วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2021, 07:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


การที่อาตมาตั้งสัจจะว่า
จะต้องพูดภาษาไทยให้ได้ดี
เพราะมีแรงบันดาลใจว่า
จะต้องตอบแทนคุณของชาวบ้าน
ชาวบ้านที่คอยช่วยอุปถัมภ์
บำรุงศาสนา พระ เณร
เราจะตอบแทนพวกเขาได้ดีที่สุด
โดย #การให้พระธรรมแก่เขา
จึงตั้งใจพูดภาษาไทยให้ดี
ไม่ใช่ให้เก่งภาษา
แต่เพื่อจะตอบแทนเขา...

#พระธรรมพัชรญาณมุนี
(พระอาจารย์ชยสาโร)





#ธรรมะคำสอนจากสองครูบาอาจารย์ตะวันตกที่เบ่งบานด้วยธรรม

#มีความทุกข์อยู่สองอย่าง

ข้อแรก...ถ้าเกิดแล้วมีร่างกายมีจิตใจต้องมีความเจ็บแน่นอน ถ้าเป็นเด็กน้อย ถ้าเป็นคนอายุมาก ถ้าเป็นพระอรหันต์ ถ้าเป็นขโมย ความเจ็บก็มี ถ้าเป็นพระพุทธเจ้ายังมีเจ็บ เป็นธรรมดา

ข้อที่สอง...เป็นความทุกข์ที่มาจากการยึดถือ เครียด ไม่ชอบ stress tension..

ความทุกข์ข้อที่หนึ่งหยุดไม่ได้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่ถ้าเป็นความเจ็บเฉยๆ มีความสงบได้ เจ็บใหญ่ แต่ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี มันก็ไม่เป็นปัญหา...แต่ถ้าเป็นความทุกข์ข้อที่สอง นี่เป็นปัญหา เพราะว่า เป็นความทุกข์แล้วเราไม่ชอบ โอ้จะหยุดอย่างไร จะออกอย่างไร โลกนี้ก็ไม่ดี คนนั้นก็เป็นปัญหา.. แต่ข้อที่สองจบได้ "อริยสัจสี่" เป็นทางออกของปัญหา ที่หยุดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์..แต่ถ้าเรายังยึดถือว่าชอบ ยึดถือว่าไม่ชอบ จะเป็นความทุกข์แน่นอน

พระอาจารย์อมโร ภิกขุ
วัดป่าอมราวดี ประเทศอังกฤษ

#ยอมรับความทุกข์

รับความทุกข์ที่จะเห็นเป็นทุกข์...ไม่ใช่รับความทุกข์เพื่อจะไม่ให้มีความทุกข์ รับความทุกข์ที่มีอยู่ด้วยปัญญานะ ก็จะเห็น มันเป็นอริยสัจ พิสูจน์อริยสัจได้อย่างนี้ได้นะ...ให้เป็นผู้รู้อารมณ์ ไม่ได้เป็นเจ้าอารมณ์ ท่านก็สอนอย่างนี้มากนะ เราเห็นว่าถ้าเราทำตามอารมณ์ เราก็เป็นผู้ตามอารมณ์ แล้วก็ถ้าปล่อย จะวาง เราเป็นผู้รู้อารมณ์ มันเป็นสังขาร นี่ก็ตัดตัวตนออกได้ ... เราพิจารณาอารมณ์นั้นด้วยปัญญาแห่งความเป็นสังขาร เวลามันดับไปก็ไม่มี อารมณ์อย่างนั้น ถ้าปล่อยจะวางอารมณ์มันก็ดับไปทันทีนะ ไม่ได้ทรงนานไว้เท่าไหร่นะ...

#พระพรหมวชิรญาณ (หลวงปู่สุเมโธ)
ปัจจุบัน ท่านพำนักอยู่ที่วัดป่าอมราวดี ประเทศอังกฤษ











"กรรมเป็นที่หนึ่ง"

" .. ศาสนาของพระพุทธเจ้าเรานี้ ยกกรรมเป็นที่หนึ่งเลย ขึ้นต้น กรรมการกระทำดีชั่วเป็นบทเป็นบาทเป็นพ่อเป็นแม่เป็นผู้บังคับบัญชา ให้เป็นดีเป็นชั่วต่าง ๆ บอกชัดเจน คือทำดีจะไปทำที่ไหนก็ทำเถอะ อย่างที่เขาติดตะรางแหละ ไปฉกไปลักที่ไหนก็มาติดคุกติดตะรางจนได้

แต่นี้จะมาติดเฉพาะผู้ที่เขาอยู่ในที่แจ้งที่เขาเห็นหรืออะไร แต่เรื่องบาปเรื่องกรรมในพวกคนทำบาปไม่มีเศษมีเหลือมากน้อยเลย ร้อยทั้งร้อย ๆ ทำดีทำชั่วเป็นดีเป็นชั่วทั้งร้อย ๆ เลย ไม่มีปิดบัง

"นตฺถิ โลเก รโห นาม" ชื่อว่าที่ลับไม่มีในโลกไม่ว่าจะไปทำที่ไหน คนอื่นไม่เห็นเจ้าของก็เห็น ทีนี้เวลาตายไปแล้วเจ้าของจำไม่ได้ กรรมจำได้ กรรมติดตาม เป็นไปอย่างนั้นแหละ .. "

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน









…รักษาศีล…

"อย่าไปรักษาตอนนอนนะ"
ตอนนอนใครๆ ก็รักษาได้
ศีลนี่..มีไว้รักษาตอนตื่นนะ
บางคนไปสมาทานก่อนนอน
..เดี๋ยวจะรักษาศีล..
พอนอนหลับก็..แหมรักษาศีลได้ครบเลย
“อย่างนี้ไม่ใช่วิธีรักษาศีล”
รักษาศีลต้อง รักษาตอนที่ตื่นนะ
..เข้าใจนะ..
......................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 2/5/2562
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี







"ทำความดีอย่าไปท้อ คนไม่เห็นความดีของเรา
ก็ขอให้เราเห็นความดีของเราก็แล้วกัน
เราทำความดีเพื่อเรา ไม่ได้ทำความดีเพื่อผู้อื่นใด"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"การละกิเลสยากมากเพราะเหตุใดหรือ
แม้พิจารณาให้ดี ย่อมได้รับความเข้าใจ
พอสมควรว่า การละกิเลสยากมาก เพราะ
พากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง
กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ








" บุญ บาป ทุกคนทำมา
ด้วยกันทั้งนั้น ต่างแต่ว่า
ทำมากน้อยต่างกัน
ถ้าภาวนาจริงๆ
บาปไม่มากเท่าไร
ก็หลุดลอยออกไปได้
แต่ถ้าทำบาปเพิ่มเข้า
ไปเรื่อยก็ไม่มีทางหมด

บาป บุญ ทำแล้วก็อยู่
ในตัวเรา เป็นของลึกซึ้ง
มองไม่เห็น ถ้าผู้ภาวนา
ตั้งมั่นจิตใจเป็นสมาธิ
ดีแล้ว ก็จะเห็นได้ด้วย
ตนเอง ไม่ต้องไปถาม
คนอื่นว่า ทำบุญ บาป
แล้วไปอยู่ที่ไหน

บุญ บาปทำแล้ว อย่า
เข้าใจว่าไปอยู่ที่อื่น
ทำบาป บาปก็มาอยู่ที่ตัว
ทำบุญ บุญก็มาอยู่ที่ตัว
เป็นเงาติดตัวตลอดเวลา

รักษาศีล ให้ทาน ไหว้
พระสวดมนต์ นั่งภาวนา
เรียกว่า "ทำบุญ" บุญนั้น
ใครทำใครได้ ไม่ใช่ว่า
คนหนึ่งทำ คนหนึ่งไม่ทำ
แล้วไม่ได้ จะได้ก็ตรงที่
เราอนุโมทนา ยินดีกับ
บุญกุศลที่เขากระทำ "

โอวาทธรรม
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร







#เนื้อนาบุญแต่ละที่ไม่เหมือนกัน

ครูแต่ละท่านมีความถนัดเฉพาะตน อยู่ที่ศิษย์จะดั้นด้นไปศึกษาวิชชา

บางที่สั่งสมมาอย่างวิจิตร
บางที่ราบเรียบ บางที่ผาดโผน
บางที่ล้ำลึก บางที่ตื้นเขิน
เราก็เลือกเอาตามจริตนิสัย

ฝึกเจริญสติให้ต่อเนื่อง ธรรมะท่านจะแสดงในจิต จิตเขาจะบอกเรา ประกาศให้เราทราบอยู่ภายใน ทั้งนี้ตามความเกี่ยวข้องและวาสนาที่บำเพ็ญมา

โอวาทธรรม พระวชิรญาณโกศล
( พระอาจารย์คม อภิวโร )
วัดป่าธรรมคีรี จ.นครราชสีมา








#ข้อควรสังเกตและระวังในขณะภาวนา

โดยมากมักคิดและพูดกันเสมอว่าภาวนาดูนรกสวรรค์ ดูกรรมดูเวร ของตนและผู้อื่น

ข้อนี้ท่านท่ีมุ่งต่ออรรถธรรมสําหรับตัวจริงๆ กรุณา สังเกตขณะภาวนาว่า จิตได้มีส่วนเกี่ยวข้องผูกพันกับเรื่องดังกล่าวเหล่าน้ี บ้างหรือไม่ ถ้ามีควรระวังอย่าให้มีขึ้นได้สำหรับผู้ภาวนาเพื่อความสงบเย็น เห็นผลเป็นความสุขแก่ใจโดยถูกทางจริงๆ

เพราะสิ่งดังกล่าวเหล่านั้น มิใช่ของดีดังที่เข้าใจ แต่เป็นความคิดท่ีริเร่ิมจะไปทางผิด เพราะจิตเป็นส่ิง ท่ีน้อมนึกเอาสิ่งต่างๆ ท่ีตนชอบได้ แม้ไม่เป็นความจริง นานไปส่ิงที่น้อมนึกน้ันอาจปรากฏเป็นภาพขึ้นมาราวกับเป็นของจริงก็ได้ นี่รู้สึกแก้ยาก

แม้ผู้สนใจในทางน้ันอยู่แล้วจนปรากฏสิ่งที่ตนเข้าใจว่าใช่และชอบข้ึนมา ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทําความมั่นใจหนักแน่นขึ้นไม่มีทางลดละ จะไม่ยอมลงกับใครง่ายๆ เลย

จึงได้เรียนเผดียงไว้ก่อนว่าควรสังเกตระวังอย่าให้จิตนึกน้อมไปในทางนั้น จะกลายเป็นนักภาวนาท่ีน่าทุเรศเวทนา ท้ังที่ผู้น้ันยังทะนงถือ ความรู้ความเห็นของตัวว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่ และพร้อมจะส่ังสอนผู้อื่นให้เป็นไปในแนวของตนอีกด้วย

จิตถ้าได้นึกน้อมไปในสิ่งใดแล้ว แม้สิ่งน้ัน จะผิดก็ยังเห็นว่าถูกอยู่นั่นเอง จึงเป็นการลําบากและหนักใจแก่การแก้ไข อยู่ไม่น้อย

เพราะจิตเป็นของละเอียดมากยากที่จะทราบได้กับบรรดาอารมณ์ที่จิตเข้าเกาะเก่ียว ว่าเป็นอารมณ์ดีหรือชั่วประการใด

นอกจาก ท่านที่เชี่ยวชาญทางด้านภาวนาซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้วอย่าง โชกโชน เช่น อาจารย์มั่นเป็นต้นน้ัน ท่านพอตัวเสียทุกอย่างไม่ว่าภายใน ภายนอก ท่านคลี่คลายดูโดยละเอียดท่ัวถึงไม่มีทางสงสัย จึงสมนามที่ท่านเป็นอาจารย์หรือครูชั้นเอกในการสอนธรรมกรรมฐานแก่บรรดาศิษย์

#หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน








#คนโดยมากมักตื่นปาฏิหาริย์ทางดำดินบินบน

แต่ผู้เขียนลงเอยมากที่สุดก็คือ อนุสาสนีปาฎิหาริย์ คำสอนของพระองค์เป็นปาฎิหาริย์ที่ไม่จืดจางและมีอยู่ทุกกาลของแต่ละตัวสัตว์ บุคคล เทวดา มาร พรหมด้วย ประจำกองรูปขันธ์ นามขันธ์อยู่ไม่ลบเลือนไปทางใดคือ กรรมและผลของกรรม เป็นปาฎิหาริย์อยู่ทุกอิริยาบถของจิตใจอยู่แล้ว

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วอยู่แล้ว จะไปหาปาฎิหาริย์ที่ไหนอีก


จับไฟก็ร้อน ไม่จับไฟก็ไม่ร้อน เป็นปาฎิหาริย์ทั้งนั้น และก็มีความหมายอันเดียวกันกับกรรมและผลของกรรม

คนเชื่อกรรมและผลของกรรมก็คือ เชื่อปาฎิหาริย์ ก็คือเชื่อพุทธ ธรรม สงฆ์ด้วยนั้นล่ะ..

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร