วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2021, 06:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


" ทำสติให้ดี ระลึกให้มั่น ว่าจะไม่ทำชีวิตใดชอกช้ำด้วยฝีมือเราโดยเฉพาะชีวิตของเราเองด้วย และจงเชื่อเถิดว่า ทันทีที่มีความตั้งใจจริงด้วยความรู้สึกเป็นบุญ
คือด้วยเมตตาจริงใจทันทีทีเดียวที่จะเกิดผล แม้จะไม่อาจเห็นได้ด้วยสายตาสามัญชนเช่นเราท่านทั้งหลาย
แต่สายตาอันเป็นทิพย์ของผู้เป็นทิพย์ทั้งปวงย่อมรู้
ย่อมเห็น ย่อมอนุโมทนาการ และย่อมบันดาลผลดีตอบสนอง ควรแก่ความหนักแน่นจริงใจในการตั้งใจอธิษฐาน "
.
--- พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร









...ความจริง
มันไม่ทำให้ใครทุกข์

.ความทุกข์..มันเกิดจาก
“ใจที่ไม่ยอมรับความจริง”.
........................................
.
ธรรมะหน้ากุฎิ
8 / 11 / 2563
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








"...ความดีนั้น เราต้องทำอยู่เสมอ
ให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต
ให้เป็นมรรค คือทางดำเนินไปของจิต
มันจึงจะเห็นผล ของความดี

ไม่ใช่เวลาใกล้จะตาย จึงนิมนต์พระไปให้ศีล
ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีล
เช่นนี้ เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด

เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดอยู่กับเวทนา
ไฉนจะมาสนใจไยดีกับศีลได้

เว้นไว้แต่ ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้น จึงจะระลึกได้
เพราะตนเองเคยทำมา จนเป็นอารมณ์ของจิตแล้ว

แต่ส่วนมาก ใกล้ตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล..."

พระธรรมคำสอน "หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ"











"คนเรา เมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น
ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตา
ตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา
เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน
ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ
ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้
ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ
จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล"

หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ









#ให้พิจารณาตัวเอง

เกิดมาแล้วในโลกนี้ มันก็ถือวันคืน ถือเดือน ถือปี ถือชีวิต ถือภพ ถือชาติ นั่น คือมันหวงทุกข์ เกิดเป็นคนแต่ขวบปีก็รู้จักห่วง รู้จักยึด รู้จักกลัวนั่นกลัวนี่

คติโลก โมหคติ โทสคติ โลภคติ ภยคติ มันมีอยู่พร้อมแต่เริ่มเกิดเริ่มตาย จะมานับอะไรกับพวกเราลูกแม่ทั้งหลาย. ที่เป็นอยู่นี้ขณะนี้ สิ่งยึดถือมันมีมาก

#ไม่เชื่อแม่_ก็ให้ถามดูเถิดว่า
#หมู่เจ้าละขาดตัดทอนอะไรได้แล้วบ้าง

... แม้แต่หมู่เทพเทวดาทั้งหลาย ก็ยังมียึดมีถือในภพชาติกำเนิด เกิดตายอย่างพวกเรานี้อยู่

#ความอาลัยภพอาลัยชาตินี่เอง
#มันพาให้เกิดตาย_เป็นอยู่ในโลกทุกข์อันนี้ต่อไป

... ทุกข์ทั้งหลายมันตันหน้าตันตาตันใจนี้อยู่ก็ยังไม่เห็นทุกข์ คนผู้โง่ก็กระโดดเข้าหา ชอบพอชอบใจยินดีต่อทุกข์ เพราะเห็นทุกข์ว่าสุข

คนฉลาดก็ทำตัวอย่างม้าขาวตัวนั้น ภาษาธรรม ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า “อาชาไนย” คือ ให้เป็นคนผู้สมบูรณ์

... เป็นคนผู้สอนตัวเจ้าของได้ สอนตัวเจ้าของได้ แล้วจึงสอนคนอื่นตาม

#แม่เคยว่าไว้เสมอว่า
#ให้ดูเจ้าของให้ใส่โทษเจ้าของ

ให้พิจารณาเจ้าของ เอาเจ้าของให้ได้ อยากสอนคนอื่นผู้อื่นให้ได้ ต้องสอนตัวเองนี้ให้ได้เสียก่อน

... ดื้อก็เรา หยาบก็เรา มึนก็เรา โง่ก็เรา เป็นบ้าก็เรา อย่าฟ่าว อย่าด่วนไปว่าหาเรื่องแก่ผู้อื่น

#โง่ฉลาดก็ตัวเราคนเดียวนี้ลูกเอ๊ย

... ทุกข์ เป็นทุกข์ก็เพราะถือ ถือไว้แล้วก็ทุกข์เพราะเป็นผู้ถือเวร กะหาบบาป กะหิ้วโทษ กะใส่บ่า ทุกข์ก็กระเตงตาม

#ให้รู้ละรู้วางรู้ปล่อย
#ให้รู้จักตนเองได๋ลูกเอ๊ย ...”

โอวาทธรรมคำสอนของคุณย่าชีแก้ว เสียงล้ำ
คัดลอกจากหนังสือ “คุรุธรรมกับคำของแม่” ; หน้า ๒๑ ; จัดทำโดย คณะศิษยานุศิษย์ – ครูบาแจ๋ว ธมฺมธโร ; พิมพ์ครั้งที่ ๑ ; ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๙
กราบขออนุญาตพิมพ์เผยแผ่เป็นธรรมทาน กราบขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ครับ...สาธุ













#ไม่ควรประมาทเพลิดเพลินในชีวิต

อนิมิตฺมนญฺญาตํ มจฺจานํ อิธ ชีวิตํ—-ความว่า..ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ หานิมิตเครื่องหมายมิได้

กสิรญฺจ ปรฺตญฺจ ตญฺจ ทุกฺเขน สํยุตํ—-เป็นของย่อหย่อนคลอนแคลนอยู่ด้วย เป็นของมีประมาณน้อยอยู่ด้วย. เมื่อเป็นกระนั้น ยังต้องระคนปนอยู่ด้วยทุกข์เสียอีก

เมื่อเห็นความข้อนี้ชัดใจแล้ว ไม่ควรประมาท ไม่ควรเพลิดเพลินนักต่อความสุขในโลกอันมีประมาณน้อย

#ทางที่จักเดินต่อไปในสังสารวัฏยืดยาวคราวไกลนัก

ควรจะเร่งรีบบำเพ็ญบารมีธรรมให้เต็มเสียในชาตินี้. ตัดทางข้างหน้าอันเป็นทางกันดารให้สั้นเข้ามา

#ถ้าได้สำเร็จโลกุตรธรรมชั้นต่ำ

เพียงภูมิพระโสดา. อย่างช้าก็ยังจะท่องเที่ยวอยู่อีกเพียง ๗ ชาติ. ก็นับว่าร่นหนทางให้สั้นเข้ามาได้ถนัดใจ น่ายินดีมิใช่น้อย.

#ถ้าได้สำเร็จพระสกิทาคา ก็ยังอีกชาติเดียว

#ถ้าได้สำเร็จพระอนาคา ก็ไม่ต้องมาเกิดในกามโลกอีก. จุติจากอัตภาพนี้แล้วไปบังเกิดในสุทธาวาสพรหมโลก สำเร็จพระนิพพานทีเดียว

#ถ้าได้สำเร็จพระอรหันต์เสียในชาตินี้ ก็ถึงพระนิพพานทีเดียว สิ้นภพสิ้นชาติ เสวยนิรามิสสุขเป็นบรมสุขอย่างเกินโลก. จะหาความสุขในโลกแต่สิ่งเดียวมาเปรียบก็ไม่ได้

#จึงเป็นที่ปรารถนาของนักปราชญ์
#ผู้ฉลาดด้วยปัญญา.

ด้วยท่านที่เป็นนักปราชญ์เห็นโทษทุกข์ภัยในวัฏฏสงสารชัดใจ แลเห็นความสุขแห่งพระนิพพานชัดใจแล้ว

ท่านมิได้อาลัยต่อร่างกายและชีวิต สู้ทรมานตนบำเพ็ญบารมีธรรมให้เต็ม. ถ้าบารมีทั้งสิบประการเต็มเมื่อไรก็ได้สำเร็จเมื่อนั้น.

ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์
(สิริจันโท จันทร์)










" จิตที่เป็นกลาง
ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่รักไม่ชัง
ไม่ดีใจไม่เสียใจ
ไม่มีความพอใจ
และไม่มีความไม่พอใจ

จิตเป็นกลางๆ เรียกว่า
อัพยากฤต หรือ
อัพยากตาธรรม ที่เรียกว่า
นิพพานธรรม นั่นเอง

นิพพานธรรมนี้ มี "อุเบกขา"
พร้อมปัญญา รู้ว่าอะไรเป็น
อะไร ควรจะทำหรือไม่ทำ
อะไร จึงจะถูกต้องเหมาะสม
กับสถานการณ์นั้นๆ

(ใครไม่รู้จักจิตเป็นกลาง
ก็ลองดำน้ำดู ตอนดำน้ำ
นั่นแหละจิตเป็นกลาง)

เมื่อจิตปรุงแต่งผัสสะนั้นๆ
จะเกิดทำให้จิตใจ
ไม่เป็นกลาง เอนเอียงไป
ทางใดทางหนึ่ง

เกิดความพอใจ ไม่พอใจ
สุข ทุกข์ รัก ชัง เกิดความ
เดือดร้อนวุ่นวายแก่ตนเอง
หรือผู้อื่นได้ "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อเกษม เขมโก


















[*]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร