วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2022, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#หลวงตาตอบปัญหาศิษย์สงสัยภาวนาแล้วเห็นเทวดา
“... มีญาติผู้ใหญ่มาจากกรุงเทพฯ ค่ะ ท่านทำสมาธิมานานแล้ว ได้เห็นนั่นเห็นนี่ แต่ตัวท่านเองไม่เชื่อ หรือเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ได้พบพูดคุยกับวิญญาณต่างๆ เหล่านั้นมาจะร่วมสามสิบปีเข้าแล้ว อยากจะมากราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า สิ่งที่ได้เห็นนั้นจริงหรือไม่จริง. ท่านอาจารย์นิ่งฟังเฉยๆ

... ผู้ใหญ่ที่ผู้เขียนพาไป ได้กราบเรียนถาม
เพิ่มเติมขึ้นว่า “คือว่าผมสงสัยครับ.. เช่นในขณะที่นั่งสมาธิได้เห็นเทวดา เห็นถนัดชัดเจนว่าแต่งตัวอย่างนั้นๆ หลับตาก็เห็น ลืมตาก็ยังเห็นอยู่ อยากจะให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริง หรือว่าเราหลอกตัวเอง.

“มันมีทั้งสองอย่างนั่นแหละ” ท่านอาจารย์ตอบช้าๆ “เทวดาก็มี เทวเดาก็มี ส่วนมากเทวเดา” ลูกศิษย์หัวร่อ ท่านหันมาย้ำกับพวกหน้าเป็นทั้งหลาย

“อ้าว จริงๆ นะ ไม่ได้พูดเล่นๆ มันมีอยู่ทั้งสองอย่าง เทวดานั้นมี เทวเดาก็มีเดาไปซิ ธาตุสิบสองไปหลอกเจ้าของให้เข้าใจว่าเป็นความจริง นั่นเรียกว่า “เทวเดา” แต่เมื่อเรารู้ความจริงแล้ว เข้าใจจริงๆ แล้ว มันไม่เป็นอย่างนั้น

... เหมือนอย่างเรามาหากันนี่แหละ มากันนี่นะ มากี่คน ผู้หญิงกี่คน ผู้ชายกี่คน สนทนาปราศรัยกันว่าอย่างไร.. แม้ไม่ได้เดินมาตรงนี้ มองเห็นกันอยู่ก็รู้ว่ามาหา เดินผ่านหน้าผ่านหลังไปก็รู้ เพราะมันเป็นความจริง แม้ว่าตาฝ้าฟางไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง ตาเห็นก็อีกอย่างหนึ่ง

... ทีนี้ตาภายในเล่าก็เหมือนกัน ตาภายในที่มีความชำนิชำนาญเป็นส่วนมาก มันก็อาจจะมีฝ้าฟางไปบ้าง แต่โดยนิสัยแล้วมันจะรู้อย่างนั้น ทีแรกมันจะผิดๆ พลาดๆ ไปก่อน ถ้าเราไปพลัดไปหลงเข้ามันก็ผิดไปเอง

... แต่ถ้าเราไม่หลง พยายามปรับปรุงหลักจิตของเราให้ดี เมื่อหลักจิตของเราดีแล้ว ความแม่นยำมันก็สูง เราก็ค่อยทราบเข้า ทราบเข้าเรื่อย สิ่งที่จริงก็รู้ สิ่งที่ปลอมก็รู้

... เหมือนอย่างเช่น ธนบัตรปลอมกับธนบัตรจริง คนที่ไม่เคยเห็นธนบัตรปลอม หรือธนบัตรจริง แล้วจะเอาอะไรมาให้จริงเล่า เข้าใจไหม จะต้องคนที่ชำนิชำนาญในเรื่องธนบัตร เฉพาะอย่างยิ่งพวกธนาคาร เขาจับปั๊บรู้เลย นั่นมันเป็นอย่างนั้นนะ

... อันนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ นักภาวนาจะต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านภาวนา เหมือนกับนายธนาคารจะต้องชำนาญในเรื่องการเงิน ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญนี้พูดไม่ถูก สอนกันไม่ได้

... ผู้ที่จะเป็นไปอย่างนั้นพื้นฐานเบื้องต้น นิสัยเบื้องต้นมันมีมันจะรู้ พอจิตสงบแล้ว มันจะแยกออกไปรู้ ทีนี้มันก็จริงละ คืออาการของมันจะแสดงออกมา.

“อย่างที่ผมเห็นนี่ มันเกิดวิจิกิจฉาว่าจริงหรือ
ไม่ จึงมากราบเรียนถาม”

“ก็อาจารย์ไม่ได้เห็นกับคุณ จะรู้ได้อย่างไร
ว่าจริงหรือปลอม รับรองกันไม่ได้จึงไม่ทราบ”

“ถ้าเช่นนั้น เมื่อมีความชำนาญแล้ว จึงจะทราบด้วยตัวเอง รู้ได้เฉพาะตัวใช่ไหมครับผม”

... ถ้าเรามีความชำนาญ เข้าใจในทางออก
ทางเข้าของจิต ของกระแสจิตแล้วก็จะเข้าใจได้โดยลำดับ ละเอียดยิ่งกว่านั้นอีก มันสำคัญที่ความชำนาญ ความรู้ ความละเอียดลออของความรู้เราก็จะเข้าใจ

... แต่ว่าถ้าอะไรเป็นตัวเดาขึ้นละก็เป็นของหยาบๆ ทั้งนั้น นี่มันต่างกันนะ ความรู้พื้นๆ
ธรรมดาๆ อย่างเราๆ ท่านๆ นี้อย่างหนึ่ง ถ้าฝึกมากก็จะละเอียดเข้าไป ละเอียดเข้าไปโดยลำดับ จนกระทั่งเป็นปรีชาญาณ นั่น หยั่งทราบได้หมดตลอดทั่วถึง ไม่ต้องไปกำหนดกฎเกณฑ์ก็รู้

... อย่างเช่น พระพุทธเจ้าของเรา นี่มันต่างกัน จะเทียบก็เหมือนกับการเขียนหนังสือ เช่น คำว่า “ท่าน” กว่าจะเขียนออกมาได้ ต้องนึกถึงตัวนั้นตัวนี้ ท.สระอา น หนู แล้วก็ไม้เอก จึงจะอ่านว่า “ท่าน” ได้

แต่สำหรับคนที่ชำนาญแล้ว พอว่า “ท่าน” มันมาพร้อมกันหมดทุกตัว เข้าใจเสียทีซิ การภาวนานี่น่ะ”

... ก็อย่างที่ผมเห็นนี่นะครับ เป็นวิญญาณ พอนั่งปุ๊บเขาก็โผล่มาให้เห็น มาแสดงตัวว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่งตัวอย่างนี้ แล้วก็มาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แต่ตัวเราเองมันเสียตรงที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ.

ผู้ถามพยายามถามย้ำ ท่านอาจารย์จึงตัดบทว่าเข้าใจละ ถ้าเราไม่เชื่อ ก็อย่าไปสนใจกับสิ่งเหล่านั้น

ให้เราทำจิตของเราให้สงบเถิด หลักนี้ละเป็นหลักใหญ่ของการภาวนา นอกนั้นเป็นเรื่องปลีกย่อย มันจะเกิดมันก็เกิด มันไม่เกิดก็ช่างมันเถอะ ไม่มีความสำคัญอะไรนัก

... สำคัญที่ทำจิตของเราให้สงบเย็น หรือพิจารณาให้แยบคายทางปัญญา ที่จะพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์ข้างนอกข้างใน
ให้ละเอียดทั่วถึงเพื่อความปล่อยวาง อันนี้ต่างหากที่เป็นหลักของพระพุทธเจ้าโดยแท้.

... ท่านอาจารย์พยายามมิให้ผู้ฟังติดอยู่ในเรื่องของความเป็นผู้มีอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งท่านเห็นว่าไม่สำคัญเลย

... ท่านสอนเพื่อความหลุดพ้น แต่ผู้คนอื่นๆ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วจะหลง และติดอยู่กับสิ่งที่ได้เห็นเพียงแค่นั้น ไม่มีทางหลุดพ้นไปได้จากวัฏจักรนี้ ท่านย้ำอีก ..."

#การเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปลีกย่อย ขอให้ยึดเอาหลักเกณฑ์ไว้ให้ดีเถิด เห็นอะไรแล้วจะเชื่อหรือไม่ อาจารย์ไม่ได้ตำหนิตรงนั้นนะ

#แต่ถ้าตรงนี้ตรงหลักใหญ่ยังไม่ได้เรื่องแล้วไปยุ่งกับตรงนั้น_อันนี้ต้องตำหนิกันละ #เพราะสำคัญมาก_การภาวนาต้องเล็งถึงความสงบเป็นพื้นสำคัญ ... "

#หนังสือ_เรื่องที่คุยกันกับศิษย์
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน





"ทำจิตใจให้ใสสะอาด
อย่าไปเอาเรื่องของคนอื่นมาใส่ตัวเอง
ดี ชั่ว ผิด ถูกก็เรื่องของเขา
ได้เสียก็เรื่องของเขา
เราพยายามทำกาย วาจา จิตของเจ้าของ
ให้บริสุทธิ์อยู่เป็นนิจ มันก็พอแล้ว"

หลวงปู่แสง ญาณวโร





"...พระนิพพาน ท่านเรียกว่า อมตธรรม
เป็นธรรมที่ไม่ตาย ไม่คลาดเคลื่อน
ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบัน
เพราะเหตุนั้น จึงเรียกว่า นิพพาน
ผู้ยังข้องอยู่กับ อดีต อนาคต
อยากเห็นสิ่งต่างๆ ไม่ใฝ่ใจอยู่กับปัจจุบัน
ยากที่จะเห็นนิพพาน เพราะนิพพาน
คือความดับ ดับอยาก ดับไว้ที่ปัจจุบัน..."

#ที่มา หนังสือวรลาโภวาท หน้า ๒๒๙
#โอวาทธรรม หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ









จิตนี้จะว่าตายก็ตาย​
จะว่าไม่ตายก็ไม่ตาย

จิตที่ตายก็คือจิต
ที่มีอาการแปรเปลี่ยน
ไปด้วยบาปอกุศล

ถ้าจิตคงที่อยู่ในสภาพเดิม
หรือเป็นจิตที่เจือด้วยบุญกุศล
ก็เป็นจิตที่ไม่ตาย

โอวาทธรรม
ท่านพ่อลี​ ธมฺมธโร






"อันความหวังนั้น หวังด้วยกันทุกคน
แต่สิ่งที่จะมาสนองความหวังนั้น ขึ้นอยู่กับ
การประพฤติปฏิบัติของตนเป็นสำคัญ
เราอย่าให้มีความหวังอยู่ภายในใจอยู่อย่างเดียว ต้องสร้างเหตุอันดี ที่จะเป็นเครื่องสนองตอบแทน
ความหวังนั้นด้วย"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"ถ้าไม่ต้องการเกิดอีก
มีสติ...
ระวังรักษาศีล ตลอดชีวิต

มีสติ...
ระวังไม่ทำชั่วทางกาย ใจ

มีสติ...
ระวังถอนความยินดี และความไม่ยินดี
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เมื่อปฏิบัติเช่นนี้...
อวิชา โมหะ เป็นอัน...ถูกละ

จิต...
หยุดปรุงแต่ง ภพ-ชาติ จึงดับไป."

หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ







วิธีฝึก 8 อย่าง จะได้ไม่ “ทุกข์”

1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป

2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย

3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง

4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว

5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย

6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่อง ของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา

7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจาก ความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน

8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร