วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 16:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2021, 04:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#กลอนพญาธรรม
มาเด้อไผอยากหนีโลกกว้างทุกข์ใหญ่ในกองไฟ

อย่าไปตามตัณหา หมู่กามคุณห้า

มาทำวิปัสนาให้เห็นฮู้ หาทางสิพ้นโศก

ฮีบเร็วๆญาติพี่น้อง มันสิช้าค่ำทาง

ให้เจ้าวางขันธ์ห้า อุปมาให้เจ้าหน่าย

ข้าวของหลายมากล้น ต้นม้วยละหมิ่นไป

บ่เห็นเอาไปได้ ตายไปกะเสียเปล่า

ฝูงหมู่เจ้า คิดเบิ่งให้มันคัก

ให้ประจักษ์ในใจ ให้ฮำฮ้อนฮู้บ้าง

ฮีบหาทางสิไปหน้า หาทางให้พ้นโศก

สมบัติในโลกนี้ ให้วางถิ่มปล่อยสา

มันเป็นไฟแสงกล้า เผาอุราให้วายวอด

ตลอดหมดทุกชั้น ขุนข้าไพร่พล

มันบ่เหลือยังค้าง กษัตริราชจอมไตร

แม่นไผไผ กะบ่มีเหลือหลอ ดั่งเดียวกันนั้น

ลูกคนใดใจต่ำทำป่นปี้ ทรพีเลวทราม

หยามหมิ่นท่าน เนรคุณเลวร้ายกลายเป็นมาร

สร้างสุสานขุมนรกหมกตนเอง

#กลอนผญาธรรม
#องค์หลวงปู่ประเสริฐ_สิริคุตฺโต
ท่องจำมาจาก องค์หลวงปู่ผาง จิตตฺคุตฺโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น









…ร่างกายตายไปแล้ว เราก็
ไม่สามารถได้อะไรจากร่างกายอีกต่อไป

.ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง
ที่เราได้เอามาใช้กับร่างกายนี้
ก็จะหมดไป

.” เรา “ คือ..ดวงจิตดวงวิญญาณ
ที่จะต้องไปต่อ

.จะไปแบบไหน ..ดีกว่าเก่า
เท่าเก่า หรือเลวกว่าเก่า
“ ก็อยู่ที่การกระทำของเรา
ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ “.
………………………………………..
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒









"คนส่วนมากยังมีความเชื่อว่า
มีผู้ดลบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆ ขึ้น
แต่ทางพระพุทธศาสนา ได้แสดงว่า
คนมีกรรมเป็นของตน จะมีสุขหรือทุกข์
ก็เพราะกรรม

พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนให้คนกลัวกรรม
ไม่ได้สอนให้ตกเป็นทาสของกรรม หรืออยู่
ใต้อำนาจของกรรม แต่สอนให้รู้จักกรรม
ให้มีอำนาจเหนือกรรม ให้ควบคุมกรรมของตน
ในปัจจุบัน"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








“บุญ เป็นอย่างนี้
ลักษณะของบุญ คือ ใจเราดี
ใจเรามีความสุข ใจเรามีความสบาย
เย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
ไม่วุ่นไม่วาย นี่แหล่ะบุญ มีหรือยัง”

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร









หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี ท่านเคยเมตตาเล่าแก่ศิษยานุ​ศิษย์ฟังว่า

" เบื้องล่างแผ่นดินของจังหวัดหนองคายเป็นเมืองบาดาล​ ภายใต้หินหมากเป้งแห่งนี้ ลึกลงไปจะเป็นถ้ำที่พักของเหล่าพญานาค​ ซึ่งเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่โตมหึมา เป็นโพรงถ้ำที่ทอดทะลุถึงวัดพระพุทธบาทดอนแก้ว​ ใกล้วัดหินหมากเป้ง​ อันเป็นรอยพระพุทธ​บาทองค์จริง​อยู่ที่นั้น​ และโพรงถ้ำยังทอดทะลุไปโดยตลอดทั่วถึงกันทุกหนแห่งของอาณาบริเวณของเมืองพญานาค

ในวันดีคืนดีโดยเฉพาะวันพระ​ เหล่าพญานาคที่คอยพิทักษ์รักษาวัดหินหมากเป้ง ก็จะพากันขึ้นมาเฝ้าฟังอรรถรสบทธรรมของหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี​ แถวๆท่าน้ำบริเวณหินศักดิ์สิทธิ์สามก้อน ซึ่งหลวงปู่เทสก์เองก็ได้เทศนาโปรดพญานาคเหล่านั้น

และท่านเองยังบอกเล่าว่า​ เคยลงไปพบพญานาคอยู่หลายครั้ง

ที่วัดหินหมากเป้งแห่งนี้เคยมีบั้งไฟพญานาคปรากฏให้เห็นในวันออกพรรษา ซึ่งคนที่นี่เชื่อว่าเป็นดวงไฟที่พญานาคจุดขึ้นมา​ เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดหินหมากเป้งแห่งนี้

หลังจากหลวงปู่เทสก์ละสังขาร

ในวันประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เทสก์ได้บังเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น

โดยได้มีงูหลามขนาดใหญ่หลายตัว​ปรากฏกายให้ผู้ที่มาร่วมงานได้พบเห็นบริเวณใกล้ๆกับลานที่ประ​กอบ​​พิธี

บรรดาผู้พบเห็นต่างโจทย์ขานกันไปต่างๆนานาถึงงูลึกลับเหล่านั้น ว่า​เป็นตัวแทนของพญานาคที่มีความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาร่วมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงปูเทสก์

พองานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เทสก์เสร็จสิ้น
บรรดางูเหล่านั้นก็ไม่ปรากฏกายให้ผู้คนได้พบเห็นอีกเลย

จาก​ หนังสือ​ประวัติหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี










"ทำบุญ ต้องเขียนใบปวารณา แจ้งชื่อสกุล ทีทำบาปไม่เห็นแจ้งชื่อบ้างล่ะ"

ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อปี 2545 ณ ที่พักสงฆ์กลุ่มพุทธธรรมลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ตามธรรมเนียมพระป่า ท่านจะไม่รับเงินทองด้วยตัวเอง แต่จะให้แจ้งชื่อเอาไว้ ว่าจะถวายอะไรเท่าไร ถวายเพื่ออะไร

ถ้ามีใบปวารณาก็ให้เขียน ถ้าไม่มีก็แจ้งด้วยวาจา แต่คนส่วนมากติดเขียน บางท่านก็มัวแต่เขียน ทำให้เสียเวลาคนอื่น ยิ่งคนมาใหม่ไม่รู้ธรรมเนียมพระป่า ก็อยากจะเขียน

ครั้งหนึ่ง มีคนจำนวนมากกำลังถวายปัจจัย ถวายสิ่งของแด่ครูบาอาจารย์ แต่ก็มีบางคนอยากจะเขียนใบปวารณา ทำให้คนอื่นต้องรอ

หลวงปู่จันทร์โสม ท่านก็เลยเตือนสติว่า ""ทำบุญ ต้องเขียนใบปวารณา แจ้งชื่อสกุล ทีทำบาปไม่เห็นแจ้งชื่อบ้างล่ะ"

เป็นข้อคิดคติเตือนใจนักทำบุญ อย่ามัวแต่รอเขียนใบปวารณามากไปกว่า ความเต็มใจ ความตั้งใจในการทำบุญ ซึ่งการทำบุญ ต้องเร็ว ๆ ไว ๆ อย่าเนิ่นช้า

ในอดีตสมัยหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ยังมีชีวิตอยู่ ท่านยกย่องทานของเจ๊กไฮ ถึงกับกล่าวว่า "ใครทำบุญก็ไม่เหมือนเจ๊กไฮทำบุญ เจ๊กไฮทำบุญ ได้บุญมากที่สุด พรเขาก็ไม่ต้องรับ คำถวายก็ไม่ต้องว่าเขาได้บุญตั้งแต่เขาออกจากบ้านมา บุญเขาเต็มอยู่แล้ว ไม่ตกหล่นสูญหายไปไหน บุญเป็นนามธรรมอยู่ที่ใจ อย่างนี้จึงเรียกว่า ทำบุญได้บุญแท้.. "

นอกจากเรื่องการเขียนใบปวารณาแล้ว สมัยปัจจุบันยังมีเรื่องของการถ่ายรูปขณะทำบุญถวายของพระ จนครูบาอาจารย์บางท่านกล่าวว่า

#ไปนิพพานช้าก็เพราะมัวแต่ห่วงถ่ายรูป

ข้อคิดเหล่านี้ นักแสวงบุญควรนำไปคิดพิจารณาไตร่ตรองให้ดี "สิ่งใดที่บกพร่องอยู่ให้รีบแก้ไข เพื่อตัวเราเอง"

#หลวงปู่จันทร์โสม #กิตฺติกาโร
วัดป่านาสีดา อุดรธานี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร