วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 19:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2022, 06:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


…พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนพุทธศาสนิกชน
ให้หมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆ ว่า
“เราเกิดมาแล้ว ย่อมมีการพลัดพราก
จากกันเป็นธรรมดา “
ล่วงพ้นการพลัดพรากจากกันไปไม่ได้

.นี่คือความจริงของชีวิตของทุกๆชีวิต
ไม่ว่าจะสูงจะต่ำ จะรวยจะจน
จะฉลาดหรือโง่ จะต้องมีการพลัดพราก
จากกันเป็นธรรมดา

.ถ้าไม่พิจารณาอยู่เนื่องๆ
ใจจะหลงจะลืม ..จะคิดว่า
จะอยู่ร่วมกันไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด
พอถึงเวลา ที่จะต้องพลัดพรากจากกัน
“ ก็จะเกิดความทุกข์ใจ ..
เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา “

.แต่ถ้าหมั่นพิจารณาอยู่เรื่อยๆ
จะไม่หลง จะไม่ลืม
จะเตรียมตัวเตรียมใจ
จะไม่ยึด ไม่ติดกับสิ่งต่างๆ กับบุคคลต่างๆ

.เพราะรู้ว่า..ไม่ช้าก็เร็ว
จะต้องจากกัน อย่างแน่นอน

.” นี่ คือธรรมที่สำคัญ เพราะจะปกป้องจิตใจ
ไม่ให้ทุกข์ กับการพลัดพรากจากกัน
จากการสูญเสียสิ่งต่างๆไป “.
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
ธรรมะบนเขา ณ เขาชีโอน
๑๘ เมษายน ๒๕๕๘






หลายๆ คนรังเกียจความแก่ เพราะหนังก็เหี่ยว หน้าก็ย่น ผมก็ขาว ฟันก็ร่วง เดินกระย่องกระแย่ง เป็นต้น แต่เราคงเคยได้ยินวลีว่า ‘แก่ลายคราม’ ซึ่งเปรียบเปรยความแก่เหมือนเครื่องลายครามที่มีค่า ค่าจะอยู่ตรงไหน อย่างไร

เมื่อเราอายุมากแล้ว ประสบการณ์ย่อมมากตามอายุ สำหรับผู้มีปัญญา การมีประสบการณ์มากคือกำไร เพราะประสบการณ์คือบทเรียนชีวิต คนแก่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งขาขึ้นขาลง เห็นความเจริญความเสื่อมในหลายรูปแบบ หลายครั้งหลายหน ฉะนั้นเมื่อเกิดความเจริญหรือความเสื่อมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คนแก่ก็ไม่ตื่นเต้นหรือตกใจกลัวอย่างคนหนุ่มคนสาว เพราะเคยผ่านอาการอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว ‘เออ...นี่ต้องระวังนะ’ ‘มันก็คงไม่แน่นอนหรอก’ ‘เจริญแล้วมักจะเสื่อม’ รู้ว่ามีเกิดมีดับ สามารถวางใจเป็นกลาง เป็นอุเบกขา

คนรุ่นใหม่อาจจะดูถูกคนแก่ที่ปล่อยวางว่าเหมือนเป็นคนไม่มีชีวิตชีวา ไม่มีความรู้สึกอะไร ไม่ยินดียินร้าย แต่การไม่ยินดียินร้ายนั้น ไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่เพราะประสบการณ์มาก ได้เห็นการเกิดดับ ความเปลี่ยนแปลง ความเจริญ ความเสื่อม เห็นความเสื่อมที่แฝงอยู่ในความเจริญ เห็นความเจริญที่แฝงอยู่ในความเสื่อม เห็นด้วยจิตของนักศึกษาผู้ใคร่ศึกษาเรื่องชีวิต ใคร่ศึกษาในความเป็นมนุษย์ของตน ทำให้เกิดปัญญา

อย่างไรก็ตาม ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้นเองและไม่ได้เป็นผลของอายุเท่านั้น ไม่ใช่ว่าผ่านประสบการณ์มากมายในชีวิตแล้วปัญญาจะเกิดเอง บางคนไม่ว่าจะอายุ ๓๐ ๔๐ ๕๐ หรือ ๖๐ ก็ยังเหมือนเดิม ยังคงหวังแต่ลาภยศ สรรเสริญสุข หวังความเจริญ และเศร้ากับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์อยู่อย่างนั้นร่ำไป นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยคิดจะเรียนรู้จากประสบการณ์

แล้วเราล่ะ จะเลือกเป็นอย่างไร ระหว่าง ‘แก่ลายคราม’ กับ ‘แก่กะโหลกกะลา’

พระอาจารย์ชยสาโร





ถ้ายังหลงในกามคุณอยู่ คนดีๆ ก็ชั่วได้ เห็นเมตตาอยู่ เดี๋ยวก็โกรธได้

หลวงพ่อจิตโต บ้านสบายใจ





"...ตัดกระแสจิตให้แคบเข้ามาในวงกาย เวลาทำสมาธิต้องอยู่กับปัจจุบัน ตัดเรื่องภายนอกออกชั่วคราว ถือว่ามีเราอยู่คนเดียวในโลก จ่อสติอยู่ภายใน ไม่สนใจอะไรนอกจากสติกับจิต ใครบริกรรม พุทโธ ก็อยู่กับพุทโธเท่านั้น กิเลสดึงไปไหน มีสติรู้แล้วดึงกลับมาทันที ให้ฝืนรู้ บังคับรู้ อย่าไปตามรู้ จิตมันพร้อมจะหลงอยู่แล้ว ตามไปตามมา เดี๋ยวก็หลงมายาของจิตเหมือนเดิม ต้องฝืน ต้องบังคับ ให้สงบระงับอยู่ภายใน อย่าตามรู้ไป เดี๋ยวเป็นอรหันต์นกหวีด เป่าปี้ดๆก็บอกบรรลุธรรม

...พอถึงขั้นเดินปัญญา ต้องพิจารณาทั้งเหตุผลต้นปลาย อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต มันจึงจะเห็นไตรลักษณ์ จิตสงบรวมลงเกิดปัญญา จิตเขาจะวางของเขาเอง

...พิจารณาเรื่องความตาย ,อสุภะ ,กายคตาสติ ดีที่สุด เป็นเครื่องทำลายความหลง ความคะนองด้วยกามราคะ ดูตั้งแต่ตอนเราเป็นเด็ก โตขึ้น จนตอนนี้ ถึงอนาคตแก่ เหี่ยวย่น จนตาย ไม่ใช่ว่าตายแล้วจบ ตายแล้วสภาพศพใหม่ ศพเก่า จนสลายเหลือแต่กระดูก ดูกระดูก เพ่งกระดูกต่อ จนสลายกลายเป็นดินธรรมดาๆ เพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ ในธรรมดาธาตุอีก จนเข้าถึงความจริงประจักษ์ใจ

...มัวแต่สงสัย แต่ไม่ลงมือปฏิบัติ แม้จะอ่านมาก ฟังมาก มันก็ความรู้ครูบาอาจารย์ เป็นปัญญาผู้อื่น ยังไม่ใช่ญาณทัศนะของเรา

ปัญญาแท้เกิดกับใคร ผู้นั้นจะวางทุกข์ได้ สัญญาที่ไปขโมยปัญญาผู้อื่นมา นอกจากวางทุกข์ไม่ได้แล้ว ถ้านำไปใช้โต้วาทีกัน กลับยิ่งเพิ่มภาระ เพิ่มทุกข์ทับถมตนให้หนักขึ้น ดังนั้นควรรีบภาวนาให้เกิดปัญญาแท้ไวๆ

ธรรมะไม่ใช่เครื่องมือไปเถียงไปทะเลาะ
ใครเก่งกว่า ใครเหนือกว่า ใครแน่กว่า

ธรรมะแท้ท่านเป็นน้ำดับไฟ

จิตรู้เท่าทันเมื่อไหร่
เมื่อนั้นจิตเขาจะวางของเขาเอง

เราทำเหตุให้ต่อเนื่องก็แล้วกัน..."

โอวาทขณะภาวนา
#พระอาจารย์คม #อภิวโร
วัดป่าธรรมคึรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา






"อดทนสิ อดทน
คนอดทนทุกคน ล้วนได้ดี
อดทนถึงที่ ได้ดีทุกคน
อดทนไม่ถึงที่ ไม่ได้ดีสักคน"

หลวงปู่หา สุภโร






"ทำดี เพื่อความดี ไม่พึงทำดี
เพื่อเอาความดี มาเสริมตัวตน
แต่พึงสละตน เพื่อเสริมความดี
คนทำดีอย่างแท้จริง เสียสละได้แม้กระทั่ง
การที่จะให้คนอื่นรู้ว่า ตนได้ทำความดี"

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์





"บารมีต้องสร้างเอา
เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก
ก็ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชม
ต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุง
ต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน
ต้องสร้าง ต้องทำเอาเอง"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 70 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร