วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 05:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2022, 06:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“หยาบ ละเอียด”

ถาม : สงสัยว่าถ้าร่างกายตายไป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะดับตามร่างกายหรือไม่

พระอาจารย์ : เวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณ เป็นส่วนของจิต ไม่ได้เป็นส่วนของร่างกาย เวลาร่างกายดับไป ส่วนนี้ไม่ได้หายไปกับร่างกาย พอเกิดใหม่ได้ร่างกายใหม่ก็จะทำหน้าที่ต่อ ไม่มีร่างกายก็ยังทำหน้าที่ได้อยู่ เช่นวิญญาณรับรู้รูป เสียง กลิ่น รสที่ละเอียด ที่ไม่ได้มาจากทางร่างกาย ที่เรียกว่ารูปทิพย์ เสียงทิพย์ เช่นเวลานอนหลับไป ไม่ได้ใช้ร่างกาย แต่ใจก็ฝันถึงรูป เสียง กลิ่น รสต่างๆ มีความสุขความทุกข์กับรูป เสียง กลิ่น รส ที่เป็นส่วนละเอียดนี้ได้ เพราะไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย ร่างกายจะเกี่ยวกับรูป เสียง กลิ่น รสที่หยาบ ส่วนรูป เสียง กลิ่น รสที่ละเอียดจะผ่านมาทางจิต ไม่ผ่านทางร่างกาย.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ 46 กัณฑ์ที่ 400
14 มิถุนายน 2552





…พระพุทธศาสนาสอนให้หลุดพ้น
จากความทุกข์ทั้งปวง

. ไม่ได้สอนให้เป็นเศรษฐี
ไม่ได้สอนให้เป็นคนใหญ่คนโต
คนร่ำคนรวย

.ไม่ได้สอนให้เป็นคนเก่ง
ที่รับรางวัลชนิดต่างๆ
รับเหรียญทองชนิดต่างๆ

.ไม่ได้สอนให้เป็นคนมีความสุขจาก
การเสพรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ

.แต่สอนให้เป็นคนที่
“ ไม่มีความทุกข์ภายในใจ “.
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
6 กุมภาพันธ์ 2563





หลวงพ่อชาท่านชอบพูดอยู่เสมอในเรื่องการปฏิบัติว่าเหมือนกับปลูกต้นไม้ เราปลูกต้นไม้แล้วเราต้องทำหน้าที่ต่างๆ เช่น รดน้ำ พรวนดิน ป้องกันศัตรูพืช ศัตรูต่างๆ เป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบโดยตรง แต่ต้นไม้ต้นนั้นจะโตเร็วโตช้า ผลที่เกิดขึ้นจะใหญ่จะเล็ก จะหวานจะเปรี้ยวอย่างไร เป็นเรื่องของธรรมชาติ มันเหลือวิสัยของมนุษย์ผู้ปลูกต้นไม้ที่จะกำหนดสิ่งเหล่านี้ได้ ฉะนั้น เราต้องดูเรื่องราวต่างๆ ว่า ส่วนไหนเป็นส่วนของเรา ส่วนไหนเป็นเรื่องของธรรมชาติ เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้เราพร้อมที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ ไม่ตกเป็นเหยื่อของประสบการณ์

พระอาจารย์ชยสาโร





"อย่าพูดตามความคิด
อย่าทำอะไรตามความคิด
อย่าปล่อยให้ความคิดออกหน้า
ให้สตินำหน้า พูดกับผู้อื่นให้น้อย
เตือนตนเองให้มาก

ความหลงเป็นศัตรู ความรู้เป็นมิตร
ให้กลัวความหลง ให้กล้ากับความรู้สึกตัว
ฉลาดในการเอาชนะตน ยอมแพ้คนอื่น
ในทางสมมติ มีสติเฝ้าดูตัวเอง"

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ







#หลวงพ่อฤาษี #วัดท่าซุง
#พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์ :

ปรารถนาพุทธภูมินี่เหนื่อย ฉันเคยเป็นพุทธภูมิมาก่อน ฉันรู้ว่าพุทธภูมิสู้ทุกอย่าง งานทุกอย่าง ถ้าลาพุทธภูมิปั๊บอารมณ์ตัด ถ้าตัดก็ไม่ได้ทิ้งงานนะ แต่อารมณ์ต่างกันแต่เสริมขึ้น อารมณ์มุ่งเข้าตัดกิเลสตรง เพราะพุทธภูมิไม่ตัดกิเลส พุทธภูมิทรงฌานมากกว่า หนักไปในเรื่องฌาน พอใช้วิปัสสนาญาณมากเข้าอารมณ์มันเบาลง มันต่างกัน
พระโพธิสัตว์นี่ พระอรหันต์ไม่ยอมนั่งหน้านะถ้ารู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์จริง ๆ ถ้าอารมณ์เข้มปั๊บพระอรหันต์ไม่นั่งหน้า แม้พวกนั้นบวชหนึ่งวัน พระอรหันต์บวช ๑๐๐ วัน เขาไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์ เขารู้ค่า

คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องปฏิบัติเลยอรหันต์ พระสาวกปกติบำเพ็ญบารมี ๑ อสงไขยกับแสนกัปเท่านั้น พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขยสองอสงไขยมาแล้วต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี

พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครู จะต้องเข้มแข็ง ถ้าไปโดนศรัทธาธิกะ ต้องหวด ๘ อสงไขย ถ้าวิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขย

ฉันนี่วิริยาธิกะ ทำงานทุกอย่าง สบายไม่มี สาวกภูมิก็พุ่งจริตอย่างเดียว แต่สาวกภูมิสำหรับพวกฉันนี่ เป็นวิริยาธิกะหมด พวกตามเป็นวิริยาธิกะ เฉพาะลูก ๘๐,๐๐๐ กว่าแล้ว พวกไม่คิด เป็นกองทัพใหญ่เลย ถ้ายกมารวมกันนี่หลายแสน กองทัพนะ ลูกฉันน่ะมีบ้าทุกคน ตีฉิบหายหมด บ้าเหมือนพ่อมัน

เมื่อกี้นั่งคุยกับแม่ศรีอยู่พักหนึ่ง เขาทำภาพเก่าๆ คือว่า คนนี้เขาต้องดึงภาพเก่ามาให้เห็นนะเพื่อเป็นการสั่งสอนแนะนำคน โยมท่านพูด บอก

"เออ ...ลูกคุณ ลูกกับพ่อก็เหมือนกัน แม่พ่อก็แบบเดียวกัน ลูกก็แบบพ่อกับแม่"

เราก็ไม่รู้ว่าท่านพูดว่ายังไง แม่ศรีก็ทำตาม บอก

"ดูซิ ลูกผู้หญิง ลูกผู้ชายมันบ้าเหมือนพ่อ มันบ้าเหมือนแม่หมด"
พ่อแม่มันชอบรบใช่ไหม พ่อแม่คว้าดาบเข้าไป ลูกจะคว้าอีโต้ได้ไง ก็ไปตามเข้าป่าไป ก็รบกันแหลกมานาน พวกนี้จึงต้องใช้พวกวิริยาธิกะ นี่ต้องผ่านหนักทุกอย่างหมด ไม่มีอะไรเบา งานทุกอย่างเต็มไปด้วยความลำบาก
พวกเราที่นั่งๆ อยู่ที่นี่ทั้งหมด ท่านถึงพูดได้ว่าไปหมด เพราะกำลังเลย กำลังนี่เลยแล้ว แต่ว่าจุดใดจุดหนึ่งที่จะเข้าถึงมันยังขาดอยู่นิดเดียวเพราะอารมณ์ไม่ถึง ทุกอย่างมันเลยหมด มันเต็มหมด อย่างพวกเรานี่ขาดอันเดียว คือ ขาดอารมณ์ตัดสิน ทำไมจึงขาดอารมณ์ตัดสิน ขาดเพราะว่าอารมณ์เวลานั้นมันยังไม่ถึง เพราะที่ผ่านมานี่ การรบก็ดี การบริหารก็ดี มันมีกรรมบังอยู่หนุนอยู่ พอถึงจุดนั้นปั๊บตัด ๒ เดือนมันหลุดเลย ง่ายนิดเดียว ฉันรู้แล้วว่ามันง่าย

พระโพธิสัตว์จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่เต็มอัตรา เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต ปรารถนาพุทธภูมิ ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ มีคติแน่นอน ถ้าเป็นปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขยกับแสนกัป ศรัทธาธิกะ ๘ อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป สบายมาก อยากเป็นไหมเป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว รีบไปดีกว่า แต่อย่าไปขัดคอกันนะ ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

ผู้ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด

หมายความว่า ถ้าบารมียังต่ำขั้นฌานโลกีย์ ยังคุมไม่ถึงฌานขั้นต้น ฌานก็ไม่มั่นคง ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมี ก็ปลอดบ้างไม่ปลอดบ้าง ถ้าเป็นปรมัตถบารมีนี่ปลอดหมด กว่าจะเลื้อยแต่ละบารมีนี่ โอ้โฮ ฉันลองดูแล้ว

สำหรับท่านที่บำเพ็ญตนปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง มิฉะนั้นการก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เราต้องการซื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา เขาทำกำลังใจกันแบบนี้
หมายความว่า เราจะทุกข์แค่ไหนนั้นมันเป็นเรื่องของเรา ไม่มีความสำคัญ จิตใจของเรานั้น เราคิดว่าเราจะพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าเราช่วยเหลือความสุขแก่บรรดาประชาชนที่มีความทุกข์ ถ้าเราเปลื้องทุกข์เขาได้ เราก็เป็นคนหมดทุกข์ เราสร้างให้เขาเป็นคนมีความสุขได้เราก็เป็นคนมีความสุข จิตใจของพระโพธิสัตว์มีอารมณ์อย่างนี้ แต่ทว่าให้เป็นไปตามบารมี

บารมีของพระโพธิสัตว์นั้น แม้จะเป็นการเริ่มต้นแห่งการปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาปรานี ก็จะมีบริษัทมาก จะมีบริวารมาก เป็นการฝึกกำลังใจของนักปฏิบัติเพื่อจะได้ซ้อมกำลังใจของเราว่ามีความหนักแน่นเพียงใด

#นักปรารถนาพุทธภูมิจะต้อง #มีทั้งขันติและโสรัจจะ :

ขันติ อดทนต่อความยากลำบากทุกประการ เพื่อความสุขของปวงชน โสรัจจะ แม้จะกระทบกระทั่งทำให้ใจตนไม่สบายเพียงใดก็ตาม ก็ทำหน้าแช่มชื้นไว้เสมอ
นี่ก้าวแรกสำหรับพุทธภูมิ และกำลังใจอีกส่วนหนึ่งที่จะเว้นไม่ได้นั่นคือ พระนิพพาน จงอย่าคิดว่าถ้าจิตเราเกาะพระนิพพานแล้วความเป็นพุทธภูมิจะหายไป ถ้ามีอารมณ์อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นผู้มีกำลังใจต่ำ ก้าวไม่ถึงก้าวสำคัญของพุทธภูมิ

พุทธภูมิจะต้องมีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ที่ต้องการพระนิพพาน อารมณ์ใดที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงแนะนำในด้านวิปัสสนาญาณ ต้องเกาะให้ติด และมีกำลังจิตใช้ปัญญาพิจารณาไว้เสมอ

เพื่อความสุขของจิต เพื่อปัญญาเลิศแล้ว ก็มีจิตตั้งไว้เสมอว่า ถ้าหากจิตของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อไหร่ เมื่อนั้นบารมีของเรานั้นไซร้ จะเข้าเต็มเปี่ยมในขั้นพุทธวิสัย ชื่อว่า การที่เราจะเข้าพระนิพพานคนเดียว เราไม่เข้าใจ มองไว้เข้าใจว่า บุคคลใดที่มีความทุกข์ในโลกที่ยังมีความฉลาดไม่พอ บุคคลนั้นเราเองจะเป็นผู้อุ้มเขาไปสู่แดนเอกันตบรมสุขคือพระนิพพาน

อันนี้ เป็นกำลังใจของท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณ
พุทธภูมิมีจุดดึงมาก เพราะเกี่ยวกับครู มีหน้าที่ในการเป็นครู การที่จะเป็นครูเขานี่ จะต้องลำบาก ทุกอย่างจะต้องผ่านหมด พวกพุทธภูมินี่ถ้าไม่จบกรรมฐาน ๔๐ กอง ยังไม่ไปหรอก ต้องล่อกันมาเป็นแสนชาติเลย ไม่ใช่ชาติเดียวนะ ไม่ใช่ชาติสุดท้ายก็ได้ ๔๐ ไม่ใช่ ต้องว่ากันมาเป็นแสนชาติ สังเกตดูพระพุทธเจ้า ท่านได้อภิญญามาตลอด ท่านเหาะตลอด

เมื่อสัก ๒ - ๓ เดือนที่ผ่านมา ฉันป่วยหนัก งานของฉันก็หนักขึ้นมา จะเร่งให้มันเสร็จ ค่าใช้จ่ายสูงมาก วันนั้นก็วิตกว่า ถ้าอาการอย่างนี้ก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แต่ว่างานจะคั่งค้างหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับเรา เราอยู่เราทำ ตายก็ตายไป หมดเรื่องหมดราว ก็ปรากฏว่าวันนั้นพระท่านมา ท่านเรียกประชุมพระโพธิสัตว์ทั้งหมด แล้วท่านก็บอกว่า พระโพธิสัตว์ทุกองค์ก็ขอให้ช่วย ก็เป็นอันว่าพระศรีอาริย์ท่านร่วมด้วย
พระโพธิสัตว์มีเยอะนะ พระโพธิสัตว์จริง ๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่ยังติดแอ้เต็มอัตราอยู่เยอะแยะ เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิด นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต วันที่ท่านเรียกประชุม พระโพธิสัตว์ไม่น้อยเลยนะ ขนาดเต็มที่แล้วนี่สวยจริง ๆ แพรวพราวเป็นระยับ ทั้งเต็มและไม่เต็มท่านเรียกมาหมด ท่านบอก "ให้ช่วยกันนะ งานของฉันเอง"

ทุกองค์ก็เลยรับ (ถ้าลูกหลานระลึกถึงและขอให้ท่านสงเคราะห์) ก็ทำได้เลย

#ยกมาจาก"#พ่อสอนลูก"
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ








#หลวงปู่ชา #สุภัทโท
#ศีลสมาธิปัญญาคือมรรคปฏิปทา

การ เรียน “อภิธรรม” นั่นก็ดีอยู่ แต่จะต้อง “ไม่ติดตำรา” มุ่งเพื่อรู้ความจริง “หาทางพ้นทุกข์” จึงจะถูกทาง

เช่นในปัจจุบัน มีการสอนการเรียน วิปัสสนาแบบต่างๆ หลายๆ อาจารย์

อาตมาว่า “วิปัสสนา” นี่มันทำไม่ได้ง่ายๆ “จะไปทำเอาเลยไม่ได้” ถ้าไม่ดำเนินไปจาก “ศีล” ลองดูก็ได้

เรื่องศีลเรื่องสิกขาบทบัญญัตินี่ ถ้ากายวาจาไม่เรียบร้อยแล้ว ไปไม่รอดเพราะ “เป็นการข้ามมรรค”

บางคนพูดว่า สมถะไม่ต้องไปทำ ข้ามไปวิปัสสนาเลย คนมักง่ายหรอกที่พูดเช่นนั้น เขาว่าศีลไม่ต้องเกี่ยว ก็การรักษาศีลนี้มันยากมิใช่เล่น ถ้าจะข้ามไปเลยมันก็สบายเท่านั้น อะไรที่ยากแล้วข้ามไปใครๆ ก็อยากข้าม

หลวงปู่ชา สุภัทโท







#หลวงปู่ท่อน #ญาณธโร
#อย่าปรุงไปตามกิเลส

เพียรแผดเผากิเลสในใจของเรานี่แหละ มันปรุงไปแต่งไป มีความรักมีความชัง ความยินร้ายความยินดี ดีใจเสียใจ ร้องไห้หัวเราะ เหล่านี้มันเป็นกิเลส

ไม่นึกไปตามมัน แผดเผามันไปเลย เอาอยู่กับพุทโธนี่แหละ หายใจเข้าเป็นพุท หายใจออกเป็นโธ เรื่องอื่นอย่ามาปรุงเรา

เราไม่ไป ถ้าไปก็เรียกว่าตามใจมัน ใส่ฟืนใส่เชื้อเพลิงให้มัน ไอ้พวกกิเลสก็ได้กำลัง

ถ้าไม่ไปตามมัน มันก็น้อยลง น้อยลงจนไม่มีเลย ไม่มีนึกคิดไปทางนอกเลย เรียกว่าเอาชนะมันได้อย่างนี้

หลวงปู่ท่อน.ญาณธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร