วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2022, 10:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 07:10
โพสต์: 456

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
สิกขา แปลว่า ศึกษา
ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
สิกขาคือปัญญาเข้าถึงอริยสัจจ์4อริยมรรค8
ซึ่งเป็นการศึกษาคำต่างๆที่มีบันทึกไว้เรียกบัญญัติคำ
บัญญัติคำไม่ใช่วิชาการแบบชาวโลกคิดว่าเรียนเพื่อทำ
เพราะทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เป็นสัททะบัญญัติ
คือเปล่งพระสุรเสียงถึงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีขณะฟัง
ถ้าตอนที่กำลังฟังไม่เข้าใจต่อให้จะไปทำอะไรก็ไม่เข้าใจ
เพราะพระพุทธพจน์ทุกคำมีทั้งอรรถ ธรรม พยัญชนะ
แปลว่าทุกคำมีสภาวะนั้นจริงที่กำลังเป็นขณะฟังไม่ได้ทำ
ถ้าขณะฟังไม่เข้าใจคำไหนก็แปลว่ามีกิเลสตัณหาอวิชชาทันที
เพราะความจริงที่ทรงแสดงตรงสัจจะไม่มีกาลเวลาและสถานที่
แต่มีลักษณะสภาพจิตใจแต่ละ1สัจจะที่กายใจทุกตัวตนสัตวโลก
กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังฟังทันทีคือคำสอนดับกิเลส(ไม่รู้)ทันที
เรียกว่าอนุสาสนีปาฏหาริย์แปลว่ากำลังฟังเข้าใจถูกตามได้
ขณะนั้นเองการปรุงแต่งความเข้าใจทั้งอรรถธรรมพยัญชนะ
ขณะที่เข้าใจถูกนั่นเองที่สังขารขัน์ปรุงแต่งสัมมาทิฏฐิตรงตามได้อยู่
พอหยุดฟังก็ทำอะไรไปตามอัตตาพาคิดไปตามความคิดเห็นตัวตน
ธรรมของพระพุทธเจ้าแสดงสัจจะที่ไร้ตัวตนมีจิตเป็นประธานและ
มีตัวจริงธรรมหลากหลายเกิดร่วมกันเป็นสหชาตปัจจัย(มีตรงเหตุปัจจัยไม่ได้ทำ)
แสดงว่าธรรมไม่ได้เกิดเองเดี่ยวๆแต่มีตัวจริงธรรมเกิดร่วมกันมากกว่า1ลักษณะ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงทั้งหมดเพื่อให้ระลึกตรงตามได้
จนเกิดสติปัญญารอบรู้ชัดเจนในคำของพระองค์ว่าอะไรคืออะไร
ไม่ว่าใครจะทำอะไรที่ไหนพระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงห้ามการกระทำนั้น
แต่การเสด็จไปโปรดคือการเสด็จไปหาเพื่อแสดงเทศนาธรรม
ให้ผู้ที่มีปัญญาเคยสะสมการฟังมาแล้วในอดีตและทรงหยั่งรู้
การสะสมของสาวก(ผู้ฟัง)ที่สามารถถึงการบรรลุธรรมจึงทรงโปรด
ไม่ทรงเสด็จไปโปรดผู้ที่ไม่ได้สะสมปัญญามาแต่อย่างใดเพราะ
ปัญญาเกิดได้ตามลำดับการเริ่มต้นผลิตปัญญาจึงไม่ข้ามสุตมยปัญญา
ขอให้เทียบความจริงของการคิดด้วยว่าไม่ว่าใครก็ตามที่คิดตรงทีละคำ
จะต้องคิดเรียงลำดับตามพยัญชนะจากพยางค์แรกไปตามลำดับถึงพยางค์สุดท้าย
เรียกว่าการปรุงแต่ความคิดเห็นตามความคิดของอัตตาของผู้นั้นเอง
ถ้าผู้นั้นไม่เคยทำสุตมยปัญญาตรงตามอรรถ ธรรม พยัญชนะมาก่อน
แสดงว่าผู้นั้นไม่เข้าใจพระพุทธพจน์แต่เป็นการคิดตามตาเนื้อเห็นผิดไปเอง
เป็นความคิดเห็นที่ปรุงแต่งตามอัตตาพาคิดเห็นผิดไปเกินสัจจะตามปกติ
เพราะการสิกขาตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าคือการคิดตามเสียงตรงคำ
เพื่อเข้าใจอรรถ ธรรม พยัญชนะ ตรงปรมัตถ์ ซึ่งพยัญชนะมีทีหลัง
แต่ธรรมที่มีจริงคือมีสัทธรรมมีเสียงกำกับคำที่ทำให้เข้าใจความหมาย
ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงตามที่กำลังได้ยินทันที
ฟังเพื่อเข้าใจตามธรรมที่กำลังมีที่กายใจในขณะนี้เอง
ไม่ฟังไม่มีทางคิดเองได้เพราะคิดต่อกันหลายๆคำเป็นความคิดเห็นเรา
แต่ความคิดเห็นถูกตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดได้ตามลำดับ
จากการฟังของผู้ฟังที่เป็นพหูสูตคือฟังเข้าใจบ่อยๆ
อรรถคือเนื้อหาที่พรรณนาสภาพธรรม
ธรรมคือสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีขณะนี้
ชื่อธรรม คือ ลักษณะคำอธิบายตัวจริงธรรมที่ปรากฏ
พยัญชนะ คือ คำอธิบายตัวจริงธรรมตรงตามสัจจะ
คำที่เป็นสัทธรรม(เสียงคำแสดงสัจจะที่กำลังมีจริง)
ที่ผู้ฟังเข้าใจตามจนเข้าใจลักษณะที่กำลังปรากฏ
ตามปกติตามเป็นจริงตรงคำตรงลักษณะที่กำลังมี
เป็นปัญญารอบรู้ตรงสัจจะตามลำดับปัญญาของผู้ฟังเอง
ในขณะนี้ที่กำลังฟังทันทีเพื่อระลึกตามความเป็นจริงของธรรม
https://youtu.be/F0g-V4b1Cq8
:b12:
:b20: :b20:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร