วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2021, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ปัญญารู้อะไร
ปัญญาดับอวิชชา
คำว่าปัญญาคือชื่อเจตสิก1
ที่ปรุงแต่งจิตตอนกำลังฟังคำสอนเข่าใจถูกตามได้
เพื่อดับอวิชชาที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เองที่ไม่รู้ว่ากิเลสเกิดแล้ว
หลังจิตเห็นดับไปเพียง3ขณะขณะถัดไปอาสาวะกิเลสในจิตตนไหลเป็นห่าฝน
เพราะว่าจิตเกิดดับเร็วเดี๋ยวนี้ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับจิตถึงแสนโกฏิขณะ=ล้านล้านดวงจิตแล้ว
ดังนั้นเห็นที่กำลังเห็นนี่แหละกิเลสเกิดแล้วเพราะกำลังมีเห็นเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วนไม่รู้เลยว่าอวิชชาเกิดแล้ว
ชั่วพริบตาเดียวกิเลสไหลไปตามความคิดตัวตนแสนโกฏิขณะไม่รู้เลยว่าขณะที่3หลังเห็นดับคืออันไหน
เพราะเดี๋ยวนี้มีจิตครบ6ทางที่เกิดดับสลับกันเร็วเท่ากะพริบตาในมืดนิดนึงนั้นดับจิตถึงล้านล้านดวงจิตแล้ว
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อปรุงแต่งคิดตามคำสอนเพื่อรู้จักลักษณะที่กำลังปรากฏว่ามี
https://youtu.be/f1LqxJ6IqS8
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2021, 05:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญามี ๒ อย่าง คือ
๑. ปัญญาในโลกียะ เรียกว่าปัญญาที่เป็นไปด้วยสาสวะ
มีการทำกุศลคือ การให้ทาน รักษาศีลบ้าง
ปัญญาในการทำฌานให้เป็นไปบ้าง ทียังความเพลิดเพลินพวพันติดอยู่กับโลก

๒.ปัญญาในโลกุตตร เรียกว่า ปัญญาที่เป็นไปด้วยอนาสวะ เป็นปัญญา
ที่สามารถทำลายกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ สามารถยกระดับจากปุถุชนให้ก้าวเข้าสู่พระอริยะได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2021, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ปัญญามี ๒ อย่าง คือ
๑. ปัญญาในโลกียะ เรียกว่าปัญญาที่เป็นไปด้วยสาสวะ
มีการทำกุศลคือ การให้ทาน รักษาศีลบ้าง
ปัญญาในการทำฌานให้เป็นไปบ้าง ทียังความเพลิดเพลินพวพันติดอยู่กับโลก

๒.ปัญญาในโลกุตตร เรียกว่า ปัญญาที่เป็นไปด้วยอนาสวะ เป็นปัญญา
ที่สามารถทำลายกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ สามารถยกระดับจากปุถุชนให้ก้าวเข้าสู่พระอริยะได้

tongue
ปัญญาจะเกิดได้เป็นวิธิการแบบเดียวกับการขับรถยนต์ค่ะทำแบบเดิมทุกครั้ง
จะขับรถต้องสตาร์ทกุญแจรถเสียงเครื่องยนต์ติดอุ่นเครื่องแล้วเข้าเกียร์=สุตมยปัญญา
ขับเคลื่อนรถไปตลอดทางเสียงเครื่องยนต์ดีสิ่งแวดล้อมที่ขับผ่านไป=จินตามยปัญญา
ถึงจุดหมายปลายทางได้โดยปลอดภัยโดยรถไม่ติดๆดับๆถึงแล้วปิดกุญแจ=ภาวนามยปัญญา
จอดรถเงียบๆก็ไม่มาสนใจรถเลยแต่ไปทำอย่างอื่นคือยังไม่เริ่มฟังคำสอนก็คือไม่ทำปัญญาให้มีขึ้นตามลำดับ
ถ้าไม่คิดที่จะพึ่งการฟังคำสอนตามเป็นเจริงให้มีความคิดถูกตามได้ทีละน้อยก็เป็นตัวตนกิเลสอยากนิพพาน
ไม่ใช่วิธีคิดแยกโลกออกจากธรรมเพราะโลกในภาษาบาลีแปลว่าสิ่งที่เกิดดับและธรรมคือสิ่งที่มีจริงที่ตรัสรู้
สิ่งที่ตรัสรู้คือสิ่งที่มีจริงที่ดับไปหมดแล้วค่ะถ้าไม่ฟังคำสอนที่อธิบายไว้ก็เอาตัวตนอวิชชาไปนั่งเดาทำอะไร
แม้พระอรหันต์จะถึงนิพพานแล้วเมื่อมีคนมาถามและตอบไม่ได้ยังต้องไปฟังพระพุทธเจ้าตอบจึงเกิดปัญญา
แล้วเราเป็นใครจึงคิดเองไม่คิดฟังตราบใดที่อาสาวะกิเลสยังไม่ดับก็มีอาสาวะนอนในจิตไหลเป็นปกติ
:b12:
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร