วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 05:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2021, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่ปั่น สมาหิโต เข้ากราบถวายทองคำเพื่อร่วมหล่อยอดฉัตรเจดีย์ฯ แด่องค์หลวงปู่บุญมา สุชีโว วัดป่าสุขเกษม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

"...พ่อพาเฮ็ดพาทำนี้ บ่แม่นเพื่อพ่อเด้
เพื่อให้พวกลูกได้สร้างบุญเอาไว้
เทื่อตายไปสิได้บ่ตกไปอบายภูมิ..."

หลวงปู่ปั่น สมาหิโต
วัดป่าศิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร



ศีล นี้เองเป็นพ่อแม่ของธรรมะ
คนที่ไม่มีศีลนี้ ธรรมะเกิดขึ้นไม่ได้
เหมือนกับคนเราต้องอาศัย “พ่อแม่” เกิดขึ้น
ถ้าไม่มีพ่อแม่ ก็เกิดขึ้นไม่ได้
พ่อแม่เป็นเหตุของบุตร
บุตรเป็นผลเกิดมาจากเหตุ คือพ่อแม่
ศีลนี้คือเหตุ เป็นแดนเกิดของธรรมะคือศีล

โอวาทธรรม หลวงปู่ชา








หลวงปู่ : ให้ทำใจเราเป็นเหมือนถังขยะ ระหว่างวันก็รับเอาความรู้สึกต่างๆ ทั้งดีและไม่ดีเข้ามาสู่ใจ พอหมดวันก็ให้เททิ้งไป

โยม : มันยากนะครับหลวงปู่

หลวงปู่ : พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นคนนะ ไปดูที่อินเดียสิ มีประวัติบันทึกไว้หมด ท่านก็ไม่ใช่เทวดามาจากไหน ท่านยังทำได้เลย...

ธรรมะคำสอน
หลวงปู่สงวน ยุตตธมฺโม
ปัจจุบันท่านพำนักอยูที่
วัดธุดงคนิมิต (เขาพุรางล่าง) ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี (อายุ ๙๒ ปี พรรษา ๗๒)
ศิษย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และหลวงปู่สาม อกิญจโน









…การเจริญวิปัสสนา
“ เพื่อให้เข้าใจ ให้เห็นไตรลักษณ์ “

.เห็นอนิจจังทุกขังอนัตตา
ในสภาวธรรมทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของเรา
หรือร่างกายของคนอื่น

.หรือนามขันธ์ที่อยู่ในจิต
ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
“ ก็เป็นไตรลักษณ์เหมือนกัน “.
……………………………………………..
จุลธรรมนำใจ 7 กัณฑ์ที่ 274
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2548
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








ธรรมสันโดษ คือความยินดีในสมบัติมากน้อยที่มีและอยู่ในความครอบครองของตน
นี่ก็เป็นความพอดีเหมาะสมอย่างยิ่งแล้วสำหรับมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลกกัน
คำว่าความยินดีในสมบัติที่มีอยู่ของตนนั้น แม้สมบัติจะมีมากกองเท่าภูเขา
ธรรมท่านก็ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ยินดีเพราะมากเกินไป
แต่ท่านห้ามไม่ให้ยินดีและเสาะแสวงสมบัติที่นอกไปจากของมีอยู่ของตัวต่างหาก
เช่น ไร่นา ที่ดิน สมบัติพัสถานของตนมีเท่าไร ก็ให้ยินดีเท่าที่มีเท่านั้น
ไม่ให้ไปเที่ยวยินดีในสมบัติของคนอื่น
ยิ่งเป็นเมียเขาด้วยแล้ว ถ้าไม่อยากหัวแบะอย่าไปแหยมเป็นอันขาด
แม้แต่ปู่เองยังจะเป็นเพชฌฆาตฆ่าคนได้โดยไม่คาดคิดมาก่อนจะว่ายังไง
ยังเหลือเพียงเส้นยาแดงเท่านั้นจะฟันคอคนให้ขาดสะบั้น
แล้วก็ตกนรกทั้งเป็นในตะราง ครั้งเขามาเป็นชู้กับเมียปู่น่ะ
จงทราบว่าไม่มีอะไรจะเด็ดขาดและเฉียบขาดเท่าใจคน
เมื่อถึงเหตุการณ์และเวลาอันเฉียบขาดแล้ว ปู่เคยประจักษ์กับตัวมาแล้ว

ฉะนั้น จงเชื่อธรรมสันโดษ ยินดีเฉพาะเมียผัวของตัวเท่านั้น
อย่าไปเยื่อใยใฝ่ใจกับเมียผัวของเขา ถ้าไม่อยากคอขาดและเป็นผีไม่มีเจ้าน่ะ
ปู่จะบอกชัดๆ อย่างนี้ให้หลานๆ พากันจดจำธรรมสันโดษกับความมักน้อยในหญิงชาย
ไปรักษาตัวและปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดด้วยธรรมสองข้อนี้ อย่าให้มันดิ้นได้เป็นอันขาด
ยิ่ง อปฺปิจฺฉตา ความมักน้อยด้วยแล้ว
ยิ่งเหมาะมากกับฆราวาสผู้โลเลในราคะตัณหา อิ่มไม่เป็น นำมาปฏิบัติ
ธรรมนี้ท่านให้ยินดีเฉพาะคู่ครองคือผัว-เมียของตนโดยเฉพาะเท่านั้น
ไม่ให้ยินดีใฝ่ใจกับชายอื่นหญิงอื่นเป็นอันขาด
ธรรมท่านช่วยรักษาหัว รักษาคอของเราให้คงทนไปด้วยกัน
ไม่ให้หัวกับคอพลัดพรากจากกัน ด้วยคมมีดคมขวาน
เพราะความมักมาก อยากไม่มีวันอิ่มพอ ทำลาย

ปกติมนุษย์หญิงชายในโลก มีหลายปาก หลายใจ ก็มีปากเดียว ใจดวงเดียวนั้นแล
แต่มันกินไม่เลือกราวกับมีร้อยปาก พันปาก อะไรๆ ก็จะกิน ก็จะกิน
อะไรๆ ก็จะเอา ก็จะเอา ไม่มีคำว่า ท้องเรามีท้องเดียว
ปากชนิดตัณหาถือบังเหียนกระตุกเชือกนี้ มันไม่คำนึงถึงท้องและเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
มีแต่จะกินให้สมอยาก ปากด่าให้สมกับความเคียดแค้นโมโหท่าเดียว
ใจก็มีใจเดียวนั่นแหละ แต่ความคิดความอยากมันผลักดันให้แตกแขนงออกไปเป็นหมื่นเป็นแสนใจ
จนไม่สามารถคัดเลือกได้ว่าความคิดนี้เป็นดี ความคิดนี้เป็นชั่ว
เพราะมันกลมกลืนกันจนมองหาตัวจริง ใจจริงไม่เจอโน่น
จึงต้องนำธรรมสองข้อคือ ความสันโดษ ยินดีในสิ่งที่มีอยู่ของตน
และความมักน้อยในอารมณ์แห่งราคะตัณหา มาปิดปาก ปิดใจ
ไม่ให้มันดิ้นรนขนทุกข์มาเผาตนและครอบครัว เพราะไฟตัณหานี้ร้อนมากยิ่งกว่าไฟอื่นใด
ร้อนเข้าถึงตับถึงปอดถึงขั้วหัวใจ เครื่องในพังทลายเพราะมันนี้ไม่อาจสงสัย

หลานๆ จงจำไว้ให้ถึงใจ ปฏิบัติให้ถึงความจริงของธรรมสองข้อนี้
จะพากันอยู่ด้วยความสงบสุขเย็นใจทั้งครอบครัวผัว-เมีย ลูกเล็กเด็กแดง สถานที่อยู่
สมบัติ เงินทอง สิ่งของใช้สอย จะเย็นไปตามๆ พ่อบ้านแม่เรือนที่เป็นคนดีมีธรรมประดับใจ

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู








บุคคลเรานั้น ถ้าแม้ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ประตูนรกยังเปิดรออยู่เสมอ อย่านึกว่าตัวเองแน่ เพราะเราไม่แน่ไปกว่านรกได้

วันนี้เราเป็นคนนั่งอยู่ในวัด วันหน้าอาจต้องมาเป็นเปรตอยู่ตามกำแพงวัด เป็นแมว เป็นหมาขี้เรื้อนอยู่ตามศาลาวัด ตราบใดที่ภูมิจิตภูมิธรรมยังไม่ถึงพระโสดาบัน อย่าเพิ่งทะนงตนว่าตัวเองจะรอด...

พระเทพมงคลวชิรมุนี
(หลวงปู่หา สุภโร)










"สุขก็ตามทุกข์ก็ตาม ยากลำบากขนาดไหนก็ตาม ให้เอาธรรมเข้าสู้ สัตวโลกเกิดมาต้องมีทุกข์ด้วยกันทุกคน เราก็มีเขาก็มี จะหลีกมันไปไหน เมื่อมีอยู่กับตัวให้แก้ไขดัดแปลงไป เช่น โรคเกิดกับกายของเรา ยาก็ต้องมาด้วยกัน มาแก้กันตามสัดตามส่วนของมัน เราจะค่อยเบาบางหายจากโรคจากภัยก็มี พอบรรเทาอยู่ได้ก็มี เมื่อโรคมียารักษา มีหมอรักษา นี่โรคของเรา โรคอันนี้เป็นโรคกิเลส โรคเรื้อรัง โรคตายเกิดไม่มีวันจืดจาง ต้องเอายาคือธรรมโอสถเข้ามาแก้มาช่วยหนุนทางด้านจิตใจ

ให้เป็นผู้มีศรัทธาความเชื่อความเลื่อมใสตามหลักความจริง คือศาสนาของพระพุทธเจ้า แล้วให้ดำเนินตามนั้น การปฏิบัติตนก็เหมือนกัน ท่านห้ามตรงไหนอย่าฝืนท่าน ให้ต่างคนต่างพยายามฝืนกิเลส คือกิเลสมันชอบจูงไปทางความชั่ว ทางความดีมันฝืน นี่แหละมันขัดขวางไว้ เราสู้กับกิเลสอันนี้ที่ว่าเราได้รับความทุกข์ คือต่อสู้กับกิเลส มันกีดมันขวาง ผ่านมันไปได้ก็เป็นความดีของเรา"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑(เช้า)











"เพชรในหิน"

" .. "ใจของเรานี้มันดุจเพชรอยู่ในหินนั่นเอง" กิเลสเป็นหิน เป็นของเศร้าหมองถมทับซึมซาบ หมักดองอยู่ในใจของเรา มิให้ส่องแสงสว่าง มิให้เกิดปัญญา มิให้ใจของเราขาวสะอาด "เพราะเหตุกิเลสเหล่านี้ มันเป็นเสมือนกาฝากหุ้มห่อจิตใจของเราให้มืดให้เศร้าหมอง"

ถ้าหากเรา "เอาสติ เอาปัญญาเข้าไปตั้งไว้ที่ใจ" ขัดเกลาใจของตนออกจากกิเลส ขัดเกลากิเลสออกจากใจของตนอยู่ "เราก็จะเห็นเพชรในหิน" คือใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ "ใจที่จะใสสะอาดบริสุทธิ์นั้น ก็ต้องอาศัยสติปัญญาเป็นเครื่องขัดเกลาเหล่าอกุศลมลทิน" คือความโลภ ความโกรธ ความหลง มานะ ทิฏฐิ ออกไปจากใจของตนให้หมดสิ้น ใจของเราจึงจะขาวสะอาดเป็นเพชรได้

"เมื่อใจขาวสะอาดแล้ว" เราก็มีแต่ความสุขเท่านั้นเอง ท่านจึงแสดงอานิสงส์แห่งใจที่บริสุทธิ์นั้นว่า "จิตฺเต อสงฺกลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา" เมื่อจิตไม่เศร้าหมองเป็นจิตที่บริสุทธิ์ผ่องใสหมดจด "สุคติของท่านเองเป็นอันหวังได้" ดังนี้ .."

"สมาธิในอริยมรรค"
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 79 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร