วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 01:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2022, 03:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า ขันธ์ 5 หมายถึง
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สิ่งเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นกองทุกข์
ต้องเรียนให้รู้ให้เข้าใจตามความเป็นจริง
ให้พิจารณาให้เห็นด้วยใจ ถ้าใครเห็นด้วยใจ
ชื่อว่าเรียนธรรมะในขันธ์ 5 จบ
สามารถละความยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตนได้
สามารถปล่อยวางได้ ไม่ยึดมั่นในอุปทานว่าเป็นของเรา ชื่อว่าเรียนจบแล้ว.....
เราจะมีความสุขมาก...เรียนให้จบนะ...

โอวาทธรรม หลวงปู่บุญเรือง กิตติปุญโญ
23 สิงหาคม 2565






"เมื่อเกิดมาเป็นคน รู้ตัวว่าเราจะต้องตาย
จงรีบทำคุณงามความดี ทำประโยชน์ไว้เสีย

การทำมาก หรือทำน้อยไม่เป็นปัญหา
ขอให้ตั้งเจตนาให้ดี ให้เชื่อมั่นในบุญกุศล
ที่ตนทำนั่น จิตใจแน่วแน่อยู่กับกุศลอันนั้น
ก็จะเป็นของมากอยู่เอง

ไม่ต้องเอาหน้า เอาเกียรติ ไม่ต้องเอาชื่อ เอาเสียง
เอาเฉพาะใจของตนเอง ตั้งศรัทธาแน่วแน่
เฉพาะบุญกุศลที่ตนทำเองนั่นละ เป็นอานิสงส์มาก
กุศลมาก ตรงนี้แหละ”

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





“ถ้าใจมีธรรมเป็นที่อยู่แล้ว
จะอยู่ที่ไหนก็อยูได้ ไม่มีความเดือดร้อน
แต่ถ้าใจนั้นไม่มีธรรม เป็นเครื่องอยู่แล้ว
ต่อให้นั่ง นอน อยู่ในปราสาททอง
ก็ไม่มีความสุข เพราะไฟกิเลส
มันเผาผลาญหัวใจ ให้ได้รับความเดือดร้อน
อยู่มิเว้นวาย”

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม






ขอให้โยมเข้าใจว่า..ตราบใดที่เรายังมีกายสังขาร..ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ได้ชื่อว่า "ยังมีบุญอยู่ทุกขณะ" ที่ตามรักษาให้เรา..ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ ให้เรายังครองสติอยู่ได้ ต่อเมื่อกายสังขารเราสิ้นแล้ว ด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรือมีวิบากกรรมมาตัดรอน แม้ว่าเราตายไปแล้ว..บุญนั้นก็ไม่มีวันหมด ผลบุญกุศลที่เราได้เคยทำไว้..ก็ยังตามไปส่งผลในภพในชาติต่อไปได้

และเช่นเดียวกัน อันว่ากรรมชั่ว บาปอกุศลกรรมนั้น..ก็ไม่มีวันหมด ตราบใดที่เรายังไม่เข้าถึงความเป็นอรหันต์ หรือเข้าถึงพระนิพพาน ดังนั้น "บุญมันจึงอยู่คู่กับบาป ถ้าเมื่อใดบุญยังมีอยู่..บาปก็ยังคงมีอยู่เสมอ" เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ประโยชน์และอานิสงส์ของบุญนี้ สามารถทำให้เรามีชีวิต..มีกายสังขาร หรือมีความเป็นอยู่ในทางโลก..ที่ไม่เดือดร้อน เมื่อเรามีความเจ็บความป่วย..ก็จะมีหยูกยารักษา ถ้ามีทุกข์มีภัยอันใด..ก็จะมีทางออกได้ หรือแม้ในยามคับขัน..ก็จะมีผู้ที่มาคอยช่วยเหลือ เมื่อปรารถนาจะทำความดี สร้างกุศลอันใด..ก็ทำได้โดยง่าย

พระพุทธองค์ท่านจึงได้สอนไว้ว่า แม้ไม่มีอัฐมีเบี้ย..ก็สามารถทำบุญได้ เค้าเรียกว่า "บุญกิริยาวัตถุ" ดังนั้นร่างกายที่เราเกิดมานี้..ชื่อว่าบุญ การที่เราได้เกิดมานี้..ก็คือบุญแล้ว ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจหล่อเลี้ยงสังขาร จึงได้ชื่อว่า "มีบุญอยู่ทุกขณะ"

มนุษย์ที่ว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐ ต่างกับสัตว์เดรัจฉาน..ก็ตรงที่ว่า มนุษย์นั้นรู้ดีรู้ชั่ว..รู้จักบาปบุญคุณโทษ แต่สัตว์เดรัจฉาน..เค้าไม่รู้จักบาปบุญ ไม่รู้จักกรรมดีกรรมชั่ว..ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์มีเหนือกว่าก็คือ "ปัญญา" ที่จะสามารถเลือกได้ว่า เรานั้นจะทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว แต่ที่ยังไม่สามารถจะละบาปหรือกรรมชั่วได้ ก็เพราะว่าอำนาจแห่งกรรมนั้น มันยังมีกำลัง..มันยังส่งผลอยู่

จึงมักจะเกิดคำถามที่ว่า..แล้วทำไมคนชั่วเค้ายังได้ดีอยู่ เพราะเหตุว่าบุญเก่าของเค้านั้น..ยังส่งผลให้อยู่ แต่ถ้าเมื่อใดที่บุญในอดีตไม่ได้ส่งผลแล้ว และไม่ได้สร้างบุญในปัจจุบันเพิ่ม อย่างนี้แล มันก็จะทำให้อดีตแห่งกรรมชั่ว..มันส่งผล ก็จะต้องได้รับผล..ตามกฎแห่งกรรมไป

ดังนั้นการที่ว่ามีบุญ ที่เราทำบุญทำทาน เค้าเรียกว่า..ทำความดี "บุญได้ชื่อว่า..ความสุข" แต่สุขทั้งหลายนี้..มันไม่เที่ยง เพราะการทำความดี..มันทำได้ยาก แต่เมื่อเราทำได้แล้ว การจะรักษาไว้ให้มันคงอยู่..มันก็ทำได้ยากยิ่งกว่า

บุญที่เราระลึกถึง แม้ว่าเราได้ทำเมื่อนานมาแล้ว หรือจะทำไว้เมื่อไหร่ก็ตาม แต่เมื่อเราหวนระลึกถึง จิตเราก็จะเข้าถึงความสุข..ความปิติได้ เช่นเดียวกับบาป..ที่เราได้เคยทำไว้ในอดีต เมื่อหวนระลึกแล้ว ก็จะทำให้จิตเรานั้นเศร้าหมอง..เป็นทุกข์ร้อนใจ

แม้เราตายไปแล้ว บุญกุศลหรือบาปกรรมนั้น..ก็ยังติดตามเหมือนดั่งเงา ดังนั้นขอให้โยมเข้าใจว่าบาปบุญนี้..ไม่มีวันหมด บางคนคิดว่าตัวเองนั้น มีบุญมากแล้ว..จึงไม่ต้องทำบุญเพิ่ม แต่เมื่อไหร่ที่บุญนั้นมันอ่อนกำลังลง บาปที่เรามี..มันก็จะตามมาส่งผลได้ ดังนั้นฉันจึงบอกว่า "จงอย่าได้ประมาทในการทำบุญ" เข้าใจมั๊ยจ๊ะ

#สมเด็จพระพุฒาจารย์โต








ผู้เรียนธรรมกับผู้มีธรรม
มันต่างกันเด้บาดนิ
บางคนผู้เรียนธรรม
จะหาเอาชนะแต่คนอื่น
อันนี้เขาเขียนว่าอย่างนั้น

พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้
เอาไปเถียงกัน
ไม่เกิดประโยชน์อะไร
ต่างจากผู้มีธรรม
เขาหาแต่ทางเอาชนะใจ
ของตัวเองเถียงแต่กับกิเลส
สู้แต่กับกิเลสตัวเอง นี้ละเพิ่นว่า
ชนะตน ชนะทุกอย่าง ...

โอวาทธรรม ...
หลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตโต
วัดป่าเวฬุวันอรัญญวาสี อุบลราชธานี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron