วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 23:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2023, 06:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องไปปฏิบัติธรรมที่ไหน
ดูตัวเรานี่แหละ
ทำใจให้สบายๆ
ไหว้พระสวดมนต์อยู่ที่บ้านนี่แหละ
ปรับจิต ปรับใจ ปรับธาตุ อยู่ที่บ้านนี่แหละ
มันไม่ได้ไปที่ไหน
กรรมฐานมันอยู่ที่เรา ไม่ได้อยู่ที่ไหน"

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ







..ผู้ที่ได้ทำคุณงามความดีชีวิตก็เป็นมงคล คนเราตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่เล็กจนถึงเฒ่าถึงแก่ ถ้าไม่ได้เข้าวัดฟังธรรมจำศีล ไม่ได้ทำบุญทำทานการกุศล ชีวิตนั้นก็เสียเปล่าประโยชน์ชาติหนึ่งไป ชีวิตก็ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ถ้าผู้ที่ได้ทำคุณงามความดีก็จะเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ ตามฐานะของตนเองที่ได้สร้างสมอบรมเอาไว้ พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายก็ดี ที่บวชมาตั้งแต่เล็กจนใหญ่จนโตจนถึงเฒ่าถึงแก่ บุญบารมีก็แก่กล้ามาเรื่อยๆ เพราะเขาศึกษามาตั้งแต่หลายภพหลายชาติ ได้บำเพ็ญคุณงามความดี เมื่อศึกษาหลักพระพุทธศาสนาได้แล้ว ก็เอาไว้เป็นที่แลกเปลี่ยนแก่ศรัทธาญาติโยม ญาติโยมได้เชิดชูพระพุทธศาสนา ร่างกายของพระภิกษุอยู่ได้ก็ด้วยอาศัยศรัทธาญาติโยมดูแลรักษา
..เหตุฉะนั้นเมื่อเราได้ทำคุณงามความดีอย่างนี้ ก็ควรปลื้มใจในชีวิตที่ไม่ขาดทุน แม้ผู้ที่ได้ทำน้อยตามกำลังของตนเอง การทำบุญทำทานการกุศลไม่ต้องทำมาก ทำตามกำลังของตนเอง ทำให้พอเหมาะพอสมกับรายได้รายจ่ายของตนเอง ครอบครัวก็จะอยู่ได้สบาย เหตุฉะนั้นการทำบุญไม่ได้อวดผู้ใด ทำบุญทำความดีเพื่อให้มีความผาสุกเกิดขึ้นเป็นกองบุญของตน คนเราเมื่อได้สร้างคุณงามความดีจิตใจก็อบอุ่น นึกขึ้นมาทีไรเราได้ทำบุญทำทาน ได้รักษาศีลตามกำลังความสามารถของตน บางคนก็นั่งเจริญเมตตาภาวนา ฝึกฝนอบรมจิตใจของตน เพื่อให้เกิดความสงบเกิดขึ้น
..เมื่อจิตใจสงบแล้วจะได้พิจารณาข้อมูลต่างๆ เรื่องเหตุเรื่องผลต่างๆก็จะเข้าใจง่าย รู้จักแยกแยะความดีและความชั่วก็อาศัยจิตใจที่สงบ ใจสงบก็จะได้พบความสุขที่เกิดขึ้น เมื่อความสุขเกิดขึ้นก็จะได้ใช้สติปัญญาพิจารณาเรื่องเหตุเรื่องผลได้เข้าใจดี เมื่อเข้าใจดีแล้วก็จะรู้จักหลบหลีก หนทางที่เดินไปแล้วที่มีความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้น จะเดินทางใดปฏิบัติทางใด ทำให้ความปลาบปลื้มความสุขเกิดขึ้น เป็นการดำเนินชีวิตวิถีชีวิตของตนเองให้ถูกต้อง ไม่มีความเดือดร้อนอยู่ในความสงบ
..ผู้ที่เข้าวัดเข้าวาได้ปฏิบัติธรรมก็จะได้รับผลรับประโยชน์ คือมีความสุขใจที่ได้ทำคุณงามความดีเอาไว้นั่นเอง เป็นหลักเหตุผลที่ได้เป็นทุนของตนเอง ถ้าไปเกิดภพใดชาติใดก็ดีก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ ตามที่ได้ทำทานการกุศลเอาไว้ ตั้งใจให้บริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไหร่ก็มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จะเรียกว่าทุกคนพากันสร้างคุณงามความดี..

" ในชาตินี้...
หากยังมีชีวิตอยู่ เราได้สร้างไปตามสติปัญญา
ทีละน้อย ทีละน้อย
เหมือนปลวก
ก็เป็นจอมปลวกได้ หรือเหมือนการตวงน้ำฝน
ทีละน้อย ทีละน้อย ทีละเม็ด ก็สามารถจะเต็ม
โอ่งได้

ฉันใดก็ดี
การทำบุญทีละน้อย ทีละน้อย ก็สามารถเป็น
บุญกองใหญ่ได้

อยากได้รั้งรอ...
วันนั้น วันนี้ ให้ค่อยทำไปเรื่อย ๆ
เพราะความตาย...
มันอยู่ใกล้ชิดเรา เราไม่รู้ว่า จะไปวันไหน ?

ควรรีบสร้าง...
คุณงามความดีเอาไว้ เป็นที่พึ่งของตน."

หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป.






“ ลูกเอ๋ยบุญเจ้าไม่สร้าง แล้วใครจะช่วยเจ้า ”

“ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยไปขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนล้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดิน จะช่วยเอง… ”

“จงจำไว้นะ… เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า”

#สมเด็จพระพุฒาจารย์โต (โต)พรหมรังสี





….… " กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้ กรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง ” ..
......... จงจำไว้ลูกเอ๋ย ... กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมมีผลต่อผู้กระทำทั้งสิ้น ไม่มีพรหมเทพองค์ใด จะช่วยเจ้าลบล้างกรรมนั้นได้ …….
….… เจ้าจะต้องช่วยเหลือตนเอง ด้วยการสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง " ........
........ " มนุษย์รู้จักอาบน้ำชำระร่างกายวันละหลายๆ ครั้ง ทุกวัน ... เพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งสกปรกโสโครกที่ติดเกาะเรือนร่างตน ... แต่มนุษย์ไม่เคยที่จะคิดชำระล้างจิตใจให้สะอาดแม้เพียงหนึ่งนาที ... ด้วยเหตุนี้จิตใจของมนุษย์จึงมีแต่ ความโลภ โกรธ หลง อันเป็นตัณหาเพิ่มพูนตลอดเวลา ........
........ ถ้ามนุษย์รู้จักการชำระล้างจิตใจ ด้วยการมีทาน ศีล ภาวนา ทุกๆ วัน ... ความโลภ โกรธ หลง ก็จะค่อยหมดไปเอง .........
....... ถ้าละได้ทั้งสุขและทุกข์ เมื่อนั้นเราก็จะไม่สุขไม่ทุกข์ จิตก็จะเป็นอรหันต์ " ……..

...... “ อมตะธรรม สมเด็จโต ... คำสอนของสมเด็จโตที่ท่านได้บันทึกไว้ในคัมภีร์พรหมรังสี ด้วยลายมือของท่าน ”.......








จิตที่ส่งออกนอกเพื่อรับสนองอารมณ์ ทั้งสิ้น
. เป็นสมุทัย
ผลที่เกิดจากจิตส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว
. เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง
. เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง
. เป็นนิโรธ

...โอวาทธรรมจาก หลวงปู่ดูลย์ อตุโล...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร