมืด ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นวัดราษฏร์ฝ่ายอรัญวาสี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุเป็นที่ตั้งวัดถ้ำซับมืด จำนวน ๕๐ ไร่ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทิศเหนือจรดภูเขา ทิศใต้จรดภูเขา ทิศตะวันออกจรดไร่ชาวบ้าน และทิศตะวันตกจรดภูเขา ปัจจุบัน มีพระครูสังวรวีรธรรม (หลวงปู่สุพีร์ สุสญฺญโม) เป็นเจ้าอาวาส พระครูญาณโศภิต (หลวงปู่มี ญาณมุนี) หลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร หลวงปู่ทา จารุธมฺโม อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำซับมืด หลวงปู่สุพีร์ สุสญฺญโม เจ้าอาวาสวัดถ้ำซับมืด รูปปัจจุบัน |
เจ้าของ: | Duangtip [ 28 ต.ค. 2014, 09:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลวงปู่สุพีร์ สุสัญญโม |
จากซ้าย : หลวงปู่ทา จารุธมฺโม, หลวงปู่มี ญาณมุนี และ “หลวงปู่สุพีร์ สุสญฺญโม” บันทึกภาพร่วมกัน ณ วัดดอยพระเกิ๊ด ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗-๒๕๑๑ หลวงปู่มี ญาณมุนี และศิษย์ทั้งสอง คือ หลวงปู่ทา จารุธมฺโม และ “หลวงปู่สุพีร์ สุสญฺญโม” ได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดดอยพระเกิ๊ด จ.เชียงใหม่ ที่มา : วัดถ้ำซับมืด สถานที่ปฏิบัติธรรม จังหวัดนครราชสีมา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=9&t=18576 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=42792 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=21510 ภาพเก่าๆ ของครูบาฯ สายหลวงปู่มั่น ที่หาดูได้ยากมากๆ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=42605 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |