วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 13:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2022, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"อย่าให้กิเลส แซงธรรม กรรมมันยุติธรรม ทำกรรมอิหยังไว้ กะคืนสู่ผุนั่นทั้งดีหรือชั่วเนาะ ไผทำดีอย่าพึ่งสิ้นหวังเด้อ ไผทำชั่วอย่าได้ใจ กรรมมีจริง"
...ธัมมานุสสติ...

หลวงปู่จื่อ พนฺธมุตฺโต




การที่เราจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดนั้น
ควรเริ่มต้นที่นี่และเดี๋ยวนี้

เพราะปัจจุบันขณะเป็น จุดสุดท้ายของกรรมเก่า
และขณะเดียวกันก็เป็น จุดเริ่มต้นของกรรมใหม่

หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก




“ นั่งสมาธิ ”

ถาม : เวลานั่งสมาธิ
ไม่ควรจะให้จิตลงลึกใช่ไหมคะ

พระอาจารย์ : เวลานั่งสมาธิ
ต้องการให้ลงลึกที่สุด
ให้สงบเต็มที่ ให้ถึงฐาน
ถึงจะเป็นสมาธิที่มีประโยชน์ต่อปัญญา

.อย่าเป็นสมาธิที่ไปรับรู้นิมิตต่างๆ
อย่างนี้ไม่ดี ..เวลาออกจากสมาธิ
จิตจะไม่มีกำลังพิจารณาทางปัญญา
เพราะกิเลสไม่ได้ถูกตัดกำลัง
พอออกมา กิเลสจะออกมาเพ่นพ่านทันที

.ต่างกับสมาธิที่สงบนิ่งเย็น
เวลาออกมาใหม่ๆ กิเลสยังไม่มีกำลัง
จะเป็นเวลาที่ดีสำหรับการเจริญปัญญา
เพราะไม่มีกิเลสมาคอยขัดขวาง
มาลากจิตให้ไปทางกิเลส

.ความจริง เราสั่งไม่ได้
ว่าจะลงลึกหรือไม่ลึก ..อยู่ที่กำลังของสติ
ถ้าสติมีกำลังมากก็จะลงลึก
ถ้ามีน้อย ก็จะลงไม่ลึก ไปกำหนดไม่ได้

.เป้าหมายของการนั่งสมาธิก็คือ
“ อุเบกขา สักแต่ว่ารู้ “
ความคิดปรุงแต่งสงบไปชั่วคราว
ไม่คิดอะไร ..ถึงแม้จะรับรู้รูปเสียงกลิ่นรส
จิตจะไม่สนใจ บางครั้งร่างกายหายไป
เหลือแต่ตัวรู้
อย่างนี้ ..เป็นสมาธิที่ดี
“ เป็นสัมมาสมาธิ “

.แต่พอออกจากสมาธิแล้ว
ก็ควรเจริญปัญญาเลย

“ ..พิจารณาไตรลักษณ์ในสิ่งที่เรามีความผูกพัน.. “

เพื่อจะได้ตัดความผูกพัน..
จะได้ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป.
……………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๕๔ กัณฑ์ที่ ๔๒๗
๗ สิงหาคม ๒๕๕๔








"... เรามักจะได้ยินบ่อยว่าผู้ปฏิบัติธรรมไม่ทันคน ที่แท้มันมักจะตรงกันข้าม คือรู้ทันกว่าคน
ที่ไม่ปฏิบัติ รู้กล รู้วิธีอย่างดี ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะการฝึกจิตทำให้เราคุ้นเคยกับเล่ห์เหลี่ยมของกิเลสเห็นในใจตัวเอง แล้วการสังเกตลักษณะอาการของกิเลสในขณะที่ปรากฏในการกระทำของคนอื่นก็ง่าย อากัปกิริยา คำพูด น้ำเสียง ปฏิกิริยาต่างๆ ล้วนแต่เป็นสิ่งบ่งบอกความจริงของคน

... คนเข้าวัดอาจดูเหมือนไม่ทันคน เพราะบางทีเขาขี้เกียจพูดในสิ่งที่เขาเห็น อย่างไรก็ตามคงเหมือนจะต้องยอมรับว่า นักปฏิบัติอาจจะเสียเปรียบในบางเรื่อง เพราะไม่กล้าทำบาป เสียเปรียบพวกเล่นสกปรก หรือเล่นนอกกติกา จะเอาด้วยก็เสียดายความดีของตน

... อีกประการหนึ่งคือ นักปฏิบัติสามารถควบคุมตัณหา ไม่ให้ครอบงำจิต ชวนคิดผิดและพลั้งพลาด ลองสังเกตดูสิ คนที่ถูกหลอกบ่อยๆ คือคนที่หมั่นฝึกสติจริงหรือเปล่า คนที่โลภอยากได้มากโดยลงทุนน้อยต่างหาก อย่างนี้ต้มง่ายที่สุด และคนที่ทำลายผลประโยชน์ของตัวเองบ่อยที่สุดคือคนขี้โมโห ไม่ใช่คนสงบ... "

#พระอาจารย์ชยสาโร_ภิกขุ






กิเลสที่เรียกว่า ‘มานะ’ มีรากฐานจากความคิดสองประการ ประการแรกคือการประเมินค่า อีกประการหนึ่งเป็นการชูป้ายประกาศ เราชอบประเมินคุณค่าตนเองเทียบกับผู้อื่นและชอบชูตัวตนดั่งป้ายประกาศ ราวกับจะบอกใครๆ ว่า “ดูฉันสิ นี่ไงตัวฉัน”

‘มานะ’ นั้นมีด้วยกันสามแบบ คือ “ฉันเหนือกว่าเธอ” “ฉันด้อยกว่าเธอ” และ “ฉันเท่าเทียมกับเธอ”

ในแวดวงศาสนา ความคิดแบบ “ฉันด้อยกว่าเธอ” มักเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นความถ่อมเนื้อถ่อมตัว ส่วนในสังคมประชาธิปไตย ความคิดแบบ “ฉันเท่าเทียมกับเธอ” แทบจะไม่มีใครเห็นว่าเป็นมานะเอาเสียเลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความคิดยึดมั่นในตัวตน ไม่ว่าจะเหนือกว่า ด้อยกว่าหรือเสมอกันกับผู้อื่น เมื่อนั้นเราก็ติดอยู่ในกับดักของมานะทั้งสิ้น

พระอาจารย์ชยสาโร





“เวลาเรามองคนอื่น
มองด้วยความรู้สึกเข้าใจเขา
เห็นใจเขา สงสารเขา
แล้วก็ตั้งใจไว้เลยว่า
เราจะไม่ไปเพิ่มความทุกข์ให้เขา
ถ้าวางใจอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ใจจะมีเมตตา”

พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช








#อุปสมานุสสติกรรมฐาน

ผู้ถาม : ถ้าจิตเรานี่จับพระนิพพานเป็นอารมณ์ เวลาตายเราจะมีสติไหมคะ?

หลวงพ่อ : อ้าว! ถ้าเราจับเป็นอารมณ์เวลานั้นมีสติ เพราะเวลานั้นอารมณ์มันสูงจัด ถ้าเวลาเริ่มป่วยเอาจิตจับไว้เลยนะ ทีนี้ช่วงกลางระหว่างที่ป่วย มันจะดิ้นตูมตามอย่างไรก็ตาม จิตมันจะไม่ปล่อย

ถ้าจิตนึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ เรียกว่า "อุปสมานุสสติกรรมฐาน"

ถ้าทำเป็นฌาน เป็น เอกัคคตารมณ์ มีอารมณ์อันเดียว และเวลาที่ตายน่ะ ตัวมันตาย แต่ใจเราไม่ตาย ใจมันก็หาที่ไป

ฉะนั้น เมื่อมีชีวิตอยู่ ใจเรานึกถึงพระนิพพาน มันก็ไปที่นั่นแหละ! ไม่ชอบไปที่อื่น ชอบไปนิพพานแห่งเดียว

สรุปแล้วจงตั้งอารมณ์ไว้อย่างนี้เสมอ คือ

๑. -

เราจะเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์เป็นปกติ ไม่สงสัยในคำสอน

๒. -

ชีวิตนี้มีความตายเป็นที่สุด ก่อนตายขอทำความดีเพื่อความสุขในชาตินี้ และมีพระนิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้า

๓. -

รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ตลอดเวลา พยายามระวังในศีล ๕ ใหม่ๆ อาจจะพลาดบ้าง ถ้าละเมิดไปโดยที่ไม่ตั้งใจ ศีลไม่ขาด

เมื่อใจทรงศีล ๕ เป็นปกติ และอารมณ์อื่นก็ทรงตามที่กล่าวมา ท่านเรียกว่า "พระโสดาบัน" มีพระนิพพานเป็นที่ไปแน่นอน ถ้าทำได้ตามที่บอกนะ

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ธรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์
ธัมมวิโมกข์
ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๔๗๖ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓
หน้า.....๘๒ หลวงพ่อตอบปัญหา






เมื่อใดก็ตามที่เราโดนนินทา
หรือเมื่อใดก็ตามที่มีใคร
มาทำให้เราโกรธเกลียด
และไม่สบายใจ

ให้สอนตัวเองว่า..
เราและเขาเกิดมา
พร้อมกับความไม่รู้
ปัญญาเขามีแค่นั้น
แล้วเราจะเอาอย่างเขาเหรอ
ให้อภัยเขาซะ

ถ้าเอาแค่นั้น
เราก็โง่กว่าเขาละซิ

#หลวงปู่ไม #อินทสิริ







#ถ้าอะไรมันกระเทือนขึ้นในใจ
#ให้ดูหัวใจเจ้าของทันที

เพราะเรามาแก้ใจ มาระงับดับกิเลสที่ใจ กิเลสแสดงออกมา หือ ออกมาแล้วหรือให้ว่างั้นซิ

สมมุติไม่พอใจคนนั้น ความไม่พอใจนี้คือเรื่องของเราเองเป็นผู้ก่อขึ้นมา นี่จับตัวนี้ก่อน ฟาดตัวนี้ให้มันพังลงไปซิ นั่นจึงเรียกว่าผู้มาแก้กิเลส

ต้องดูตัวนี้ซิ ไปดูอะไรข้างนอก

ต้นเสานี่ก็ไปโกรธมันได้ถ้าใจเลวเสียอย่างเดียว ต้นเสาก็ไปโกรธให้เขาได้ ภูเขาทั้งลูก ดินฟ้าอากาศ โกรธให้เขาไม่พอใจให้เขาได้ ถ้าใจเลวเสียอย่างเดียวว่างั้นเลย

ถ้าใจเป็นนักปฏิบัติมีสติสตังกำจัดกิเลสที่แสดงฤทธิ์เดชแห่งความเลวทรามขึ้นมาในใจขนาดไหน จับปุ๊บ ๆ นั่นจึงเรียกว่าผู้มาแก้ตัวเองซิ

อย่าไปถือภายนอกนะ ให้ดูตัวนี้ตัวมันกระเพื่อมนี่ นี่ละการปฏิบัติธรรมต้องเป็นอย่างนั้นนะ ต้องดูจุดต้นเหตุมหาเหตุ มหาเหตุอยู่นี่

อย่างพระอัสสชิเทศน์ให้พระสารีบุตรนั่นละ ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ คือใจ มันจะดับ-ดับที่ตรงนี้ก่อน พระสารีบุตรบรรลุธรรมพระโสดาขึ้นทันทีเลยเห็นไหมล่ะ ท่านจ้อเอาตรงนั้นเลยไม่เอาที่อื่น

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหต ตถาคโต เตสญฺจ นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ

เป็นบาลีว่าอย่างนั้น ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ เมื่อเหตุนี้ดับมันก็ดับ พระมหาสมณะแสดงอย่างนี้ แปลออกแล้ว

#หลวงตาพระมหาบัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 65 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร