ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=44265
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 08 ม.ค. 2013, 17:38 ]
หัวข้อกระทู้:  พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก

รูปภาพ

ประวัติและปฏิปทา
พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก


วัดป่านาคำน้อย (วัดอุดมมงคลวนาราม)
บ้านนาคำน้อย ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี



๏ อัตโนประวัติ

พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก มีนามเดิมว่า อินทร์ถวาย ผิวขำ เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2488 ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา ณ บ้านหนองแวง ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร (จังหวัดนครพนม ในขณะนั้น) โยมบิดาชื่อ คุณพ่อแดง ผิวขำ โยมมารดาชื่อ คุณแม่จอมแก้ว ผิวขำ ท่านเป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7 คน ซึ่งเป็นหญิง 3 คน เป็นชาย 4 คน

พระอาจารย์อินทร์ถวายได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ขณะมีอายุ 11 ปี ณ วัดกลางสนาม ตำบลกลางสนาม อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ. 2500 โดยมี หลวงปู่กงแก้ว ขันติโก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาแล้ว ได้ไปอยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ณ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) ตำบลหนองตูมใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร เป็นระยะเวลาทั้งหมด 9 ปี

ต่อมาท่านได้รับการญัตติเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดป่าศิลาวิเวก ตำบลป่าศิลาวิเวก อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อปี พ.ศ. 2508 โดยมี หลวงปู่คำ คัมภีรญาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว ในพรรษาแรกได้อยู่จำพรรษากับ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ที่วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) อีกหนึ่งพรรษา

หลังจากนั้น ท่านได้ไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทราย ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร 1 พรรษา แล้วติดตามองค์หลวงปู่จามขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ และไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 1 พรรษา แล้วกลับลงมาอยู่จำพรรษาอีกครั้งหนึ่งกับหลวงปู่จาม ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม

หลังจากนั้นช่วงปี พ.ศ. 2512-2525 ได้ไปอยู่จำพรรษา ณ วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี กับ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ช่วงออกพรรษา ท่านได้กราบลาองค์หลวงตามหาบัว มาแสวงหาความสงบวิเวกในแถบจังหวัดเลย อุดรธานี และหนองคาย ต่อมาในราวปี พ.ศ. 2523 ท่านเห็นว่าสถานที่ตั้งวัดป่านาคำน้อย ในปัจจุบัน เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะสำหรับการภาวนาเป็นยิ่งนัก จึงได้ร่วมกับคณะศรัทธาญาติโยม พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ช่วยกันจัดตั้งเป็นวัดปฏิบัติในพระพุทธศาสนา และได้พัฒนาให้มีความเจริญสืบเนื่องเป็นลำดับมา อำนวยประโยชน์สมตามปณิธานของท่านผู้ก่อตั้งวัด ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานฝึกอบรมทั้งทางร่างกาย (ศีลธรรม) และจิตใจ (จริยธรรม) ให้เป็นผู้สมบูรณ์ทั้งทางด้านวิชชาและจรณะควบคู่กันไป สมตามพุทธภาษิตที่ว่า

“อัตตานัง ทะมะยันติ ปัณฑิตา” บัณฑิตย่อมฝึกซึ่งตน


๏ งานสาธารณประโยชน์

เมื่อวัดได้รับการพัฒนาในขอบเขตที่พอเป็นไป พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ได้ให้ความสนใจงานสาธารณสุข และงานการศึกษาเป็นพิเศษ โดยได้ร่วมกับคณะศรัทธาญาติโยม พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า เป็นสะพานบุญเชื่อมโยง ชักชวน ร่วมกันประกอบสาธารณกุศลในงานอันเป็นสาธารณประโยชน์ เช่น การก่อสร้าง อาคารพยาบาล จัดหาเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ แก่โรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลอำเภอ หอพยาบาลโรงเรียน อาคารเรียน ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ทั้งโรงเรียนมัธยม และประถมศึกษา อาคารหอประชุม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 4 อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียน ตชด. อาคารศูนย์เด็กก่อนวัยเรียน มอบทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน สร้างรั้วโรงเรียน แก่สถานศึกษาหลายแห่ง สร้างหอประชุมตำรวจ ทางคอนกรีตภายในโรงพัก ที่พักสายตรวจ ศูนย์บริการประชาชนของตำรวจ ยานพาหนะตำรวจ เป็นต้น เป็นมูลค่ารวม 100 ล้านบาท โดยได้รับเข็มเสมาธรรมจักรทองคำเชิดชูเกียรติจากกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อปี พ.ศ. 2549 และได้รับโล่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2550

เมื่อปี พ.ศ. 2549-2550 ได้ร่วมกับคณะสงฆ์ ศรัทธาพุทธบริษัท และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันจัดสร้างหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ณ อาคาร “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” (อาคาร 19 ชั้น) ขนาดพื้นที่ 1,750 ตารางเมตร บนชั้นที่ 10 รักษาพยาบาลแก่พระภิกษุสามเณรที่อาพาธจากทั่วทุกภาคของประเทศและจากทุกมุมโลก ให้ได้รับการรักษาตามหลักพระธรรมวินัย และตามหลักการแพทย์สมัยใหม่อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ ได้ทำการจัดตั้งเป็นมูลนิธิและกองทุนเพื่อดูแลพระสงฆ์ สามเณร แม่ชี อาพาธ และป่วย ให้ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนสืบไป โดยศรัทธาทั้งพระสงฆ์และพุทธบริษัทมาร่วมกันบำเพ็ญในครั้งนี้เป็นมูลค่าทั้งโครงการ (การตกแต่งหอสงฆ์ การจัดหาเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และการจัดตั้งเป็นมูลนิธิและกองทุน) รวมเป็นปัจจัยทั้งสิ้น 50 ล้านบาท กระทั่งทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ประกาศเกียรติคุณให้เป็นบุคคลดีเด่น เพื่อเข้ารับพระราชทานถวายรางวัลพระธาตุพนมทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2550 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2550


๏ คติพจน์

ปัจจุบันธรรม ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

“ประดับชีวิตของเราให้มีค่า ทุกเวลาผ่านไปแล้วย่อมผ่านไปเลย พากันเร่งสร้างคุณธรรมประจำใจไว้ พร้อมสำนึกอยู่เสมอว่า ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะกิตติศัพท์ ทรัพย์โภคา หาไปด้วย (ไม่ได้ไปด้วย) มีแต่บุญเข้าช่วยเมื่อม้วยมรณ์” จากหนังสือประทีปอริยธรรม หน้า 61


๏ งานเพื่อพระพุทธศาสนา

พุทธปัจฉิมวาจา “ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์และประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”

งานที่พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ให้ความสำคัญอย่างมากเป็นอันดับแรก ก็คืองานเพื่อฝึกตนให้ดีในด้านศีล สมาธิ ปัญญา แล้วจึงบำเพ็ญประโยชน์ท่าน ด้วยการทดแทนคุณน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา โดยท่านได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างพุทธเจดีย์ ธรรมเจดีย์ สังฆเจดีย์ เพื่อเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หลักธรรมคำสอน และอัฐิธาตุ ถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดังนี้

1. การสร้างปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

2. เจดีย์บรรจุอัธิธาตุหลวงปู่เต็ม ขันติโก วัดป่าโคกสาคร จังหวัดอุดรธานี

3. เขมปัตตเจดีย์ หลวงปู่หล้า เขมปัตโต เจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หล้า ณ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) จังหวัดมุกดาหาร บูรพาจารย์ของท่านพระอาจารย์

4. เจดีย์ศรีไตรรัตนานุสรณ์ คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ณ สำนักชีบ้านห้วยทราย จังหวัดมุกดาหาร

และในปี พ.ศ. 2551 ท่านได้ชักชวนและร่วมกับศรัทธาพุทธบริษัท พร้อมใจกันก่อสร้างเจดีย์มหามงคลบัว ณ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นมงคลเจดียสถาน อันเป็นอนุสรณ์รำลึกแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตาธรรมของเหล่าศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ถวายแด่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่องค์ท่านได้ประกอบกรณียกิจ อันเป็นคุณทั้งน้อยใหญ่ สุดพรรณนา เป็นคุณานุคุณอำนวยประโยชน์แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นอเนกอนันต์

“อวิชชาตัวเดียวนี่ คว่ำลงจากจิตกระเทือนทั่วแดนโลกธาตุ หลักธรรมชาติตัดสินเอง เป็นเองขึ้นมาเป็นลักษณะกลางๆ ขึ้นมา ผางทีเดียว เหมือนกับว่าโลกธาตุนี้คว่ำหมดเลย พรึบทีเดียวหมดเลย ทีนี้จ้าเลยที่นี้ อุ๋ย...อัศจรรย์จริงๆ...ธรรมอัศจรรย์เลิศเลอ”

รูปภาพ
พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก นำพาคณะสงฆ์ออกรับบิณฑบาต


(มีต่อ)

เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 08 ม.ค. 2013, 17:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก

รูปภาพ

๏ ประวัติวัดป่านาคำน้อย

วัดป่านาคำน้อย เดิมชื่อ วัดอุดมมงคลวนาราม เป็นนามที่ได้รับเมตตาประทานจากหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน แต่ต่อมาทางราชการมีแนวคิด เกี่ยวกับการตั้งชื่อวัดให้สอดคล้องกับชื่อหมู่บ้านที่ตั้งของวัด จึงได้ใช้นามว่า “วัดป่านาคำน้อย” ในปัจจุบัน

สถานที่ตั้งวัด อยู่ที่หมู่ 7 บ้านนาคำน้อย ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี รหัสไปรษณีย์ 41380 มีพื้นที่ในปัจจุบัน 1,350 ไร่ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2523

ประวัติการก่อตั้งวัด วัดป่านาคำน้อย ได้รับการตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2529 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2531 ตามบัญชีรายชื่อวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา งวดที่ 6 ประจำปี 2530 ลำดับที่ 36 วัดนาคำน้อย ตำบลบ้านก้อง อำเภอน้ำโสม (ในขณะนั้น) จังหวัดอุดรธานี ขนาดวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร ดังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 105 ตอนที่ 14 วันที่ 22 มกราคม 2531 กองพุทธสถานกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เพื่อดำเนินตามแนวทางที่องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตาชี้แนะไว้ว่า “สถานที่นี้เหมาะสำหรับผู้สนใจภาวนาเพราะเป็นป่า เป็นเขาสงบสงัด”

สภาพก่อนที่จะต้องเป็นวัด ท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก ขณะนั้นจำพรรษอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ได้ธุดงค์มาในเขตนี้เห็นว่าพื้นที่แห่งนี้ ในขณะนั้นเป็นพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่านายูง และป่าน้ำโสม มีสภาพทรุดโทรม และเป็นพื้นที่ป่าที่ได้รับสัมปทานไปแล้วหลายวาระ ประกอบกับเป็นพื้นที่สีชมพู อยู่ในเขตปฏิบัติการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย น่าจะได้รับการฟื้นฟูทั้งทางรูปธรรม และนามธรรม โดยที่ท่านพระอาจารย์ได้เคยวิเวกมาในแถบนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 เป็นต้นมา หลายวาระด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2523 ได้ธุดงค์มาอีกรอบหนึ่ง ในครั้งนี้ ได้ธุดงค์มาปักกลด ณ บริเวณต้นสะท้อน ริมห้วยราง (ตรงบริเวณที่เป็นโรงครัวในปัจจุบัน) เห็นว่าเป็นสถานที่สัปปายะ น่าจะได้มีการจัดตั้งเป็นวัดปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา จึงได้ชักชวนคณะศรัทธาญาติโยม หมู่เพื่อนสหธรรมิกพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า มาร่วมกันก่อสร้างเป็นสำนักปฏิบัติกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

สภาพป่าภายในบริเวณวัด เป็นป่าที่สมบูรณ์ประมาณ 600 ไร่ แต่ได้รับการปลูกเสริมเพิ่มเติม เช่น สัก ประดู่ มะค่า ยาง กระบาก ตะแบก ตะเคียนทอง เป็นต้น ปัจจุบันได้ปลูกเสริมจนเต็มพื้นที่ จึงสามารถมองเห็นสภาพป่าดั้งเดิมและปลูกเสริมใหม่เจริญเติบโตร่วมกัน

สัตว์ป่าภายในวัด เนื่องจากพื้นที่นี้แต่เดิมเป็นป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่น หมูป่า กระรอก ค่าง ลิง ชะนี งูจงอาง งูเห่า * กระจง นิ่ม และนกชนิดต่างๆ

สิ่งก่อสร้างที่สำคัญภายในวัด ศาลาอเนกประสงค์ ขนาด 2 ชั้น พื้นที่กว้าง 16 เมตร ยาว 24 เมตร เป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรม เป็นที่ฉันภัตตาหาร เป็นที่บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกุฏิถาวร ประมาณ 15 หลัง และร้านพักพระประมาณ 40 หลัง โรงน้ำร้อน โรงครัว และที่พักฝ่ายอุบาสก อุบาสิกาจำนวน รวม 15 หลัง และถนนคอนกรีตเชื่อมโยงภายในวัดรวมเส้นทาง 4 กิโลเมตรเศษ

พระเมตตาจากองค์หลวงตา กำแพง คอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดความสูง 2.45 เมตร ยาว 6.75 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 1,350 ไร่ มูลค่า 20 ล้านบาทเศษ และฝายน้ำล้น ฝายเก็บกักน้ำหลายแห่งภายในวัด ได้รับเมตตาอุปถัมภ์ในการก่อสร้าง จากองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ที่ได้มาอาศัยอยู่ให้ได้รับความร่มเย็นตามอัตภาพ

สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน เป็นที่ตั้งของลูกข่าย สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน รับสัญญาณจากสถานีแม่ที่วัดป่าบ้านตาด ขนาดคลื่นความถี่ 107.25 MHZ ครอบคลุม พื้นที่อำเภอบ้านผือ น้ำโสม นายูง (จังหวัดอุดรธานี) สุวรรณคูหา (จังหวัดหนองบัวลำภู) สังคม (จังหวัดหนองคาย) และจังหวัดเลยบางส่วน

จำนวนพระสงฆ์จำพรรษา ในแต่ละปีจะมีพระสงฆ์จำพรรษา ประมาณ 30-40 รูป ในภาคฤดูร้อน เป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ที่อุปสมบทจากกรุงเทพมหานคร มาพำนักปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2548-2550 มีนักศึกษาแพทย์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล มาบวชศึกษาภาคปฏิบัติ เป็นต้น

การอบรมพระภิกษุสามเณร และศรัทธาญาติโยม ได้กระทำทุกปีทั้งในหน้าแล้ง หน้าฝน ในฤดูจำพรรษา ก็มีอุบาสกอุบาสิกามาอยู่จำศีลภาวนาประมาณ 100 คนเศษ

ขยายและส่งเสริม สำนักและวัดปฏิบัติธรรม เมื่อท่านพระอาจารย์ได้มาจำพรรษาในแถบนี้ รวมทั้งในแถบอื่นหลายวัดด้วยกัน เช่น วัดป่าภูก้อน วัดป่าบ้านเพิ่ม วัดป่าหลุบเลา วัดป่าแค วัดป่าบ้านก้อง วัดป่าวังแข้ อำเภอนายูง วัดป่าโคกสาคร อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น วัดหมู่เพื่อนสหธรรมิก เช่น วัดป่ากุดสิม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู วัดป่าบ้านใหม่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และท่านได้ตั้งวัดสาขา เช่น วัดป่าพิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และสนับสนุน ศิษย์ที่เคยอยู่ในสำนักของท่านออกไปตั้งวัดหลายแห่ง หลายจังหวัดด้วยกัน อาทิ วัดป่าภูน้ำป๊อก อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น วัดป่าชัยพฤกษ์ กิ่งอำเภอเอราวัณ วัดป่าอุดมมงคลญาณสัมปันโน (ห้วยซวก) อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย วัดป่าเทพมงคล อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย วัดป่าภูสวรรค์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย วัดป่าภูเขาวงศ์ วัดป่าภูพัง กิ่งอำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู วัดป่าสุวรรณภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นต้น


http://udn.onab.go.th/index.php?option= ... Itemid=245

ชีวิตของคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนทั้งหมด อีกสักวันหนึ่งก็จะต้องตายจากกัน ถึงจะรัก จะเกลียด โกรธขนาดไหนก็เถอะ อีกสักวันหนึ่งก็ไปคนละทิศคนละทาง ไปตามบุญกรรมของแต่ละคน เกิดภพหน้าชาติหน้าก็ลืมหลง เกิดขึ้นมาเสาะแสวงหาอีก หลงกันอีก เป็นวัฏฏะวน ไม่มีที่สิ้นสุดวกวนไป วกวนมาอยู่อย่างนี้ เหมือนกับมดแดงไต่ขอบกระด้งวนไปวนมา วนมาวนไป

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก


เดี๋ยวมาต่อค่ะ


:b44: รวมคำสอน “พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49566

:b44: ประมวลภาพ “พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=49586

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/