วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2023, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิ ษ ย์ พ ร ะ ป่ า ๖ ป ร ะ เ ภ ท

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) จ.เชียงใหม่ แยกลูกศิษย์ลูกหาสายพระป่าเป็น 6 พวก!! ใครนับถือพระป่าเป็นอาจารย์...ลองเช็กดูว่าตัวเองเป็นศิษย์ประเภทไหน?

#ศิษย์พระป่า๖ประเภท

ในปัจจุบันนี้ พุทธศาสนิกชนได้หันมาให้ความนิยมทำบุญกับ " #พระป่า " สายพระกรรมฐานหลวงปู่มั่นมากขึ้น และในบรรดาผู้ที่ปวารณาตนเป็นลูกศิษย์พระป่าองค์ใดองค์หนึ่ง หรือหลายๆ องค์ พร้อมกันนี้ยัง พอจำแนกได้เป็น ๖ ประเภท กว้างๆดังนี้คือ

"รุ่มรวยอามิสบูชา ศรัทธาความดัง หวังผลกำไร ใฝ่หาแก่นธรรมจริงแท้ ดูแลไม่ลืมหูลืมตา อาจารย์ข้าใครอย่าแตะ "

1. ประเภท "#รุ่มรวยอามิสบูชา" พวกนี้คือศิษย์ที่นิยมการทำบุญ เพื่อแสดงถึงฐานะ ความมั่งมีทรัพย์สินของตนเป็นหลัก เวลามาพบพระก็แต่งกายหรูหราด้วยอาภรณ์ภัณฑ์ชั้นดี ประดับแก้วแหวน เพชรนิลจินดา บริจาคเงินแต่ละทีแต่ละครั้ง เป็นแสนเป็นล้าน น้อยกว่านั้นไม่ได้ เดี๋ยวอานิสงค์จะขาดไป พร่องไป ไม่สมบูรณ์

2. ประเภท "#ศรัทธาความดัง" พวกนี้คือศิษย์ที่ยึดความดังของพระอาจารย์เป็นสรณะ ไม่ได้ซาบซึ้งเท่าใดนักกับหลักธรรมคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆดอก ขอเพียงให้รู้ว่ามีพระอาจารย์องค์ไหนบ้างที่สื่อมวลชนตีพิมพ์ประวัติเรื่องราว พระอาจารย์องค์ไหนบ้างมีผู้คนบอกเล่ากล่าวขวัญถึง ฉันต้องไปทำบุญ ไปกราบไหว้ ให้ได้สักครั้งหนึ่งก็ยังดี เพื่อเพิ่มเนื้อหาให้แก่การสนทนาโอ้อวดว่าองค์โน้นไปกราบมาแล้ว องค์นั้นเคยนิมนต์มาฉันที่นี่ องค์นี้...สนิทใกล้ชิดกันมากเป็นต้น

3. ประเภท "#หวังผลกำไร" พวกนี้ถ้ามิใช่พวกหากินกับพระพุทธศาสนา ค้าเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล ก็มักจะเป็นพวกทำงานธนาคาร ซึ่งอาศัยยอดเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ไปฝากในธนาคารที่ตนเองทำงานอยู่ เพื่อให้ตัวเลขพุ่งขึ้นในบัญชีเงินฝาก ช่วยหนุนทำให้หน้าที่การงานของตนก้าวหน้าตามไปด้วยนั่นเอง

4. ประเภท "#ใฝ่หาแก่นธรรมจริงแท้" พวกนี้เป็นศิษย์ที่กระทำการบูชาครูบาอาจารย์ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอน โดยเคร่งครัด มีอันใดติดขัด ก็จะขอคำชี้แนะแก้ไข มีความพากเพียรในการค้นคว้าปฏิบัติธรรม เพื่อความพ้นทุกข์แท้จริง มีกิเลสไว้สำหรับละเลิก มีความตื่น ความรู้ เบิกบานไว้เป็นเครื่องภาวนาน้อมรำลึก

5. ประเภท "#ดูแลไม่ลืมหูลืมตา" ที่ซ้ำร้ายศิษย์พระป่าประเภทนี้ มักเป็น "สตรีเพศ " เรียกว่า แทบจะร้อยทั้งร้อยก็ว่าได้ ไม่ทราบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และศิษย์ประเภทนี้มักจะไม่ค่อย รู้ตัวว่า " การอันใดพึงงดเว้นเสียด้วย ขอเพียงให้ฉันได้ปรนนิบัติ ดูแล อาจารย์ที่ศรัทธา อย่างที่ฉันปรารถนาได้ เท่านั้น ก็พอแล้ว "

6. ประเภท "#อาจารย์ข้าใครอย่าแตะ" ลูกศิษย์ประเภทนี้นับวัน ยิ่งมีมากขึ้นทุกที คือพวกที่ชอบกระทำตนเป็นเสมือนหนึ่งเจ้าของ หรือผู้จัดการครูบาอาจารย์ท่านแต่ผู้เดียว ผู้ใดก็ไม่รักและศรัทธาเสมอฉันได้ เพราะฉะนั้นใครจะให้อาจารย์ทำอะไรต้องมาผ่านทางฉัน ผู้เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวเท่านั้น

ดังนั้น...สถานการณ์ "พระป่า" ในทุกวันนี้ จึงนับว่าล่อแหลมต่อ "#พรหมจรรย์" เป็นอย่างยิ่ง...ซึ่งพ่อแม่ครู อาจารย์แต่ละองค์ท่าน อุตส่าห์พยายามพากเพียร ฝึกฝน อบรมตน อดทน ต่อสู้กิเลส อยู่ในป่า เขา ถ้ำ เงื้อมผา อบรมภาวนาจิตใจ มาอย่างวิเวก เงียบสงัด สงบ จนได้รู้ธรรม เห็นธรรม บริสุทธิ์หมดจด หมดสิ้นซึ่งอาสวะกิเลส ทั้งปวง จึงได้ออกมาสั่งสอน และสงเคราะห์ เราปุถุชน ด้วยความเมตตา เป็นอย่างยิ่ง

บางองค์ท่านจึงจำเป็นต้องปิดซ่อนเร้น "#คุณธรรม #คุณวิเศษ" โดยไม่เปิดเผยให้ล่วงรู้มากจนเกินไป รู้เฉพาะแต่หมู่ลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ " #ใฝ่หาแก่นธรรมจริงแท้" จากองค์ท่านเท่านั้น แต่ท่านก็ยังมีจิตเมตตา คิดสงเคราะห์โลกและสงเคราะห์พวกเราๆที่ยังมีกิเลส มืดบอด อวิชชาครอบงำจิตใจ ให้ได้รู้จักการปฏิบัติธรรม อันได้แก่ ทาน ศีล ภาวนา ตามแต่วาสนา บารมีธรรม ของแต่ละคนที่ได้เคยสั่งสมอบรมจนเป็นอุปนิสัยปัจจัยกันมามากน้อย...#ดังนั้นพวกเราจึงควรปฏิบัติตัวต่อพ่อแม่ครูอาจารย์กันอย่างไรบ้าง?

ที่มา : หนังสือ “#พระป่าของชาวพุทธ” พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่






#ละวางซะ

"... อย่าไปยินดียินร้าย​ในการอยู่ การเป็น
การตาย
สังขารทั้งหลายไม่ว่า​ เนื้อ​ เล็บ​ หนัง​ กระดูก
ผม​ ขน
เป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น​ มันไม่ใช่ตัวตน
ไม่เป็นอมตะ
รอถึงวันแค่นั้นแหละ​ จะวันไหนก็แค่นั้นเอง
ละวางซะ ..."
—————
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่






จิต..
ของคนตามธรรมชาตินั้น
ไม่มีความดีใจ เสียใจ
ที่มีความดีใจเสียใจนั้น
ไม่ใช่..จิต.

#หลวงปู่ชา #สุภัทโท





"คนเราก็เหมือนผักผลไม้นะ
มีทั้งส่วนที่ดี ที่เสียเราก็ค่อยล้าง
ค่อยคัดส่วนที่เสียออก

ใจเราก็เหมือนกัน มีทั้งที่คิดดี
และคิดไม่ดี ที่คิดไม่ดี เราจะเก็บไว้ทำไม
ก็ค่อยๆ วางไป ด้วยกำลังสมาธิ สติ และปัญญา"

พระอาจารย์อัครเดช ถิรจิตโต





บรรดาสิ่งสมมุติที่เราไปยึดถือว่า
เป็นกรรมสิทธิ์ของเรานั้น ก็จะได้เพียง
ชีวิตหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรรยา
หรือสมบัติต่างๆ เมื่อเราตายไป เราจะยึดถือ
เป็นกรรมสิทธิ์ของเราอีกไม่ได้ เราจะเอาสิ่งต่างๆ
เหล่านั้น ติดตามไปสวรรค์ นรก หรือที่ไหนๆ
ก็ไม่ได้ ตรงกับคำว่า...

"สมบัติของโลก ก็ต้องอยู่ในโลก"

หลวงปู่คำดี ปภาโส






"วันหนึ่งๆ ควรระลึกถึงความตาย อย่างน้อยสัก ๕ ครั้ง
ใจคนเรา ก็จะมีความหยุดชะงักบ้าง การกระทำความชั่ว
ลามกทั้งหลาย หรือความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม การลืมเนื้อลืมตัว
ก็จะมีสติสตังบ้าง เพราะป่าช้ามีอยู่กับตัว เราต้องตายสักวันหนึ่ง"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron