วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 23:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2021, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...อย่าไปกังวลกับเปลือก พิธีกรรมต่างๆ
สร้างถาวรวัตถุต่างๆ ..ทำได้..

."แต่อย่าถือว่ามันเป็นเนื้อหนัง" ก็แล้วกัน
ทำไปตามความเหมาะสม ตามความจำเป็น

.
แต่เนื้อหนังจริงๆก็คือ...
"การเจริญสติ"

.เพื่อให้เกิดศีล สมาธิ ปัญญา
“เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง”.

..........................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 20/4/2561
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










“ความท้อแท้ใจ อะไรพวกนี้นะ
ถ้ามันเกิดขึ้น ก็แค่รู้ทันว่ามันท้อแท้
ไม่ปล่อยให้มันมาครอบงำใจเรานะ

เศร้าโศกร่ำไรรำพัน อะไรอย่างนี้
ท้อแท้โอดครวญ อะไรอย่างนี้
ไม่เอา ไม่ปล่อยให้มันครอบงำใจเรา

มันเกิดขึ้นก็แค่รู้ทัน มันก็ดับไป
เช่นเดียวกับอารมณ์อย่างอื่นนั่นแหละ”

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช









"เราไม่สามารถทำให้ผู้อื่น
เป็นดั่งใจเราได้

แต่เราสามารถปรับใจของเรา
ให้ยอมรับในตัวตน ที่เขาเป็นได้

อย่าไปติใคร ให้ติที่ตัวเราเอง"

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ







.

#ขอบเขตอารมณ์ของพระโสดาบัน

จะเห็นได้ว่าพระโสดาบันน่ะไม่พูดเลว
อย่าง นางวิสาขา ก็ดี
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็ดีไม่พูดเลว
แต่ยังโกรธนะ

อย่าลืมว่าพระโสดาบันยังมีความโกรธแต่ไม่ฆ่าใคร ไม่ละเมิดศีล

พระโสดาบันยังมีความรักในระหว่างเพศแต่ไม่นอกใจสามีภรรยา

พระโสดาบันยังมีความต้องการความร่ำรวยแต่ว่าไม่โกงใคร

พระโสดาบันยังมีความหลงในความสวยสดงดงามแต่ว่าไม่ลืมความตาย

แค่นี้เองไม่ยาก ไม่เห็นยากเลย ยากไหม
ไม่ยาก ฟังก็ไม่ยากปฏิบัติก็ไม่ยาก
แต่ได้ยาก ความจริงได้นี่มันไม่ยาก
แต่เรานึกว่ายาก เราก็ต้องมองดูตัวเองว่าก่อนจะหลับนึกว่าสังโยชน์ ๓ ประการวันนี้เราบกพร่องอะไรบ้าง

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จาก "ธัมมวิโมกข์" ฉบับที่ ๓๖๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ หน้า ๖๖ คัดลอกโดย คณะบุญสุประวีณ์










"..การให้ทานนี้มีหลายอย่าง
ทาน ให้คนธรรมดา ก็มีอานิสงส์อย่างหนึ่ง
ทาน ให้พระ ก็ได้อานิสงส์อย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่าพระไม่บริสุทธิ์
อานิสงส์เราก็ไม่เต็ม
ทานให้พระพุทธเจ้า เต็ม
ผลนะ … เต็ม
อย่างไหนจะรู้ว่า พระบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์
เราก็ไม่รู้แหละ ก็ให้ทานไป
แต่อานิสงส์ไม่เต็ม
เหมือนอย่างเราเทน้ำใส่กระต่า กระบุงนี้แหละ
เทลงไป มันก็ไม่เต็มสักที
เพราะว่าตามันห่าง มันก็ไม่เต็ม
เหมือนเราตักน้ำใส่ตุ่ม
ถ้าตุ่มมันรั่ว มันก็ไม่เต็ม
ถ้าตุ่มไม่รั่ว มันก็เต็มเร็ว
เหมือนกันการทานนี้
ทาน ให้ผู้บริสุทธิ์มันได้อานิสงส์เยอะ
แต่เราไม่รู้ ไม่รู้ก็ทานไป
อย่าขี้เกียจเรื่องทานนี้
ก็เพราะว่าเราไม่รู้ มันก็ได้นิดๆ หน่อยๆ
ก็นิดๆ หน่อยๆ ก็ตาม
การทานนี้ มันไม่เสียผลดอก
ทานอันไหน ก็ได้อันนั้นแหละ
เรื่องการให้ทานนี้..”

หลวงปู่ปั่น สมาหิโต









#การเลียนแบบจะทำให้ขันธ์วิบัติจนประมาณภพชาติไม่ได้

“...พระศรีอาริย์เกิดแล้วเห็นไหมล่ะ บ้ากันไหม นี่แหละเขาเรียกว่าจิตวิบัติขันธ์มันก็วิบัติไปด้วย การเลียนแบบตัวนี้จะทำให้ขันธ์วิบัติจนประมาณภพชาติไม่ได้ ถ้าเลียนแบบคนธรรมดาก็พอใช้ได้

เหมือนพระนางค่อมเห็นไหมล่ะ เลียนแบบพระปัจเจกพุทธเจ้าที่พระนางเป็นองค์หญิง พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาในพระราชวังบ่อยๆ พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นยังไงนาคนนั้นก็ถามคนนี้ก็ถามพระนาง พระนางก็เลยเลียนแบบเดินหลังค่อมๆ พระปัจเจกผู้เฒ่า กี่ภพกี่ชาติละขันธ์วิบัติไหมล่ะ จนบั้นปลายสุดท้ายเข้าสู่พระนิพพานทำให้ขันธ์ของเธอยังวิบัติอยู่แต่จิตนั้นหยุดวิบัติแล้ว

จิตมันก็วิบัติมาหลายภพหลายชาติขันธ์มันก็วิบัติมาหลายภพหลายชาติ แต่คุณงามความดีที่สร้างก็ส่งผลได้
แต่มันน่าทุเรศสิมันนานอักโข...กี่พุทธันดรล่ะ พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ล่ะกว่าขันธ์ที่จะปรับสภาพเป็นปรกติได้ และจิตที่จะปรับสภาพเป็นปกติได้ หรือไม่ปรับสภาพเลยเหมือนพระนางค่อม...”

พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
๑๓ มีนาคม ๒๕๖๔


















สมัยหนึ่งหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี ได้เดินทางไปขอเรียนพระกัมมัฏฐานจา่กองค์หลวงปู่มั่นใหม่ชึ่ีงตอนนั้นองค์หลวงปู่มั่นพักบำเพ็ญเพียร ที่ถ้ำดอกคำ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่...

ชึ่้งการให้คำชี้แนะ...องค์หลวงปู่มั่น..ให้พิจารณากาย ผมขนเล็บฟันอาการ 32 ให้เป็นอสุภะ...จะเห็นชัดหรือไม่เห็นชัด..ก็ให้พิจารณาอยู่ที่กาย...
....(องค์หลวงปู่เขียนใว้ในอัตตโนประวัติของท่านเอง..เพราะองค์ท่านหลงติดอยู่ในฌานถึง..12 ปี)..

องค์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ก็เคยเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปขอคำชี้แนะในการภาวนา..ซึ่งคำชี้แนะ...ก็ให้เน้นพิจารณากายให้เป็นอสุภะ...

ในคำสอนหลวงปู่มั่น..ที่จดบันทึกโดยพระอาจารย์ทองคำ จารุวัณโณ..

องค์ท่านหลวงปู่มั่นเล่าประสบการณ์ ของท่านว่า...วันหนึ่งได้เกิดอุคคหนิมิต(ภาพติดตา)ในสมาธิ..ว่าตัวท่านเป็นศพมานอนตายอยู่ตรงหน้า ท่านก็เลยน้อมเอาอุคคหนิมิตนั้นมาพิจารณาทำให้เป็นปฏิภาคนิมิต(คือทำให้เยอะทำให้มาก)..คือทำศพให้เยอะขึ้น..จนเต็มวัดพิจารณาจนร่างกายเปลื่อยเน่า...สุดท้ายก็เหลือแต่กระดูก...เกลื่อนวัด.

(อันนี้ปรากฏตามหนังสือปกิณกะธรรม ที่บันทึกโดยหลวงปู่ทองคำ จารุวัณโณ)

เมื่ออุคคหนิมิตปรากฏขึ้นแล้วก็นำเอาอุคคหนิมิตนั้นแหละ..มาพิจารณาซ้ำๆทำบ่อยๆ..ทำให้ชำนาญ...

.(ปรากฏในหนังสือมุตโตทัย ที่บันทึกโดย หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร)

วิธีพิจารณากายให้เกิดอภิญญา แบบฉบับหลวงปู่มั่น

อันนี้มีปรากฏในประวัติหลวงปู่พรหม ลูกศิษย์รุ่นใหญ่ของท่าน

ตามประวัติกล่าวว่า....ครั้งหนึ่งหลวงปู่มั่น ได้กล่าวเตือนหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ว่า

ท่านพรหมอย่าเร่งรีบพิจารณากายให้พิจารณากายให้ละเอียด..เดี๋ยวอภิญญาไม่เกิด...
ท่านหลวงปู่พรหมกล่าวตอบว่า..อภิญญาไม่เกิดก็ไม่เป็นไร..ขอรับ...ขอให้หมดกิเลสก็พอ

(จากหนังสือพระอรหันต์แห่งบ้านดงเย็น)

การทำให้มาก..พิจารณากายให้มากอะไรจะเกิดขึ้น?

องค์หลวงปู่มั่นท่านกล่าวไว้ว่า...รอจิตรวมใหญ่....พอจิตรวมลงพับเดียว...จะปรากฏพร้อมๆกับนิมิตว่าโลกทั้งโลก..ราบเป็นหน้ากอง..ไม่มีต้นไม้..ภูเขา...แม้แต่ตัวเราก็ยังล้มราบ....

ถ้าทำได้เช่นนี้ยังไม่ใช่ที่สุดให้ทำบ่อยๆ.(หนังสือมุตโตทัย)

ซึ่งท่านผู้ยืนยันในผลของการปฏิบัติ..มีหลายท่าน...

ที่เกล้าฯอ่านพบมี หลวงปู่หลุย จันทสาโร ,หลวงปู่ขาว อานาลโย และหลวงพ่อชา สุภัทโท

(ปรากฏในประวัติหลวงปู่หลุย จันทสาโร....หนังสือ อนาลโยวาท..บทเทศน์ของหลวงปู่ขาว อนารโย และหนังสือกุญแจภาวนาของหลวงพ่อชา สุภัทโท...)

องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท ท่านได้เมตตาเล่าไว้อย่างน่าฟังว่า...

มีวันหนึ่งมันแปลกกว่าทุกวัน...คือแปลกมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว...คือจิตมันสงบ...
อยากได้ยินเสียงของคนในหมู่บ้าน...ถ้าอยากได้ยิน..ก็ได้ยิน..ถ้าไม่อยากได้ยิน..ก็ไม่ได้ยิน....
ท่านกล่าวว่า..ท่านกำลังจะนอนตะแคง..กำลังคู่ขาเข้าจิตก็น้อม..เข้าไปข้างใน..คล้ายๆเอามือไปแตะสวิทช์ไฟ..จิตก็น้อมเข้าไปลึก.เกินที่จะประมาณ..ท่านก็เพียงแต่ดูเฉยๆ..จิตเข้าไปสงบอยู่สักพัก...จิตก็ถอยออกมา........ได้ขณะหนึ่ง...จิตก็น้อมเข้าไปครั้งที่สองเข้าไปลึกและเก่งกว่าครั้งแรก...เข้าไปสงบและก็ถอยออกมา......

พอจิตน้อมเข้าไปครั้งที่สาม...ปรากฏว่าร่างกายได้ระเบิด..แตกละเอียด...โลกธาตุราบเป็นหน้ากอง.....องค์ท่านกล่าวว่าสมาธิระดับนี้..จึงจะสามารถยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาได้...จะอฐิษฐานให้เป็นฤทธิ์หรืออะไรก็ใช้สมาธิระดับนี้....(จากหนังสือกุญแจภาวนา หลวงพ่อชา )

ในการพิจารณาจิต.....องค์หลวงปู่มั่น..ท่านกล่าวกับหลวงปู่ขาว..ว่าในการปฏิบัติธรรมอย่ามองข้ามใจ เพราะกิเลสเกิดขึ้นที่ใจ..ถ้าจะดับก็ดับที่ใจ.อยากจะรู้อะไรให้ค้นหาได้ที่ใจ

.(.ปรากฏในประวัติหลวงปู่ขาวที่เรียบเรียงโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด)

ในการพิจารณาจิตให้พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...คืิออะไรจะมากระทบทั้งสุขและทุกข์ ให้พิจารณาว่า...มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้

(จากหนังสือกุญแจภาวนา หลวงพ่อชา สุภัทโทและหนังสือ ตัดกระแส ของหลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ(พระอรหันต์แห่งตำบลเขือน้ำ) กล่าวไว้แนวเดียวกัน)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร