วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2022, 03:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า “สติ” ย่อมถือเป็นธรรมสำคัญของความเพียรทุก ๆ ประโยค
และคำว่า “ปัญญา” ก็ย่อม ถือเป็นสำคัญในเวลาที่ควรใช้ตามกาลของตน เพราะปัญญาเป็นธรรมจำเป็นไปตามภูมิของจิต ของธรรม ส่วนสติเป็นธรรมจำเป็นตลอดไปในอิริยาบถต่าง ๆ

กาลใดที่ขาดสติ กาลนั้นเรียกว่า ขาดความเพียร แม้กำลังเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่ก็สักแต่ว่าเท่านั้น แต่มิได้เรียกว่า เป็นความเพียรชอบ ดังนั้นท่านจึงสอนเน้นลงในความมีสติมากกว่าธรรมอื่น ๆ เพราะ สติเป็นรากฐานสำคัญของความเพียรทุกประเภทและทุกประโยคที่ทำ จนกลายเป็น มหาสติขึ้นมาและผลิตปัญญาให้เป็นไปตาม ๆ กัน

ภูมิต้นเพื่อความสงบต้องใช้สติ ให้มาก ภูมิต่อไปสติกับปัญญาควรเป็นธรรมควบคู่กันไปตลอดสาย.

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
คัดลอก : หนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
หน้า ๒๓๕






หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า “แกจำไว้นะ..คนที่นั่งอยู่ทุกคน ที่แกเห็นหน้าตั้งแต่เกิดมายันแกตาย ทั้งไส้เดือน กิ้งกือ หมาตัวผู้ตัวเมีย จะกาจะไก่อะไรก็ตาม เขามีจิตดวงหนึ่งซึ่งเกิดมานานแล้ว บังเอิญพลาดพลั้งมาได้ร่างเดรัจฉาน หรือได้ร่างคนทุพพลภาพ แต่ดวงจิตทุกดวงที่เกิดมานี่ มุ่งเหมือนกัน คือต้องการจะละเว้นความชั่วด้วยประการทั้งปวง ถ้าสังโยชน์ ๑๐ เขาหมดเมื่อไร ต้องการจะทำความดีให้ถึงพร้อม ถ้าบารมี ๑๐ เต็มเมื่อไรก็ผ่องใส ดวงจิตดวงนั้นก็เข้าสู่พระนิพพาน แม้ไม่อยากเข้าก็ต้องเข้า เพราะเชื้อหมดแล้ว เข้าใน ๓ ทาง คือ

๑. เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตั้งพระศาสนา
๒. เป็นพุทธสาวก พระอรหันต์ผู้สืบพระศาสนา
๓. ดวงกลางคือพระปัจเจกพุทธเจ้า”

เพราะฉะนั้น..ลูกทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี้ โยมทุกคน ยุงทุกตัว คนที่นั่งรถไฟฟ้าทุกคน ต่อให้เขาเมาอย่างไรก็ตาม ต่อไปข้างหน้า..ดวงจิตดวงนั้นต้องเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก แล้วท่านก็บอกว่า “เวลาเห็นโยมทั้งหลาย เห็นหมา เห็นแมว ให้เห็นด้วยไตรลักษณญาณ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าคนไหนวิบากกรรมยาว ก็สระอายาวหน่อย อนัตตาเสียงยาวหน่อย พอตาตัวสุดท้าย คือร่างกายจะสลายไป ไม่มีเชื้อของขันธ์ ๕ เหลือ เมื่อนั้นจิตดวงนั้นก็คือพระวิสุทธิเทพ ให้เห็นรูปพระวิสุทธิเทพที่เราบูชา ที่หลวงพ่อหรือว่าท่านอาจารย์หล่อกันนี่แหละ เห็นปะอยู่ที่หัวเขา หัวหมาตัวนั้นนะ หรือให้ขี่หลังหมาก็ได้ ลอยอยู่เหนือตัวเขานั่น เมื่ออนัตตาตัวสุดท้ายแล้ว จิตเขาต้องเป็น
พระวิสุทธิเทพองค์หนึ่ง ให้โมทนาในจิตหลังกระแสอันนั้น

ต่อไปนี้แกอย่าไปทำร้ายใคร อย่าไปคิดร้ายต่อใคร ถ้าเห็นคน ๆ หนึ่ง หรือหมาตัวหนึ่ง เลวทรามต่ำช้าโดยสภาพของโลก ก็คิดว่า โถ..อนาคตพระอรหันต์หนอ.. อุตส่าห์แกล้งเลวเสียเหมือนเลย อุตส่าห์เมตตามาสั่งสอนว่าเป็นความเลว ไม่น่าเอาอย่าง ขอบุญอะไรที่เกล้ากระหม่อมฉันมี ที่ผมมี ที่ฉันมี จงเป็นเครื่องสักการะส่งเสริม ให้เขาเข้าพระนิพพานให้รู้แล้วรู้รอดไป อย่าได้ขวางทางคนดีเขาเลย” เป็นพระอรหันต์แล้วเขาไม่ทำร้ายคน ขอให้ท่านไปพระนิพพานก่อนเรานะ

จำไว้ว่า ถ้าหากเราส่งเสริมอนาคตพระอรหันต์องค์หนึ่งให้มีความสุขไม่ได้ ก็อย่าบังอาจไปทำร้ายความดีของเขา ไปขวางทางอนาคตพระอรหันต์องค์นั้นเป็นอันขาด จะเกิดโทษกับเราเอง

เมื่อเป็นอย่างนี้ ลูกหลานทุกคนรวมทั้งหลวงตาด้วย ก็จะเข้าใจคำว่า "เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีศัตรู มีแต่สรณคมน์เฉพาะหน้าอย่างเดียว มีแต่พระนิพพานอย่างเดียว" ส่วนเรื่องที่เราเห็น เป็นเพียงกฎธรรมดาของวัฏสงสาร อย่าเผลอสติไปเล่นเกมส์กับเขานะ

พระราชภาวนาพัชรญาณ (หลวงตาวัชรชัย) วัดเขาวง ถํ้านารายณ์ จ.สระบุรี









นี่ถ้าอาการทั้ง ๔ อย่างมีอยู่ในใจเรา ความชั่วมันเกิดขึ้นไม่ได้ ที่เราต้องชั่วกันเพราะว่า
ขาดหิริและโอตตัปปะ
ขาดนึกถึงความตาย
ขาดพรหมวิหาร ๔

ขาดสิ่งทั้ง ๓ ประการนี้ศีลของเรามันก็ไม่มี จะทรงเพศเป็นพระ จะทรงให้เป็นเณร หรือจะทรงเพศเป็น อุบาสก อุบาสิกา ก็สักแต่ว่าพึงมีเพียงเพศเท่านั้น อย่างนี้พระพุทธเจ้าถือว่าเถน แปลว่า"หัวขโมย" คือขโมยเพศของสมณะมาใช้แต่น้ำใจจริงๆนั่นเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์เขาถือว่าเป็นสัตว์อยู่แล้ว มันจะรบกวนกันเขาก็เป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ แต่คนเรามีน้ำใจคล้ายสัตว์ ย่อมไม่รับความนับถือความดีซึ่งกันและกัน มันก็เลวกว่าสัตว์ นี่ต้องประณามตนอย่างนี้การประนามตนต้องประนามให้หนัก อย่าประนามเบาๆอย่ามองใน ด้านของความดี.....

โดยพระเดชพระคุณ
พระราชพรหมยานมหาเถระ
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุงจังหวัดอุทัยธานี
' ทางสายพระอริยบุคคล '
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕








…มีคนถามว่า
ถ้าไม่ทำบาปอย่างเดียวจะพอไหม
เพราะไม่ชอบทำบุญ

.ก็ต้องตอบว่าไม่พอ
เพราะบุญเป็นอาหารของใจ
ถ้าไม่ได้ทำบุญ ใจก็จะ
ไม่ได้รับอาหารครบตามที่ต้องการ

.จึงต้องให้ทาน ต้องภาวนา
ต้องฟังเทศน์ฟังธรรม
ต้องมีความเห็นที่ถูกต้อง
มีสัมมาทิฐิ มีปัญญา
“ ถึงจะมีความอิ่ม ความพอ มีความสุข “

.คนส่วนมากชอบทำแต่ทาน
“ ไม่ชอบภาวนา “
เพราะการภาวนา
เหมือนจับใจขังไว้ในกรง .
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ 52 กัณฑ์ที่ 421
23 กุมภาพันธ์ 2554






"...ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงล้วนเกิดจากจิตใจของมนุษย์ การแก้ที่ระบบการปกครองและการจัดระเบียบสังคมคงจะไม่ถึงรากเหง้าของปัญหา ถ้าจิตใจของคนยังเต็มไปด้วย โลภ โกรธ หลง ระบบใดๆ ก็ตามจะค่อยๆ เสื่อมไป เพราะระบบต่างๆ ไม่มีอะไรนอกจากผู้ที่อยู่ในระบบ และถ้าผู้ที่อยู่ในระบบขาดคุณธรรม ระบบนั้นจะบังคับให้คนมีคุณธรรมไม่ได้ ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือจิตใจมนุษย์ เราจึงต้องฝึกและพัฒนาจิต แต่ก่อนที่เราจะพัฒนาจิตใจของคนอื่นได้ #เราต้องพัฒนาจิตใจของเราเองก่อน..."

พระอาจารย์ชยสาโร
#พระธรรมพัชรญาณมุนี
จากหนังสือ รวมนิทานธรรมะ .'เรื่องท่านเล่า' โดย พระอาจารย์ชยสาโร







#เอาสิ่งที่เรามีอยู่นี่แหละมาพิจารณา

ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่อยู่ ยังเป็นเดือนมกราคมต้นปี ถือว่าเป็นต้นปีใหม่ของปี 2559 เน๊าะ 58 ผ่านมา ก็ถือว่าแก่ไปอีกปีหนึ่ง ถ้าคนไหนแก่ง่าย ก็ลงไปจนผอมเลยปีหนึ่งนี่นะ บางคนก็ถึงกับตาย เจ็บไข้ได้ป่วยตั้งแต่ต้นปียังไม่ถึงปลายปีตายแล้วก็มี

อืม.. นี่มันแก่

โรคมันแก่ไวกว่าคนเด้ โรคมันเกิดทีหลัง มันเกิดทีหลังพวกเรา แล้วมันก็แก่ไวกว่าเรา เกิดตัวโตไวกว่าเรา กินเก่งกว่าเรานะ มีอะไรอยู่ในตัวของเรากินให้หมดนะ นี่โรคภัยไข้เจ็บ เราก็เลยมาคิดว่าร่างกายสังขารอันนี้ยังเป็นของเราอยู่ มีแต่ของเรา อันนี้ก็ของเรา

อืม...เพราะว่าเป็นของเราก็ห้ามมันไว้ไม่ได้ !! ห้ามมันไม่ให้มันเป็นอย่างนั้น ห้ามมันไม่ให้เป็นอย่างนี้ ก็ห้ามมันไม่ได้

แต่ก็ยังว่าของเราอยู่ คนที่เขาไม่ว่าของเรา เขาก็ว่าของเขา พวกที่ว่าของเขา ก็คือพวกที่อยู่ในร่างกายของเรานี่ มีหลายอย่างอยู่ในนี้นะ ถ้าอยู่ข้างในก็เป็นโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่างนะ

ตามอาการ ๓๒ ของเรานั้นก็มีคู่แข่งตลอดทุกเวลา มีคู่แข่งอยู่ในทุกซอกทุกมุมในร่างกายของเรา เกศาคือ ผมทั้งหลายก็มีคู่แข่ง มีศัตรูที่จะมาทำลาย โลมา ขน ที่เกิดทั่วสภาพร่างกายของเรา ก็ยังมีคู่แข่งอยู่ มันก็มีคู่แข่งมาทำลาย เล็บ ก็มีคู่แข่งมาทำลาย ฟัน ก็มีคู่แข่ง หนัง ก็มีคู่แข่งที่เรามองเห็นอยู่ข้างนอก

มันรบกันอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นคนเราก็แย่งบ้านแย่งเมือง แย่งสมบัติกัน แย่งแผ่นดินกัน แย่งฐานะกันนะ คนที่ยากจนก็ไปแย่งเอาสมบัติของคนอื่นที่เขามีอยู่ เขาเรียกว่าไปแย่งไปปล้นเอา อันนี้เรื่องของข้างนอก ก็เหมือนกันกับเรื่องของข้างใน เราเอามาพิจารณาให้มันเข้าใจ ในเรื่องการปฏิบัติธรรมนะ เราไม่ได้ไปเอาที่อื่นที่ไกล มาพิจารณาเอาสิ่งที่เรามีอยู่นี้แหละมาพิจารณา

หลวงปู่ไม อินทสิริ







#นิพพานอยู่ที่ไหนก็ได้

ใจมันปล่อยมันวางได้มันสบาย อยู่ไหนก็สบาย อยู่ที่ไหนก็ได้มันไม่มีตัว

พุทธะ ณ พุทโธ พุทโธผู้รู้ผู้แช่มชื่น ผู้ตื่นผู้เบิกบาน ผู้ตื่น ตื่นที่ไม่เคยเห็นโลก เป็นอย่างนี้แต่ก่อน
เราจึงไปหลงมัน

ทำไมแช่มชื่น เพราะรู้เข้าใจในเรื่องแบบนี้อยู่ตามธรรมชาติ ทำไมเบิกบาน คือสบายมีความสุข จิตใจมีอิสระอยู่ปกติของเขา ไม่เดือดร้อน

ผู้บรรลุธรรม ท่านก็เป็นสมาธิทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องอบรมอะไร เพราะรู้อยู่ตลอด ละเลิกปล่อยวางได้หมด

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป








รู้แค่ไหนก็ช่าง แต่รู้แล้วมันไม่สงบ มันก็ไม่ถูก ปฏิบัติให้รู้ ให้รู้มากกว่าเดิมเรื่อยๆ มันรู้ไม่ถูก ก็ทำให้มันถูก

ถ้าเรามีศรัทธาแต่เพียงบูชาสักการะ ด้วยปัจจัย ด้วยวัตถุต่างๆ ก็ไม่ยังศาสนาให้มั่นคงถาวรได้

แต่ถ้าเรามาปฏิบัติ มาฝึกตัดจิตใจของเราให้มีอารมณ์เป็นหนึ่งอยู่ตลอด อันนี้ท่านบอกว่าเป็นการที่ทำศาสนาให้มั่นคง ทำศาสนาให้ถาวรยั่งยืน

เพราะว่ามันไม่เสื่อมเสียไปเหมือนวัตถุสิ่งของ มันเป็นสิ่งที่ดีที่ละเอียด เป็นนามศาสนา ส่วนละเอียดส่วนลึกก็จะฝังอยู่ในใจของเราทุกคน

หลสงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร