วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 21:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2021, 07:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"คนเราเกิดมามีบุพกรรมเนื่องกัน อยู่ไกลแสนไกลก็ต้องได้มาเจอกัน แต่ที่จะสอนกันได้ ทรมานกันได้ ลากกันไปสวรรค์ พรหม นิพพานได้ ต้องเคยเป็นหมู่คณะบำเพ็ญร่วมกันมาเป็นอสงไขยกัป ไม่อย่างนั้นกระทบอะไรหน่อยเดี่ยวก็สะดุด หลุดวงโคจรไป

เคยเห็นไหม มาวัดแต่ไปไม่รอด ไปไม่รอดเพราะอะไร จิตใจมันไม่อยู่กับวัด มันวิ่งไปอยู่กับคนรัก เงินทอง ลูกหลาน วุ่นกับอดีต กับอนาคต รุงรังอย่างนี้แล้ว จะไปนิพพานได้อย่างไร แต่ก็เอาเถอะ ค่อยๆ สั่งสมบุญบารมีไป สะสมนิสัยวาสนาไป บุญบารมีพร้อมเมื่อไหร่จะดำริออกจากกาม มุ่งไปพระนิพพานสถานเดียวเอง..."

บางช่วงบางตอนของธรรมเทศนา เรื่อง ความเกี่ยวข้อง

#พระวชิรญาณโกศล
(พระอาจารย์คม อภิวโร)
วัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ในหนังสือสวดมนต์ฉบับพิเศษ ฯ วัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) ๙๙๙ หมู่ ๑๔ บ้านซับน้ำเย็น ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา












การเจริญพระกรรมฐาน
เป็นการต่อชะตากรรม

บางคนจะต้องตาย
หัวไม่มีแล้ว

บอกให้มาเจริญกรรมฐานก็ไม่มา
เลยถูกรถชนตายไปแล้ว

ส่วนแม่พิมพ์ใจมาทอดผ้าป่า
กลับไปรถคว่ำหลายตลบ
รถพังหมดทั้งคัน
แต่ไม่ตายนี้บุญกุศลช่วยได้

เหมือนดูลิเกสมัยเก่า
มีโม่งมาช่วยพระเอกนางเอก
โม่ง มี ๓ ตัว โม่งขาว
โม่งแดง โม่งดำ

อาตมาเคยถามตั้วโผลิเก
ว่าเรื่องนี้ทำไมมีโม่งขาว

มาช่วยอีกเรื่องทำไม
มีโม่งแดงมาช่วย
เขาตอบว่าไม่รู้
ครูเขาฝึกมาอย่างนี้

ก็เล่นไปอย่างนี้
โม่งมันไม่มีตัวตน
มองไม่เห็น

ถ้าใครมีโม่ง ๓ ตัวนี้
สร้างความดีได้
มาอย่างไรก็ไม่ตาย

อาตมารถคว่ำลงเหว
ไปยังเกี่ยวเถาวัลย์ขึ้นมาได้
คงจะมีโม่งช่วยเหมือนกัน
แต่มองไม่เห็นว่าใครช่วยเรา

รถพังหมดทั้งคัน
โซเฟอร์คลานออกมา
อาตมาก็ไปชวนชาวบ้านมาช่วย
นี่สมัยเมื่อ ๔๐ ปีที่ผ่านมาแล้ว
นี้แหละบุญกุศล

หลวงพ่อจรัญ
วัดอัมพวัน สิงหบุรี









ถ้ายิ้มไม่ได้เลยตลอดวัน
ก่อนนอนต้องหาทางยิ้มให้ได้ สักครั้งหนึ่ง
วันหนึ่งๆ เพียงทำใจให้เบิกบานผ่องใสได้

ก็เป็น “การปฏิบัติธรรม” แล้ว
.
ในวันหนึ่งๆ นี้มีบ้างไหม
ที่จิตใจของเรามีความชุ่มชื่นฉ่ำเย็น
เป็นใจที่สบาย ร่าเริง ผ่องใส ปลอดโปร่ง
หรือมีแต่ความเร่าร้อน กลุ้มกังวลใจ

ถ้าหากว่าเวลาแต่ละวันผ่านไป
มีแต่ความกลัดกลุ้ม เดือดร้อน กังวลใจ
ก็แสดงว่าเราเสียแล้ว ไม่ใช่ได้

เพราะใจเราเสื่อม

เราจะต้องแก้ไขปรับปรุงจิตใจเสียใหม่

ที่ว่า.. “แต่ละวันต้องให้ได้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย” นั้น

จะต้องได้ความสุขใจ ความร่าเริง
เบิกบาน ผ่องใส ให้แก่ชีวิตนี้บ้าง
.
ทางพระพุทธศาสนาถือว่า
ความร่าเริง เบิกบาน ผ่องใส
เป็นลักษณะของจิตใจที่เจริญงอกงาม

การทำจิตใจได้อย่างนี้
ก็เรียกว่าเป็น “การปฏิบัติธรรม” แล้ว

ไม่ต้องทำอะไรมาก
เพียงทำใจให้เบิกบานผ่องใสได้
ก็เป็น"การปฏิบัติธรรม"

ทางพระท่านใช้คำว่า...
.
๑. มีปราโมทย์ ร่าเริงเบิกบานใจ
.
๒. มีปีติ อิ่มใจปลื้มใจ
.
๓. มีปัสสัทธิ ผ่อนคลายกายใจ
.
บางคนมีแต่ความเครียดทั้งวัน
ความเครียดเป็นความเสียสุขภาพจิต
เป็นทางเสื่อมของจิตใจ

สิ่งที่ตรงกันข้ามคือ ปัสสัทธิ
ความผ่อนคลายกายใจ
.
๔. มีความสุข สะดวกใจ คล่องใจ
ไม่มีอะไรมาบีบคั้นจิตใจ

แล้วก็
.
๕. มีสมาธิ มีใจตั้งมั่น สงบ แน่วแน่
อยู่กับสิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์
ใจอยู่กับกิจ จิตอยู่กับงาน
ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย….
.

…...เรามาสำรวจดูว่า
ใจของเรานี้มีคุณภาพดีขึ้นไหม

สมรรถภาพจิตใจของเราดี ขึ้นไหม
และสุขภาพจิตเช่นความสุขเบิกบานผ่องใสอย่างที่ว่ามาแล้วเรามีบ้างหรือเปล่า

อย่างน้อยให้ได้ยิ้มบ้าง
.

ถ้ายิ้มไม่ได้เลยตลอดวัน

ก่อนนอนต้องหาทางยิ้มให้ได้สักครั้งหนึ่ง

ออกไปยิ้มกับแม่บ้าน
หรือออกไปยิ้มกับพ่อบ้าน

ออกไปยิ้มกับลูกหรือกับใครสักคนหนึ่ง

คิดว่าวันนี้ก่อนวันจะหมดไป
เราจะนอนหลับแล้ว ขอให้เราได้ทางใจบ้าง

ให้ยิ้มออกสักครั้งก็ยังดี

ถ้าทำได้อย่างนี้ แม้ไม่ได้อะไรอื่น

ท่านก็ถึอว่าได้แล้ว

นี่แหละเป็นความหมายของคำสอนที่ว่า
ไม่มากก็น้อย ต้องให้ได้อะไรบ้าง”
.
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

ที่มา : ธรรมนิพนธ์ “สุขนี้มิไกล: ใครปัญญาไวหาได้ทุกสถาน”









จงรีบเร่งขวนขวาย สร้างกุศล สวดมนต์ไหว้พระ บำเพ็ญ ทานศีล ภาวนา ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่นี้เถิด เมื่อความตายยังมาไม่ถึง

ถ้าความตายมาถึงเข้าแล้ว จะเสียที ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา นี้ทีเดียว

หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญฺโญ
พระราชพัชรญาณมุนี
วัดประชารมวนาราม(ป่ากุง)
ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด









…ไม่เชื่อลองทำดูซิ ของที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนี่ “พิสูจน์ได้ ไม่ใช่เป็นของโกหก “

. ไม่ใช่เป็นของที่มีแต่พูดมีแต่บอก แต่พิสูจน์ไม่ได้ คำสอนของพระพุทธเจ้านี่พิสูจน์ได้

.ความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ พวกเราพิสูจน์ได้ สร้างกันขึ้นมาได้ ไม่ยากเย็นเลย
“ นั่งเฉยๆไม่ให้ไปคิดอะไร เท่านั้นเอง “

.นั่งหลับตาดูลมเข้าออกไปก็ได้ บริกรรม “พุทโธ พุทโธ พุทโธ” ไปก็ได้ อย่าไปคิดถึงลาภยศสรรเสริญ อย่าไปคิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ เท่านั้นเอง

.พอความคิดหยุด ความอยากหยุดปั๊บ ความสุขก็โผล่ขึ้นมาทันที ใครลองได้พบกับความสุขแบบนี้แล้วจะติดใจ เป็นความสุขที่มหัศจรรย์ใจ.
……………………………………….
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










" "ทำบุญ" ให้ตั้งใจทำกันนะ
เรียกว่าทำให้ร้อนถึงเทวดา
ต้องลำเลียงทรัพย์มาให้
เลยทีเดียว แต่การทำต้อง
ประกอบไปด้วย "สติปัญญา"

ชาตินี้ทำกันซะให้พอ ให้มี
อริยทรัพย์ติดตัวกันระหว่าง
ยังท่องอยู่ในสังสารวัฏ

ทำดีอย่าพึ่งเบื่อกันเสียก่อน
เกิดมาทั้งที ไม่ทำดีแล้ว
จะทำอะไร ชีวิตจะได้
ขับเคลื่อนไปสู่ปลายทาง
แห่งความสำเร็จกันทุกคนนะ "

โอวาทธรรม
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร








" ขอให้ลูกหลานทุกท่าน ได้ตั้งใจปฏิบัติจิตใจ
ของตนให้สะอาด ปราศจากความโลภ ความโกรธ
ความหลง ซึ่งฝังอยู่ในดวงใจของเรา มาตั้งหลายภพ
หลายชาติ

มาชาตินี้ เราได้เกิดเป็นมนุษย์ ดังนั้น จงรีบไปทำบุญ
ทำกุศลสืบต่อไป เพื่อเป็นทางหากำไรของชีวิต เพราะ
ชีวิตคนเรามันน้อยนัก ที่อยู่ถึงร้อยปีมันยาก "

หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 65 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร