วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2023, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ไม่คุ้ม

"ถ้าท่านลำพังแต่เพียงแค่นั่งสมาธิ ๓ - ๔ ชั่วโมง ออกมาแล้วปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นไปตามอำเภอใจ ไม่มีการทำสติกำหนดตามรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านประสบอยู่ มันก็ไม่คุ้มค่า จะไปสำรวมจิตเฉพาะในขณะนั่งหลับตานั้นไม่คุ้ม

เพราะแรงผลักดันที่จะทำจิตของเราให้ตกไปอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำนี้มันมีมากเหลือเกิน"

โอวาทธรรม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย






"#อาจารย์ที่แท้จริง "

ครั้งหนึ่งท่านพระอาจารย์ชาคโร (พระชาวต่างชาติ) ถูกหลวงพ่อชาส่งให้ไปอยู่ประจำวัดสาขาแห่งหนึ่ง เมื่อมีโอกาสหลวงพ่อท่านได้เดินทางไปเยี่ยม

หลวงพ่อถามว่า

“ท่านชาคโรเป็นอย่างไร? ทำไมผอมอย่างนี้ล่ะ?”

พระอาจารย์ชาคโร กราบเรียนโดยไม่อ้อมค้อมว่า

“เป็นทุกข์ครับหลวงพ่อ ไม่สบายเลย”

หลวงพ่อซักไซ้ต่อว่า

“เป็นทุกข์เรื่องอะไร? ทำไมจึงไม่สบาย?”

พระอาจารย์ชาคโรเผยความในใจว่า

“เป็นทุกข์เพราะอยู่ห่างไกลครูบาอาจารย์ครับ”

หลวงพ่อท่านจึงท้วงขึ้นในทันทีว่า

“มีอาจารย์อยู่ด้วยตั้ง ๖ องค์ ยังไม่พอรึ? มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่แหละ เป็นอาจารย์ของเรา ฟังให้ดี ดูให้ดี เขาจะสอนเราให้เกิดปัญญา”

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)






"เปลี่ยนวิธีหาความสุข"

ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเสมอไป
ฉะนั้น อย่าไปพึ่งสิ่งที่มันไม่เหมือนเดิม สิ่งที่มันมีการเสื่อมมีการหมดไป เช่นร่างกายนี้ เราพึ่งมันมาอยู่ตลอด เราเปลี่ยนร่างกายมาไม่รู้กี่ล้านร่างแล้ว พอร่างกายนี้ตายไปเราก็ไปเกิดใหม่ ไปเอาร่างกายอันไหม่ แล้วก็มาทำอย่างที่เราเคยทำเหมือนเดิม เอาร่างกายมาฟังมาดูมากินมาดื่ม มาเที่ยวมาเล่นกัน พอใช้ร่างกายไม่ได้ก็เดือดร้อนกัน วุ่นวายกัน แล้วร่างกายมันก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ต้องทำมาหากินกัน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แล้วก็ตายไป ก็ไม่คิดไม่เบื่อเพราะร่างกายอันนี้ตายไปก็ไปหาร่างกายอันใหม่ ไปเกิดใหม่เพราะยังอยากใช้ร่างกายอยู่ ยังอยากมีตาไว้สำหรับดู อยากมีหูไว้สำหรับฟังใช่ไหม
ถ้าตาบอดก็เดือดร้อนแล้ว ถ้าหูหนวกก็เดือดร้อนแล้ว ไม่มีความสุขแล้ว ถ้ามีแต่ความทุกข์ก็ไม่อยากจะอยู่อยากจะฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตายแล้วก็กลับมาเกิดใหม่ เพื่อจะได้ร่างกายอันใหม่ มันก็ไม่มีวันสิ้นสุด

ถ้าเราไม่มาหยุดต้นเหตุของปัญหา ต้นเหตุของปัญหาก็คือ ความอยากต่างๆ ที่เราอยากกันนี้ อยากในรูปเสียงกลิ่นรส อยากดูอยากฟัง อยากลิ้มรสดมกลิ่น เห็นไหมน้ำหอมขวดนิดเดียวราคาเป็นพัน เป็นหมื่น ดมแล้วมันหอม ไม่ชอบกลิ่นตัว กลิ่นตัวมันเหม็น เลยเอาน้ำหอมมาปะมาโปะความเหม็นของร่างกายไว้ เพราะฉะนั้นเรามาอยู่แบบไม่ใช้ร่างกายดีกว่า อยู่แบบไม่ต้องใช้ตาหูจมูกลิ้นกาย ก็คือทำใจให้สงบ นั่งสมาธิ เวลานั่งสมาธิใจสงบแล้ว มันจะมีความสุขอีกแบบหนึ่ง เป็นความสุขที่ดีกว่าความสุขจากการได้ดูได้ฟัง ได้ดมได้กินได้ดื่ม แล้วต่อไปเราก็จะได้ไม่ต้องใช้ร่างกาย จะกินก็กินเพื่อให้ร่างกายอยู่ ถ้าไม่มีกินก็ปล่อยให้ร่างกายมันตายไป เพราะยังไงมันก็ต้องตาย เวลาที่มันใกล้จะตายมันก็กินไม่ได้อยู่ดี มันก็ต้องอดตายกันทั้งนั้นหน่ะ แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้ร่างกายไม่ต้องอาศัยร่างกาย เราก็จะไม่ทุกข์ เราจะเฉยๆ เราจะอยู่กับความสงบ เราจะสุขกับความสงบ ถ้าเราสามารถทำใจให้สงบได้ทุกเวลา เวลาไม่แก่ก็สงบได้ เวลาแก่ก็สงบได้ เวลาเวลาไม่เจ็บก็สงบได้ เวลาเจ็บก็สงบได้ เวลาตายก็สงบได้ ความสงบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกาย มันขึ้นอยู่กับสติ ขึ้นอยู่กับคำบริกรรม พุทโธ พุทโธ พุทโธ ถ้าเราบริกรรมพุทโธๆ ไป ไม่คิดอะไรใจเราก็จะสงบ แล้วจะเย็น จะสบายมีความสุข ร่างกายจะเป็นอะไรมันก็เป็นเรื่องของร่างกาย ใจก็เป็นใจคนละคนกัน

ชีวิตของเรานี้มีสองคน เรามีพี่กับน้อง มีนายกับมีบ่าว ร่างกายนี้เป็นบ่าวใจนี้เป็นนาย ความสุขของร่างกายกับความสุขของใจนี้เป็นคนละอย่างกัน ความสุขของร่างกายก็ต้องมีอาหารรับประทาน มีที่อยู่อาศัยมีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค แล้วก็มีรูปเสียงกลิ่นรสให้เสพ ก็จะมีความสุขทางร่างกายกัน แต่ความสุขทางใจนี้ ไม่ต้องมี ไม่ต้องมี ปัจจัย ๔ ไม่ต้องมีร่างกาย ถ้ามีความสงบแล้ว ใจมีความสุขได้ตลอดเวลา
ฉะนั้น เรามาเปลี่ยนวิธีหาความสุขกัน อย่าหาความสุขผ่านทางร่างกาย เพราะมันจะต้องมีวันหนึ่งที่มันไม่สามารถทำได้ เวลาร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเวลาร่างกายตายไป หรือเวลาที่เราไม่มีความสามารถที่จะไปหาความสุขต่างๆ จากสิ่งต่างๆ ได้ เช่น ถ้าเราไม่มีเงินทองปีใหม่นี้เราก็ไปเที่ยวกันไม่ได้ อยู่บ้านก็เหงาอย่างนี้เป็นต้น การพึ่งร่างกายก็จะพาเราไปสู่ความทุกข์ ถ้าเราพึ่งใจ พึ่งสติ พึ่งธรรมะ ให้ใจเราสงบด้วยธรรมะด้วยสติแล้ว ก็ไม่ต้องพึ่งอะไร ร่างกายเป็นอะไรเราก็ยังมีความสุขได้ ใจของเราสุขได้สองทาง สุขทางร่างกายกับสุขทางธรรมะ ถ้าเราอาศัยร่างกายเป็นทางหาความสุข เดี๋ยวร่างกายเป็นอะไรเราก็ไม่สามารถหาความสุขได้ ถ้าเราหาธรรมะเป็นทางหาความสุขเราก็จะหาได้เรื่อยๆ เพราะธรรมะไม่มีวันเสื่อมไม่มีวันหมด ธรรมะนี้ไม่ได้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ธรรมะนี้เป็น อะกาลิโก ไม่มีวันเสื่อม.

สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






#กายนี้คือก้อนทุกข์

"... กายนี้เป็นที่หมาย​ ให้พ้นเสียจากทุกข์
... ฝึกสติปัญญาให้ดี​ แล้วมาพิจารณา
... กายนี้ให้แจ้ง​ เดี๋ยวก็จะพ้นจากทุกข์​ ​..."
................................
#หลวงปู่ดุลย์_อตุโล
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์







“สิ่งที่มากระทบเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
จะทำให้เราเจ็บปวด หรือขุ่นข้องหรือไม่
อยู่ที่ใจเรา

เพื่อนร่วมงานจะไม่น่ารัก
ดินฟ้าอากาศจะไม่เป็นใจ
แต่มันทำให้เราทุกข์ไม่ได้
ถ้าหากว่าใจเราใหญ่เหมือนแม่น้ำ

จะสุขหรือทุกข์นั้น
ขึ้นอยู่กับคุณภาพจิตใจของเรา
คนที่ใจแคบ ใจเล็ก คิดถึงแต่ตัวเอง
เจออะไรมากระทบก็ทุกข์ โกรธ
ไม่พอใจไปหมด

แต่คนที่ใจกว้างใหญ่
แม้จะมีเรื่องใหญ่ๆ เกิดขึ้น
เขาก็สามารถรักษาใจให้เป็นปกติได้”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล







"ทุกอย่างในโลกนี้ มันถูกอยู่แล้ว
มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้น ที่ผิด"

หลวงปู่ชา สุภัทโท


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร