วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2021, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกนี้จะสับสนเพราะคนมุ่งรบ
โลกนี้จะสงบเพราะคนเคารพธรรม
ศาสนาจะรุ่งเรืองเพราะมีพระแท้
ศาสนาจะแย่เพราะมีพระปลอม

พระพรหมวชิรโสภณ
(หลวงปู่ศรีจันทร์ ปญฺญรโต)
วัดบึงพระลานชัย จังหวัดร้อยเอ็ด









#ปฏิบัติไปอย่ากลัวตาย_ไม่อย่างนั้นเราต้องมาตายซ้ำๆซากๆอีก

พวกเรานี่หนังสือตำรับตำราครูบาอาจารย์ดูหมด แต่ไม่สนใจปฏิบัติ เราปฏิบัติอยู่แต่นอก ๆ เอาไปมอบไว้กับพระพุทธเจ้าครูบาอาจารย์ ของไม่ได้บกพร่องที่ไหน มันบกพร่องที่ใจของเราที่ไม่ได้สนใจจะปฏิบัติ เพราะฉะนั้นคนสมัยนี้จึงไม่ค่อยถึงมรรคถึงผล หัวใจคนมันเสื่อม ศาสนาไม่ได้เสื่อม

เราถือศาสนากันแบบลม ๆ แล้ง ๆ ถือไม่จริงไม่จัง ถือกันเล่น ๆ เห็นศาสนาเป็นของเล่น พอจะพูดกันได้แต่กับคนปฏิบัติ คนไม่ปฏิบัติหิ้วแต่ปิ่นโตไปวัด หิ้วแต่สังฆทาน ก็ไม่มีโอกาสจะเข้าถึงศาสนา จึงขอเตือนว่า พวกเรามาอยู่ในขั้นหนึ่งแล้ว เพียงแต่ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ อย่ามีแค่อยากพ้นทุกข์เฉย ๆแต่ปฏิบัตินิด ๆ หน่อย ๆ เหตุมันไม่สมผลเลย

ความรู้สึกของเรามันเป็นความรู้สึกของกิเลส ถ้าเราตามใจกิเลส ทำตามความรู้สึกเจ้าของ นั่นแหละคือทำตามกิเลส เพราะกิเลสกับเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะเขี่ยกิเลสออก เราจะแก้กิเลสได้ เราต้องทำให้เหนือ เคยนั่งภาวนา ๒ ชั่วโมง ก็ต้องนั่งให้ได้ ๓ ชั่วโมง ให้มันเหนือความรู้สึกเจ้าของ มันจึงจะเป็น "ธรรม" ขึ้นมา

ถ้าเราจะนั่งปฏิบัติแบบที่เราเคยนั่งมาแบบไหนก็ทำแบบนั้น มันก็อยู่ที่เก่าที่เดิม ใจมันไม่ถูกเปลี่ยน เมื่อมันไม่ถูกเปลี่ยน จะถึงอรรถถึงธรรมได้ยังไง ความเพียรไม่ถึง อย่างบางคนนั่งภาวนา ๓๐ นาที มันก็อยู่แค่ ๓๐ นาที เท่านั้นล่ะ ให้มันฝืนขึ้นไปเรื่อย ๆ อันไหนที่กิเลสชอบ ธรรมไม่ชอบ ที่ธรรมชอบ กิเลสไม่ชอบ อย่างนี้จึงจะเป็น "ธรรม"

เพราะใจเรายังไม่เป็นอรรถเป็นธรรม เราจะเชื่อใจเราไม่ได้ คนไหนเชื่อเจ้าของเท่ากับเชื่อกิเลส คนไหนฝืนความรู้สึก ถ้ากิเลสไม่ชอบนั่งสมาธิเราต้องนั่ง ให้มันฝืนไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ฝืนก็จะจมอยู่อย่างนี้ ถ้าปฏิบัติกิเลสไม่สะเทือน จะให้มันออกจากใจมันก็ไม่ออก เพราะฉะนั้น คนที่จะปฏิบัติจนออกจากวงล้อมนี้ไปได้ ต้องเหมือนกับคนกัดเพชรขาด เราจึงจะเข้าใจวิธีการแก้กิเลส ถ้าไม่อย่างนั้น ก็อยู่ในวงล้อมกิเลส มันไสหัวให้ปฏิบัติ เราก็ปฏิบัติ มันให้เลิกนั่งเราก็เลิก ถ้าอย่างนี้มันก็ติดอยู่ในวงล้อมของกิเลส ให้กิเลสเป็นตัวบ่งชี้ เราปฏิบัติมาได้เท่าไร กี่วันกี่เดือนกี่ปีก็เท่าเดิม

เราไปอ่านประวัติครูบาอาจารย์ดูสิ ข้างนอกแม้กิริยาอาการของท่านจะเรียบร้อย แต่ภายในท่านเข้มแข็ง ไม่เข้มแข็งเอากิเลสไม่อยู่ เด็ดกิเลสไม่ขาด สิ่งไหนที่เราแพ้มันง่าย ๆ หลงกลมันได้เร็วที่สุด มันก็เอาอันนั้นล่ะมาล่อ เอ้า พอละนะ เดี๋ยวจะตายละนะ เอาสิ่งนี้มาล่อ ปฏิบัติไปอย่ากลัวตาย ไม่อย่างนั้นเราต้องมาตายซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีก ผู้ไม่กลัวตาย จะไม่กลับมาตายอีก เพราะเอาความตายออกจากใจไปแล้ว ผู้ปฏิบัติที่เอาทุกข์ออกจากใจแล้วก็จะไม่กลับมาทุกข์อีก

พระอาจารย์โสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๙








#การพิจารณากาย

“การพิจารณากาย ให้พิจารณาลงไปในความเป็นปฏิกูลของกายนี้ ปฏิกูลมันมีอยู่ทั่วไปหมดนับตั้งแต่กายของเรานี้ออกไปทั้งหมดเลย ไม่ว่าเขาหรือเราก็ล้วนมีแต่ความเป็นปฏิกูล เรือนกายไหนก็เหมือนกันหมด เพียงแค่หนังบาง ๆ ห่อหุ้มหลอกคนเอาไว้ ถ้าเรามีปัญญาก็จะไม่มีอะไรมาหลอกเราได้ ร่างกายนี้จะตกแต่งให้สวยงามเลิศเลอแค่ไหนก็ตามมันก็ห่อหุ้มอสุภะไว้ ห่อหุ้มความเป็นปฏิกูลโสโครกไว้ ห่อหุ้มซากศพไว้ มีแค่หนังบาง ๆ ห่อหุ้มไว้ ที่เราไม่เห็นเพราะเราไม่ได้พิจารณาให้เห็นแจ้งรู้จริง เรามองเห็นเพียงแค่หนังที่มันห่อหุ้มอยู่ แล้วก็เกิดเป็นความชื่นชมยินดีพอใจ จากนั้นก็เกิดความยึดมั่นถือมั่น

ดังนั้น เราจึงต้องใช้ปัญญาไปคุ้ยเขี่ยมัน เพื่อให้เห็นตามสภาพความเป็นจริงของมัน แยกแต่ละส่วนในร่างกายออกไปเลย ให้มันแตกกระจายออกไป
ส่วนที่มันเป็นความอบอุ่นความร้อนที่ใช้แผดเผาอาหารที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเราทั้งภายนอกและภายใน เราก็แยกออกมาได้เป็นธาตุไฟ
สิ่งที่เป็นลมพัดเข้าพัดออกอยู่ในช่องว่างต่าง ๆ ทั้งหลายในเรือนกายนี้ เราก็แยกได้ออกมาได้เป็นธาตุลม
ส่วนที่มันเป็นของเหลวที่อาบอยู่ในทั่วร่างกายทั้งข้างนอกและข้างใน มีน้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำเหงื่อเป็นต้น อันนี้ก็แยกออกมาเป็นธาตุน้ำ
ส่วนที่เป็นของแข็งเป็นก้อนเป็นกองเช่นกองกระดูกเป็นต้น เราก็แยกออกมาเป็นธาตุดิน
รวมแล้วธาตุสี่ ดินน้ำลมไฟมันมาประชุมรวมกันด้วยเหตุด้วยปัจจัยของมันเอง ก่อเกิดมาเป็นก้อนกายขึ้น แล้วจิตคือธาตุรู้ก็มาอาศัยเขาอยู่ พอมาอาศัยเขาอยู่ ก็เกิดเป็นอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นยึดว่าเป็นตัวกู ตัวกูนี่แหละเป็นสมมุติ

สิ่งเหล่านี้เราอยู่กับมันแล้วก็ไปหลงมัวเมามัน ก็เพราะเราไม่รู้จักคิดพิจารณาคลี่คลายมัน สมมุติมีมากเท่าไหร่ก็ไปหลงยึดมากเท่านั้น พอมันไม่เป็นไปตามสมมุติก็ต่อต้าน แล้วก็เกิดเป็นความทุกข์ขึ้นมา หลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่ท่านทรงสอนไว้ก็เพื่อให้เราเข้าไปถึงหลักความจริง ให้พากันพิจารณาลงไปแยกแยะลงไปในกายนี้ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมของพวกเรามันจะต้องรื้อ คือรื้อถอนสิ่งที่มันครอบงำจิตใจของเราออกไป เมื่อจิตใจของเราหลุดออกมาจากสิ่งที่มันครอบงำได้แล้ว มันจะรู้ชัดแจ่มแจ้งทุกสิ่งทุกอย่าง พระพุทธเจ้าท่านจึงเปรียบเทียบเหมือนการหงายภาชนะที่คว่ำอยู่ขึ้นมา มีอะไรอยู่ข้างในมันก็เห็นชัดเจนหมด เหมือนกับจุดประทีปขึ้นมาในที่มืด พอไฟมันสว่างขึ้นมาทีนี้มีอะไรอยู่เราก็เห็นชัดเจนหมด

อันนี้ก็เช่นกัน เรารื้อโมหะความลุ่มหลงออกไป ความจริงทั้งหลายก็เปิดเผยต่อปัญญาของเรา มันก็เห็นชัดเจนตามสภาพความเป็นจริงของมัน อวิชชาความไม่รู้มันก็อยู่ไม่ได้ เพราะด้วยอำนาจของวิชชาความรู้แจ้งที่มันเกิดขึ้นมา พออวิชชามันอยู่ไม่ได้หลุดออกไป จิตมันดีดตัวหลุดออกมาเป็นอิสระเลย แต่ก่อนจิตมันถูกกิเลสพันธนาการไว้จนดิ้นออกมาไม่ได้ พอรื้ออวิชชาพังทลายออกไปจากการครอบงำจิตดวงนี้เท่านั้น จิตดีดตัวออกมาเป็นอิสระเลย บริสุทธิ์หลุดพ้นจากทุกสิ่งทุกประการ นี่แหละเป็นจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติธรรม จุดหมายนี้ไม่ได้อยู่ในบ้านในเมืองหรืออยู่ในป่าในเขาที่ไหน อยู่ในจิตอยู่ในหัวใจของพวกเรานี่แหละ ความพ้นจากสิ่งเหล่านี้ก็คือจิตดวงนี้นั่นแหละที่หลุดพ้น”

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
๑๕ มกราคม ๒๕๖๔








#หัวใจดวงนี้เหมือนเก้าอี้

ถ้ามีความชังนั่งอยู่
ความรัก-ความเมตตา
ก็เข้าไปนั่งไม่ได้

ถ้ามีความตระหนี่นั่งอยู่
ความละ-ความรวย
ก็เข้าไปไม่ได้เช่นเดียวกัน

"ยิ่งละยิ่งรวย"

โอวาทธรรม
หลวงปู่เสน ปัญญาธโร
วัดป่าหนองแซง อุดรธานี
เช้าวันจันทร์ที่12เมษายน พศ 2564








" มรณะ คือความตาย
เมื่อระลึกอยู่ในใจอย่างน้อย
ก็ให้ได้วันละ ๕ หนก็ยังดี

ระลึกถึงความตาย จะเป็น
การเหยียบเบรกห้ามล้อ
ไม่ให้มันดิ้นรนกวัดแกว่ง
เอาเสียจนเป็นกงจักร
เผาหัวใจเจ้าของตลอดเวลา "

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสมฺปนฺโน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร