ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27387 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 01 ธ.ค. 2009, 17:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ |
ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ วัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ๏ อัตโนประวัติ “หลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ” หรือ “พระครูสุนทรสาธุกิจ” แห่งวัดบ้านเสือโก้ก ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองวิทยาคม มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคอีสานรูปหนึ่ง เมื่อเกือบร้อยปีที่ผ่านมา ท่านมีนามเดิมว่า ซุน ประสงคุณ เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2429 ณ บ้านเปลือย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนกับชาวอีสานทั่วไป ต่อมา ครอบครัวของหลวงปู่ซุนได้อพยพย้ายที่ทำมาหากินมาอยู่ที่บ้านเสือโก้ก จ.มหาสารคาม ในช่วงวัยเยาว์ ท่านได้ช่วยงานครอบครัวด้วยความขยันขันแข็ง ยามว่างจากทำไร่ทำนาจะคอยต้อนวัวควายออกไปเลี้ยงกลางทุ่งนา ๏ การบรรพชาและอุปสมบท เมื่ออายุได้ 18 ปี ในวันหนึ่ง ขณะที่กำลังเลี้ยงวัวควายตามปกติ ปรากฏว่ากระดิ่งแขวนคอวัวควายหล่นหาย ท่านเกิดความกลัวว่าบิดาจะลงโทษ ประกอบกับเป็นคนใฝ่รู้และมีใจเอนเอียงเข้าหาพระธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด.ช.ซุน ประสงคุณ จึงได้ขอร้องบิดาของเพื่อนคนหนึ่ง ให้นำไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านเสือโก้ก เพื่อหนีความผิด ครั้น โยมบิดา-โยมมารดา ทราบว่าบุตรชายได้เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์เป็นที่เรียบร้อย ท่านมิได้คัดค้านหรือตำหนิแต่อย่างใด อีกทั้งได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ สามเณรซุน ประสงคุณ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระอธิการสา เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความขยันขันแข็ง ๏ การศึกษากัมมัฏฐานและวิทยาคม ด้วยความเป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย วัตรปฏิบัติสวดมนต์เช้าเย็นไม่เคยขาด หลังจากฉันภัตตาหารเพล ท่านจะนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานภายในกุฏิ นอกจากนี้ หลังออกพรรษาทุกปี ท่านจะออกเดินธุดงควัตรไปตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามป่าเขาลำเนาไพรในภาคอีสาน รวมทั้งยังได้ไปศึกษาวิทยาคมจากสมเด็จลุน พระเกจิชื่อดังจากประเทศลาว ในด้านอักขระโบราณ ทำให้หลวงปู่ซุนมีความรู้สามารถเขียนอักษรลาว-ขอม และอักษรไทยอย่างแตกฉาน ในเวลาต่อมา ชื่อเสียงของหลวงปู่ซุนโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะมีคณะศรัทธาญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพุทธมนต์ และปรารถนาวัตถุมงคลตะกรุดโทน และตะกรุดคู่ที่เข้มขลังจากหลวงปู่กันอย่างล้นหลาม ยุคสมัยนั้น ราคาเช่าวัตถุมงคลตะกรุดหลวงปู่ซุน 1 ดอก เท่ากับทองคำหนักหนึ่งบาท วัตถุมงคลตะกรุดของหลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ ๏ พระธรรมเทศนา อย่างไรก็ดี ท่านมักจะพร่ำสอนญาติโยมอยู่ตลอดเวลาว่า “อย่าได้ประมาท และอย่าเบียดเบียนกัน แล้วชีวิตจะพานพบแต่สิ่งดีงาม” ๏ งานด้านการศึกษา หลวงปู่ซุนยังเป็นพระนักการศึกษา ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านเสือโก้ก ได้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยทราบดีว่าการบวชเรียนเป็นหนทางหนึ่งของคนยากคนจนชาวอีสาน ท่านรับหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมสำนักเรียนวัดบ้านเสือโก้ก พระภิกษุ-สามเณรที่เรียนกับท่านต้องเรียนหนักมาก บางวันเรียนไปจนถึง 3 ทุ่ม ทำให้สำนักเรียนวัดบ้านเสือโก้กยุคนั้น มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ละปีจะมีพระภิกษุ-สามเณรมาอยู่จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัย จำนวนประมาณ 100 รูป ๏ ลำดับงานปกครองและสมณศักดิ์ พ.ศ.2461 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเสือโก้ก พ.ศ.2477 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2497 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุนทรสาธุกิจ ๏ สร้างวัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) หลวงปู่ซุน อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเสือโก้ก จนถึงปี พ.ศ.2493 ท่านได้มาทำพิธีสรงน้ำที่ซากกู่เทวสถานสมัยขอม ภายในป่าโคกบ้านสนาม ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งวัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม ในปัจจุบัน ชาวบ้านญาติโยมลือกันว่า ในป่าโคกบ้านสนามแห่งนี้ผีดุมาก ไม่มีใครกล้าบุกรกุเข้าไป หลวงปู่ซุนมีความตั้งใจสร้างวัดขึ้นในบริเวณดังกล่าว จึงขอความร่วมมือจากชาวบ้านญาติโยมในการสร้างวัด ก่อนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2500 วัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม นับแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงปู่ซุนได้อยู่จำพรรษาที่วัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม มาโดยตลอด ๏ การมรณภาพ บั้นปลายชีวิตของหลวงปู่ซุน สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง อาพาธบ่อย ครั้งสุดท้ายได้มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2504 สิริอายุรวมได้ 76 พรรษา 56 ในปัจจุบัน วัดกู่สุนทราราม (วัดกู่สนาม) บ้านสนาม ได้ก่อสร้างศาลาเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของหลวงปู่ซุน ติกขปัญโญ ............................................................. คัดลอกมาจาก :: หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 31 คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6 โดย เชิด ขันตี ณ พล วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5890 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |