วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 00:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2023, 07:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


กระแส "ความร้อน" จากใจคนแต่ละคนนั้น เมื่อมันมารวมกัน ก็เป็นกลุ่มเป็นก้อนเป็นมวลพลังงานความร้อน ที่ทำให้โลกวิปริต อากาศฟ้าฝนวิปริต

ด้วยกระแสจิตกระแสอารมณ์ร้อนๆ ของแต่ละคนเข้ามารวมตัวกัน มันมีอำนาจทำให้โลกวิปริตได้ ดูสิว่ามันมีอำนาจขนาดไหน ...

ท่านพ่อลี ธัมมธโร







ถาม : ผมจะบวช พ่อแม่อยากให้อยู่วัดบ้าน แต่ครูอาจารย์อยากให้อยู่วัดป่า และมีพระบางรูปบอกว่าอยู่ไหนมันก็สถานที่เหมือนกัน การปฏิบัติมันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา ตอนนี้ผมสับสนว่าจะบวชแล้วอยู่ที่ไหนดีครับ

พระอาจารย์ : วัดก็เป็นเหมือนโรงเรียน โรงเรียนก็มีหลายแบบไม่ใช่หรือ ใช่ว่าโรงเรียนทุกโรงเรียนเหมือนกันที่ไหน เวลาเราบวช เราก็ต้องมีครู มีอาจารย์ ที่สอนเรา ครูบาอาจารย์เก่ง หรือไม่เก่ง มันก็ต้องเลือกวัด ถ้าเราอยากจะได้ผลดีจากการปฏิบัติที่ดี ก็ต้องหาครูบาอาจารย์ที่เก่ง เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเราคนเดียว ถึงแม้เราจะปฏิบัติดี แต่ถ้าไม่มีคนสอนให้ปฏิบัติที่ถูกต้อง เราก็ปฏิบัติที่ถูกต้องไม่ได้

เหมือนกับไปเรียนหนังสือ ทำไมเราถึงต้องไปแย่งเข้าโรงเรียนดีๆกัน อยากเข้าไปเรียนโรงเรียนสาธิตกัน ใช่มั๊ย นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราอยากบวชแล้วได้ผลดี เราก็ต้องไปหาวัดที่มีครูบาอาจารย์ดีๆ วัดที่มีครูบาอาจารย์ดีๆส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัดป่า เพราะว่าท่านจะเน้นการศึกษาจากการปฏิบัติกัน ถ้าไปบวชตามวัดบ้าน ท่านจะไม่เน้นการศึกษาจากการปฏิบัติ ท่านจะเน้นการทำกิจกรรมกัน ทำบุญบังสังสวด สวดสังฆทาน สวดศพ อะไรกันอย่างนี้ ก็จะไม่ได้ศึกษาไม่ได้ปฏิบัติ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ 27 เมษายน 2560






"เมื่อถึงเวลาไม่ว่าเขาว่าเราก็ต้องไป
ไม่มีใครหนีพ้นสักคน แล้วแต่บุญวาสนา
ที่เราสร้างบำเพ็ญมา
เราเดินทางมาเกิดเพราะเราได้สร้าง
คุณงามความดีมา หมดบุญก็กลับบ้านเก่า
เหมือนกับเราเดินทาง
เรานำเสบียงไปเยอะเราก็อยู่ได้นาน
เวลามีชีวิตอยู่ให้เร่งสร้างคุณงามความดี
นะพวกเรา"

คติธรรม คำสอน
พระเทพวัชรญาณเวที วิ.
หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล







"คนเราส่วนมาก ถ้าอยู่เป็นสุขสบาย มีกินมีใช้ ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ไม่จนตรอกจนมุม ชอบจะประมาท ไม่แสวงหาที่พึ่ง เวลาถึงคราวจนตรอกจนมุม จึงจะหาที่พึ่ง ปรกติส่วนมากจะเป็นอย่างนั้น มันจะไม่ค่อยทัน ..

ให้เราเตรียมตัวเอาไว้ก่อน พึ่งทาน พึ่งศีล พึ่งพุทโธ ธัมโม สังโฆ..แหละ ใจจะได้มีที่เกาะ อย่างทานอย่างศีลนี้ ถ้าเราได้ทำไว้แล้ว ระลึกได้เมื่อไหร่จะเย็นใจ ไม่เหมือนทำความชั่ว ซึ่งคิดแล้วเศร้าใจไม่สบาย ..

ถึงเราจะภาวนาไม่เป็น แต่ถ้าว่าเราได้ให้ทานเอาไว้ รักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะศีลห้า ใจเราก็ไม่เดือดร้อน ถ้าไม่มีอะไรเสียเลย ถึงคราวจำเป็นมาจะไม่มีที่เกาะเหมือนว่าเชือกขาด แล้วแต่ลมจะพาไป"

โอวาทธรรมคำสอน :
หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธัมโม
#จากหนังสือ สนฺติธมฺโมอนุสรณ์ พระสกล สันติธัมโม วัดศรีสว่าง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร







คนที่ฉลาดแล้ว เมื่อปล่อยอารมณ์ก็ปล่อยอย่างนั้น
ดีก็ปล่อยมันไป ชั่วก็ปล่อยมันไป
แต่ปล่อยอย่างรู้เท่าทัน.

โอวาทธรรม
พระโพธิญาณเถร( หลวงปู่ชา สุภัทฺโท)






“...เมื่อเราเจ็บป่วยต้องคิดว่า หายก็เอา ตายก็เอา
ถ้านึกอยากหายอย่างเดียวเป็นทุกข์แน่
หลวงปู่เตือนพระเณรเมื่อยามป่วยไข้
สานุศิษย์ต่างรำลึกอยู่เสมอ
และพยายามอดทนอย่างที่สุด
หากประสบภาวะเช่นนั้น
การไปโรงพยาบาลเป็นวิธีสุดท้ายของการรักษา

ศิษย์รุ่นเก่าในป่าพงผ่านการเจ็บป่วยมาอย่างทรหด
บอระเพ็ดต้มคือ ยาแก้มาราเรีย สมอ พริก
เกลือ เป็นยาระบายถอนพิษไข้ ป่วยหนัก
ก็อดทนจนโรคหายไปเองก็มี
ยามอาพาธแสดงออกถึงผลการปฏิบัติภาวนา
ของผู้ป่วยได้ดีว่า มีความเข้มแข็งอดทนเพียงใด
การปล่อยอาการ วิกลวิการให้ปรากฏ
บ่งบอกถึงความประมาทขาดสติ และอ่อนแอ
อันมิใช่วิสัยของสมณะ
เพราะการอาพาธ คือสัจธรรม
ที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน

หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งแยบคายด้วยปัญญา
ย่อมสามารถวางความทุกข์จากความยึดมั่นลงได้…”

จากหนังสือตามรอยพระโพธิญาณ
ชีวิตพระป่ากรรมฐานใน”ป่าพง” หน้า 116






"..พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเอง ว่าพระพุทธเจ้าตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำรับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่าความรู้สึกต่างๆ(เวทนา) เกิดขึ้นและดับไปอย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอเมื่อมีอะไรๆเกิดขึ้นให้ได้รู้ได้เห็น

นี่คือทางที่จะบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงเป็นปกติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำขณะอยู่ที่นี่เป็นโอกาสแห่งการฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนตร์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่าท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น

พวกท่านบางคนบ่นว่า ไม่มีเวลาพอที่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม การทำสมาธิภาวนา ของท่านคือการมีสติระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ.."

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี






ทุกข์เพราะคิดผิด​ ให้จำไว้ อย่าลืม

เวลาเริ่มจะเป็นทุกข์ แทนที่จะไปว่าเขา​ จะไปโกรธเขา​ หรือไปหงุดหงิดกับเขา​ จงทบทวนที่จิต​

ถ้าหากว่าจิตใจของเราอยู่กับธรรม​ จะเป็นทุกข์ไม่ได้ เป็นทุกข์ไม่เป็น​ ไม่มีสิ่งใดหรือคนใด​จะมาบังคับให้เราเป็นทุกข์ทางใจได้

มันไม่อยู่ในวิสัยของใครที่จะบังคับให้ใครเป็นทุกข์ได้​ ถ้าเราไม่ยอมเป็นทุกข์ หรือมีคุณธรรมพอที่จะปกป้องตัวเอง​ รักษาความทรงตัวของจิตตนไว้ได้

เราต้องกล้าในการปฏิบัติ เราต้องเป็นผู้กล้า กล้าดูความทุกข์​ เพราะความทุกข์มีเหตุมีปัจจัย ดูความทุกข์ วิเคราะห์ความทุกข์​

เราจะได้รู้ว่าส่วนไหนต้องแก้ไข ส่วนไหนต้องยอมรับ ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางธรรมชาติ​ ส่วนไหนป็นความทุกข์ที่เกิดจากการคิดผิด​ ถือผิด

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 127 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron