วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 15:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2021, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


" ศีลบ่ได่อยู่ที่พระ ธรรมะบ่ได้อยู่ที่วัด ศีลอยู่คนเรารักษาเอง ธรรมะอยู่ที่คนเราปฏิบัติเอง​ ทำเอง สร้างเอง เห็นเอง รู้เอง พ้นเอง เด้อลูกหลาน "

หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต​ วัดเขาตาเงาะอุดมพร​ จ.ชัยภูมิ



" ศีลบ่ได่อยู่ที่พระ ธรรมะบ่ได้อยู่ที่วัด ศีลอยู่คนเรารักษาเอง ธรรมะอยู่ที่คนเราปฏิบัติเอง​ ทำเอง สร้างเอง เห็นเอง รู้เอง พ้นเอง เด้อลูกหลาน "

หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต​ วัดเขาตาเงาะอุดมพร​ จ.ชัยภูมิ




…อย่ามัวแต่ใช้เวลาหาเงินหาทองอย่างเดียว
โดยไม่คำนึงถึง
สัพเพ สังขารา อนิจจา เสียบ้างเลย

.วันนี้ได้มาเป็นร้อยล้านพันล้าน
แต่พรุ่งนี้อาจจะหัวใจวายตายไปก็ได้
เงินทองที่มีอยู่ก็เลย
ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ เป็นบุญ เป็นกุศล

ปล่อยให้คนอื่นเอาไปใช้สบาย
เพราะไม่มี กุสลา ธัมมา
ไม่เคยได้ฟังเทศน์ ฟังธรรม
ไม่เคยคิด ไม่เคยสนใจธรรมะนั่นเอง.
……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๒, กัณฑ์ที่ ๒๓
วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๓








เป็นบาปก็ว่าเป็นบาป (การดื่มเหล้า)

"ในข้อห้า สุรา เป็นของมึนเมา พอพูดถึงในแง่นี้ก็เคยมีคนมาถาม ตอนไปฉันที่กระทรวงศึกษาธิการ เขามาถาม ผู้ถามก็เป็นนักสุราคอสุราทีเดียว ว่าการดื่มสุรานี้ ท่านบอกว่าเป็นโทษ เราจะดื่มไม่ให้เกิดความมึนเมา ดื่มพอดิบพอดี พอเข้าสังคมได้ อันนี้จะเป็นบาปไหม ว่างั้น เพราะเราไม่ดื่มให้มึนเมา จำเป็นก็ต้องได้ตอบ ขนาดไหนที่ว่าเห็นว่าพอดี ที่เข้าสังคมได้พอดี ไม่ถึงกับมึนเมา

หากว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับกันแล้วว่าเป็นของดี ไม่เสียอะไรแล้ว ก็ขอเชิญไปหาสุรามาให้หลวงตาบัวดื่มเดี๋ยวนี้ เอาให้ขนาดพอดีกับเข้าสังคม เวลานี้เรากำลังอยู่ในสังคม พวกท่านทั้งหลายจะเห็นด้วยไหม จะพอใจไปหาสุรามาให้หลวงตาบัวดื่มไหม ดื่มเพื่อสังคมเวลานี้ อย่าเอาขนาดที่มันเป็นบาป ให้เอาขนาดที่ท่านทั้งหลายเห็นดีว่าเหมาะกับสังคม

เขาก็บอกว่าทำไม่ได้ เมื่อทำไม่ได้แล้ว หลวงตาบัวก็เป็นคน ท่านทั้งหลายก็เป็นคน ข้อบัญญัติบันยังทั้งหมดพระพุทธเจ้าบัญญัติสอนคน สิ่งที่ว่าเป็นบาปก็ว่าเป็นบาป แล้วใครจะเหนือโลกไปไม่เป็นบาป ฆราวาสก็ต้องเป็นบาป พระก็ต้องเป็นบาป เมื่อพระเห็นว่าไม่งามแล้วฆราวาสก็ไม่งามเหมือนกัน สิ่งที่ไม่งามก็คือสิ่งที่ผิด จึงไม่ควรจะไปกล้าหาญในสิ่งเช่นนั้น ซึ่งนักปราชญ์ทั้งหลายท่านตำหนิ ท่านกลัวกัน"

คำสอน หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน





#ธรรมะสะดุ้งกิเลส

หึ๋ย!...วิ่งหาอาจารย์โน้น วิ่งหาอาจารย์นี้
ว่ากูได้ไปกราบท่านแล้ว กิเลสกูคงจะเบาบาง
ท่านคงจะทำให้...ใครเขาจะทำให้กัน !!

"การปฏิบัติมันอยู่กับเราหมด"

เวลาที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านพูดน่ะ จะไปหาครูอาจารย์ที่ไหนให้ท่านบันดาลให้ได้น่ะ ไม่มีหรอก! นอกจากตัวเราปฏิบัติเองซิ จะให้ใครปฏิบัติให้ ?

ไปหา อ.โน้น โอ้ย อ.โน้นดีน่ะ อ.นี้ดีน่ะ
ท่านดีของท่าน ตัวเราล่ะดีหรือยัง ตัวเราดีหรือยังล่ะหา จริงอยู่สิ่งใดที่ไม่รู้ควรถามท่านผู้รู้ ควรศึกษา เมื่อไปหาท่านๆก็บอกท่านก็กล่าว ท่านก็บอกทาง ท่านเป็นเพียงแต่ผู้บอกผู้กล่าวเท่านั้น ท่านทำให้ไม่ได้เข้าใจไหม?

เราเป็นผู้ทำเอง ปฏิบัติเองต่างหาก มีขาเอาไว้เดินทำไมไม่เดิน มีตาเอาไว้ดูทำไมไม่ดู มีหูไว้ฟังทำไมไม่ฟัง มีจมูกให้หายใจทำไมถึงไม่หายใจ ไปยืมจมูกใครหายใจ ทุกวันเราก็กินข้าวไม่ใช่หรอ ไปยืมปากใครมากินล่ะ ปากเรากินแล้วไปอิ่มปากคนอื่นไปอิ่มท้องคนอื่นไหม หรือเรากินแล้วเราอิ่มเอง คิดง่ายๆการปฏิบัติน่ะ

เข้ามาเที่ยววัดในซิ "กายวัด" คำว่าเข้า...เข้าที่ไหน...เข้าที่กาย...เข้ายังไง...อัตสาสะ ปัตสาสะ หายใจเข้า หายใจออก (ท่านชี้ที่จมูกเข้าออก)

เข้าใจไหม จิตใจตัวรู้ให้มันรู้เข้าไปสิ รู้เข้าไปทำไม รู้เข้าไปบังคับให้มันสงบให้มันนิ่งอยู่ เรียกว่าฌานแปลว่าเพ่ง เพ่งดูสิอารมณ์อันเดียว ให้มันเข้าไปบางทีเราก็ใช้อารมณ์คำว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆก็มี ใช้คำว่าตายก็มี เป็นอารมณ์เข้าไป อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น

การเข้าเป็นหลักยึด หลักปฏิบัติ จึงเรียกว่าสมาธิ มันตั้งมั่นไหม อยู่ในอารมณ์อันเดียวไหม ถ้ามันอยู่ในอารมณ์เดียว ก็เข้าไปสิ ให้มันเงียบเข้าไปสิ ให้มันเกิดพลังขึ้นมา พลังจิตน่ะ จิตผู้รู้ จิตตัวรู้ มันมีแต่ตัวจิต ตัวใจ ตัวเหม็นตัวส่ายอยู่นิ จิตที่มันปรุงแต่งนี้แหละ

เขาว่าจิตที่มีกิเลสจูงจมูกเราไปใช้ ไปบรรชาเราไปใช้ มันกักขังพวกเราอยู่ มันกักขังไม่ให้ผู้รู้นั้นรู้จริงรู้แจ้งรู้หรือเปล่า มันพยายามเอาร่างกาย เอาธาตุขันธ์ที่พ่อแม่ให้มานี้ไปทำในสิ่งที่ดีสิ่งที่ไม่ดีมั่วอยู่นี้ ตกเวียนวายในวัฏสงสารอันนี้ ไม่ให้หนีในวัฏสงสารอันนี้ ไม่ให้ออกนอกโลกอันนี้เข้าใจไหม?

ก็คือตัวจิตของเรานี้แหละ จิตตัวนี้คือจิตกิเลส
"จิตเจตสิก" ตัวนี้เอง ตัวปรุงตัวแต่งตัวฟุ้งซ่าน ตัวให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างคือตัวนี้ ตัวจิตเรานี้เองญาติธรรมเอ๋ย

ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา
หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร วัดโปร่งจันทร์ อ.คิชฌกูฎ จ.จันทบุรี(ศิษย์ในองค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)
ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์







"การกระทำของตนเอง
ยังไม่ถูกใจตนเองเสมอไป
นับประสาอะไร
กับการกระทำของผู้อื่น"

ท่านพุทธทาสภิกขุ







เพ่งให้เห็นความจริงในกาย..
มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ..
ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป..

ให้พิจารณาในส่วนนี้..
จนเป็นนิพพิทาความเบื่อหน่าย..

การเพ่ง..
คือเพ่งเพื่อพิจารณา..

พิจารณาแยกแยะ..
คือพิจารณาธาตุของร่างกายเรา..
แยกเป็นธาตุ ๔ โดยสมมุติ..
มีการเน่าเปื่อย มีแต่ของสกปรก..

การเพ่งต้องกำหนดด้วยใจ..
โดยเอาตาเนื้อจำไว้ก่อน.. เช่น
จำลักษณะของผมเป็นอย่างไร.?.
มีสีอย่างไร.?.
จำมาเป็นสมมุติ..
เพื่อให้จิตอยู่กับการเพ่ง..

การเพ่ง..
ต้องไม่แส่ส่ายไปที่อื่น..
เหมือนเราตั้งใจเขียนหนังสือ..

———

#การเพ่งดูกาย ก็อาศัยสมมติส่วนที่เราเพ่ง และสถานที่ที่เราจะเพ่งนั้นให้มีส่วนจำกัด ให้มีความตั้งใจด้วยสติจดจ่อจี้ลงในจุดนั้นๆ โดยสำนึกว่า มีความสว่างอยู่ในความสำนึกก่อน ถ้าชำนาญแล้วก็จะรู้เห็นในกายส่วนนั้นๆ เป็นธรรมชาติกำหนดที่รู้เอง ถ้าความเคยชินกำหนดรู้เห็นกายส่วนนั้นๆ อยู่ต่อไป เราก็จะกำหนดกายส่วนนั้นๆ เป็นธรรมชาติที่รู้เอง ถ้าความเคยชินรู้เห็นกายส่วนนั้นอยู่ ต่อไปเราจะกำหนดให้เห็นกายส่วนนั้นๆ เน่าเปื่อยไปทั้งตัวก็ได้ หรือกำหนดให้หลุดออกไปให้เห็นโครงกระดูกก็ได้ ต่อไปก็จะเป็นพื้นฐานได้ดี

การกำหนดดูกายเพ่งกาย ก็เพื่อให้ใจได้ตั้งอยู่ในกายส่วนนั้นๆ เพื่อให้ใจได้มีหลัก เหมือนนกที่บินอยู่ในอากาศก็จำเป็นต้องหาต้นไม้เป็นที่จับ เพื่อได้พักผ่อนเอากำลัง

ใจก็เหมือนกัน ก็ต้องหากายส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่ของใจ และมีสติกำหนดรู้ในกายส่วนนั้นๆ ใจก็จะไม่ได้คิดนี้เหมือนกับที่เคยเป็นมา

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ







#ปม

เกิดจากการไม่ยอมรับปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา จึงนำไปสู่ความเครียด วิตกกังวล และความเจ็บป่วยทางจิตวิญญาณ

ฝึกยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา โดยไม่ผลักต้าน ไม่โทษปัจจัยภายนอก คิดเสียว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เปรียบเหมือนหินลับปัญญาของเรา

-โอวาทธรรม :
#หลวงปู่อุ่นหล้า #ฐิตธัมโม-







โลกนี้ทั้งโลกไม่มีอะไรที่เราชอบ ไม่มีอะไรที่เรารัก เราไม่รักอะไร เราไม่ชอบอะไรในโลกนี้ แม้แต่ร่างกายของเราเองเราก็ไม่ชอบไม่รัก เพราะมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยความทรมาน

แล้วให้ใคร่ครวญหาความจริงในโลก จะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิตก็ตาม มันมีสภาพคงตัวได้ตลอดกาลหรือเปล่า

ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลงมีการสลายตัว ก็ถือว่าโลกทั้งโลกหาความดีไม่ได้

แล้วก็หันเข้ามาคิดถึงกายของตัวว่า กายของเราเองนี้มันจะตายมันจะพัง เรายังจะปรารถนาอะไรภายนอกอีก เราไม่ต้องการ เราจะไปพระนิพพาน...

คำสอน
โดย...#หลวงพ่อฤๅษี #วัดท่าซุง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร