วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2021, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ทำบุญให้ได้ผลครบถ้วนทำอย่างไร

ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า สมัยพระพุทธกัสสป ท่านเทศน์ไว้อย่างนี้คือ

"บุคคลใดทำบุญด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่น ถ้าเกิดในชาติต่อไป จะร่ำรวยโภคสมบัติ แต่ขาดเพื่อนขาดบริวารสมบัติ"

"ถ้าดีแต่ชักชวนเขา ไม่ทำเอง ชาติต่อไปมีเพื่อนมาก แต่ตัวเองจน"

"ถ้าทำบุญด้วยตนเองด้วย ชักชวนคนอื่นด้วย รวยด้วย มีพรรคพวกมากด้วย"

นี่ท่านเทศน์แบบนี้นะ ถ้าเราทำคนเดียวได้ก็ทำ ทีนี้ถ้าเราชวนเขาด้วย แต่ว่าการชวนนี่ก็ลำบากนะ ถ้าชวนเขาทำบุญด้วย ก็อย่าหวังว่าเขาจะให้เรานะ คิดว่าเขาให้หรือไม่ให้ก็เป็นเรื่องของเขา คือ แนะนำเขาว่า เวลานี้เราทำโน่นทำนี่ จะทำบุญร่วมด้วยไหม ... ถ้าบังเอิญเขาไม่ทำร่วมด้วยก็อย่าไปโกรธ เราถือว่าเราชวนเขาทำความดี ถ้าเราโกรธเขาเข้า บุญเราจะด้อยลงไป เพราะตัวโกรธเข้ามาตัด"

โอวาทธรรม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ









จิตใจจะได้รับความสงบสุข จะต้องมีเวลาให้จิตใจได้อยู่กับ”พุทโธ”

ให้คิดว่าในโลกนี้มีเรา คือมีจิตใจของเราผู้เดียว ได้อยู่กับพุทโธ หรือถ้าเรานั่งสมาธิอยู่ในศาลานี้ ก็ให้คิดว่า เราอยู่คนเดียวกับพุทโธ

บางคนนั่งภาวนาแล้ว
อยากได้ตาทิพย์
อยากเป็นพระโสดาบัน
อยากได้รับความสงบสุข

หลวงปู่ ขอบอกเลยว่า.. ถ้าจิตใจมีความอยากได้มาก.. มันจะไม่ได้ แต่ถ้าภาวนาแบบไม่อยากได้.. มันจะได้เองแหละ

#หลวงปู่ไม #อินทสิริ









ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง
เราจะต้องได้รับผลจากกรรมที่เราได้ทำขึ้นมานั้น ไม่มีใครช่วยใครได้

การต่อเคราะห์สืบชะตานั้น พระหรือคนที่ทำให้ยังต้องตาย แล้วเขาจะช่วยคนอื่นได้อย่างไร ถ้าเขาทำได้ เขาทำให้ตัวเองหรือญาติตัวเองก่อนไม่ดีหรือ ตัวเองและญาติก็ยังต้องตาย ญาติก็ยังลำบากอยู่เลย แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร

เพราะเราไม่เข้าใจ เราไม่มีปัญญาไตร่ตรอง เราจึงหลงไป จึงถูกเขาหลอก ให้เสียเงินเสียทองเสียเวลา จึงได้ทำไปโดยไม่ได้เกิดประโยชน์แต่อย่างไร

บุญเท่านั้นที่จะช่วยได้ ให้หัดทำบุญ รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้

ทำอย่างไรให้ผลอย่างนั้น เพราะถ้าเราทำกรรมอันไดไว้ ผลของกรรมจะเกิดกับเราแน่นอน เช่น ถ้าเราไปหลอกลวงคนอื่น สุดท้ายเราก็จะโดนหลอกแน่นอน ท่านจึงไม่ให้ทำชั่ว ให้ทำแต่ความดีเท่านั้น

หลวงพ่อฉลวย







“เราทั้งหลาย ควรพิจารณาเนืองๆ ทุกวันว่า
เรามีกรรมเป็นของตนเอง และอย่าได้ประมาท
เรื่องของกรรม

เราทำกรรมอย่างใดไว้ ใครไม่รู้ไม่เห็น
ก็ว่าจะไม่ได้รับผลของกรรมนั้น อย่าได้เข้าใจ
อย่างนั้นเป็นเด็ดขาด การทำบาป หรือการทำบุญ
จะทำในที่ลับ หรือในที่แจ้ง หรือใครไม่รู้ ไม่เห็น
ก็ตัวของเรา ใจของเรารู้เห็นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กล่าวไว้ว่าที่ลับไม่มีในโลกนี้
แม้ว่าจะลับตาลับหูคนอื่น แต่เราก็รู้ เราก็เห็น
คนเดียว เรื่องของกรรมมันเป็นอย่างนี้...”

ครูบาเจ้าพรหมมา พรหมจักโก










"กรรมหนัก หรือกรรมที่ทำบ่อยๆ
ให้ผลก่อนกรรมที่เบากว่า หรือที่ทำไม่บ่อยนัก

คนเรานั้น ทำมาทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว
จึงมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง สลับกันไป
ผู้ที่มีสุขมาก ก็เพราะกรรมหนัก
หรือกรรมที่ทำบ่อยๆ ฝ่ายดีกำลังให้ผล
ผู้ที่มีทุกข์มาก ก็ตรงกันข้าม

และในปัจจุบันนี้ ใครก็ตาม
มีความไม่ประมาท ประกอบกรรมที่ดี
อย่างหนัก หรือบ่อยๆ กรรมดังกล่าวนี้
จะสนองผลให้ก่อนกรรมชั่วในอดีต
หากได้ทำไว้ ถ้าเบากว่า ก็ไม่มีโอกาสให้ผล

ฉะนั้น ผู้ที่ทำกรรมดีมาก อยู่เสมอๆ
จึงไม่ต้องกลัวกรรมชั่วในอดีต
หากจะมีกุศลของตัวจะชูช่วย
ให้มีความสุข ความเจริญสืบไป"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ










"ให้พากันสร้างกรรมดีนะ
เวลามีชีวิตอยู่อย่าพากันเพลิดเพลิน
ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ได้นะต้องระวัง

เราเป็นผู้ประกันตัวของเราเอง
รักษาตัวของเราเอง พึ่งตัวเอง
ให้ระมัดระวังการกระทำของเรา
อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดี เป็นการทำลายตัวเอง
ต้องได้คิดได้อ่านเสียก่อนจะทำอะไร
เพราะทำแล้ว ไม่หายไปไหน

บาปกับบุญ มันติดอยู่กับผู้ทำนั่นแหล่ะ
ให้พากันระวังให้ดี"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน









“ความตาย เป็นที่สุดของทุกคน
เกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย
ถ้าไม่มีการเกิด ก็ไม่ต้องมีการตาย
ไม่มีหนึ่งเริ่มแล้ว สอง สามจะมาจากไหน
ถ้าไม่อยากเกิด ก็ทำให้มันหมดกิเลส”

หลวงปู่แสง ญาณวโร








วิธีนึกถึงความตายเป็นอารมณ์

ท่านเจริญ มรณานุสสติกรรมฐาน
เมื่อท่านคิดถึงความตายเป็นปกติ
จนเห็นความตายเป็นปกติธรรมดา
เตรียมพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ คือ
ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
พอสมควรแก่ความต้องการแล้ว

ถ้าคิดให้ไกลไปอีกสักนิดว่า

ความตายเป็นของมีแน่
เราไม่หนักใจแล้ว
ความเกิดต่อไปก็มีแน่
จะเกิดเป็นอะไรก็ตาม
เต็มไปด้วยความทุกข์
หนีทุกข์ไม่พ้น
เราไม่ต้องการความเกิด
อันเป็นเหยื่อของวัฏฏะอีก

แม้แต่ร่างกายอันเป็นที่หวงแหน
ยิ่งจะต้องพังสลายไป
เรายังไม่มีเยื่อใย
และก็สมบัติอะไรในโลก ที่เราต้องการ

สิ่งที่พอใจที่สุดก็คือ พระนิพพาน
ทำใจให้ว่างจากความเกิด
ความเกาะในชาติภพ
ปรารภพระนิพพานเป็นปกติ

อย่างนี้ ท่านมีหวังสิ้นชาติสิ้นภพ
ประสบผลอย่างยอด คือ
ถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันแน่นอน

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ 2556 หน้า 27








เราปฏิบัติมา
เพื่อความว่างจากตัวตน
เพื่อความดับไม่เหลือเชื้อ
เพื่อความพ้นทุกข์
ไม่ใช่ปฏิบัติมาหล่อเลี้ยงกิเลส
หลงกิเลส เป็นบ้ากับกิเลส

พระอาจารย์คม อภิวโร
วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 59 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร