วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2021, 06:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...กายนั่งสมาธิ เดินจงกรม
แต่..”ใจไม่ได้ภาวนา “
ยังคิดเรื่อยเปื่อย

..จึงต้อง
“ตัดความคิดเรื่อยเปื่อยให้ได้ “

.ให้อยู่กับพุทโธๆ
หรือจะพิจารณาอาการ ๓๒
ของร่างกายแทนก็ได้
มีสติอยู่กับ การเคลื่อนไหว
ของร่างกายก็ได้

.เวลาเดินก็รู้ว่ากำลังเดิน
ก้าวเท้าก็รู้ว่ากำลังก้าว
ก้าวซ้ายก็รู้ว่าซ้าย
ก้าวขวาก็รู้ว่าขวา

..ให้รู้เท่านี้ก็พอ

“ให้อยู่ในปัจจุบัน
อยู่ที่นี่..เดี๋ยวนี้ “.
........................................
จุลธรรมนำใจ9 กัณฑ์338
ธรรมะบนเขา 27/6/2550
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี











#ทำใจเหมือนเรือให้อยู่เหนือน้ำ

"การบำเพ็ญจิตตภาวนาอย่ามุ่งแต่ให้ใจสงบ อย่าไปพอใจให้ใจสงบอย่างเดียว ถ้าหากว่าพอใจก็ให้พอใจในการกระทำให้มาก กระทำให้มากเท่าไรยิ่งอันนั้นคือความถูกต้อง ถ้าหากว่าไปพอใจแต่ความสงบอย่างเดียว พอใจแต่ความสงบอย่างเดียว เราได้สิ่งที่ไม่ชอบใจเพราะใจของเรานี่จะสงบตลอด ตลอดกาลไปไม่มี

มันเหมือนกับการเดินทางอย่างนี้ จะเดินทางไปไม่ให้มีแดด เดินไปไม่ให้มีฝน นี่เป็นไปไม่ได้ มันจะต้องเจอแดดมั่ง เจอฝนมั่ง เหมือนกับการลงเรือไปในลำน้ำอย่างนี้ จะให้ทะเลมันเรียบอย่างที่เราต้องการ เป็นไปไม่ได้ มันจะต้องมีคลื่นมีลม มีคลื่นมีลมของเขาอย่างนั้น บางทีคลื่นลมก็มาก สูงใหญ่มากๆ บางทีคลื่นลมก็น้อย บางทีทะเลก็เรียบ นี่ใจของเราทำเหมือนเรือ คลื่นจะเรียบเราก็อยู่เหนือน้ำ คลื่นจะน้อยคลื่นจะใหญ่ เราก็อยู่เหนือคลื่นเหนือน้ำนั้น อย่าหยุดพอใจแต่ความสงบน้ำนิ่ง เวลาน้ำไม่นิ่งนั่นล่ะเราจะโดนคลื่น เราจะต้องโดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงพอใจในการอยู่เหนือน้ำอยู่เสมอ เหนือความสงบ แล้วความไม่สงบมาเราก็อยู่เหนือ ความไม่สงบเกิดขึ้น เราอย่าไปติด เมื่อเราไม่ติดแล้วเราจะไปเดือดร้อนไปเป็นทุกข์เพราะความไม่สงบของใจได้ยังไง

คำว่า สังขารต้องเป็นสังขาร พระพุทธเจ้าท่านไม่กำหนดแต่งสังขาร ไม่เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าท่านให้รู้สังขาร คำว่าแต่งสังขารก็หมายความว่า ทะเลไม่มีคลื่น.เป็นไปไม่ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่สามารถไปแต่งทะเลให้เรียบได้ เพียงแต่ให้รู้ทะเล ให้รู้สังขารเท่านั้น พอใจในความสงบก็จะเจอในสิ่งที่ไม่พอใจ สงบไม่สงบไม่สน..ทำให้ยิ่งอยู่เสมอ แล้วไมได้ทำเพื่ออะไร เราทำเพื่อละทำเพื่อปล่อยวาง ทำเพื่อสลัดทิ้ง ดีก็ไม่เอา จะเอาทำไม เอาแล้วหนักทั้งนั้นเป็นภาระทั้งนั้น.. "

#หลวงปู่แบน_ธนากโร_วัดดอยธรรมเจดีย์
อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
#ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
[ วิธีฝึกจิตให้มีกำลัง ๒๑ กย. ๔๒ ]










"ทุกข์...อยู่ที่หัวใจ
ใครจะขึ้นบนฟ้าบนอากาศที่ไหน
กิเลสมันอยู่บนหัวใจ
ไปอยู่บนฟ้ามันก็เป็นทุกข์อยู่บนฟ้า
ไปที่ไหนมันก็เป็นทุกข์อยู่
เพราะจิตใจถูกกิเลสบีบบี้สีไฟอยู่ทุกแห่งทุกหน

.....ตำบล หมู่บ้าน
สัตว์โลกอยู่ที่ไหน
จึงมีความเดือดร้อนอยู่ที่นั่นๆ
เราจะเอาเงินหมื่น เงินแสน เงินล้าน เป็นกี่ล้านๆ
ตึกรามบ้านช่อง กี่ห้องกี่หับ กี่ชั้น

..เข้ามาล้างก็ไม่ลบ
ล้างเท่าไรก็ไม่สะอาด
ถ้าไม่เอาศีลเอาธรรม เอาสติธรรม
ปัญญาธรรม เข้าไปลบล้าง"

ที่มา. หนังสือ ๗๗ คำสอนประกาศิต "หลวงตามหาบัว"
บนหนทางแห่งการสิ้นทุกข์ ๗๗ พรรษา










´ท่านพ่อลี ´ ส-อ-น ว่า

กำลังจิต..เปรียบหมือน
กำลังของ..ใบพัดที่หมุนไป ..
ถ้ากำลังจิตใหญ่ คือ"สติแรง''
ความเย็นก็จะ..มีมาก
ถ้าสติอ่อน ..ใบพัดก็จะหมุนช้า
ความเย็นก็..น้อยลง

การที่"สติอ่อน"หรือสติน้อยไปนี้
ก็เพราะใจ..ไปอยู่เสียที่อื่นหมด
มิได้อยู่กับลม มิได้..อยู่กับตัว

"จิต"นั้นก็จะมีกำลังน้อย
ใบพัดก็หมุนไม่ได้แรง ความเย็นจึงเสื่อมถอย
เพราะ..กิเลสเข้ามาแทรก..สิงในดวงใจได้
ดวงใจนั้น..ก็จะมีแต่.."ความร้อน"

ท่านพ่อลี









" ฆ่าสัตว์นี้ไม่ผิดกฎหมาย
ฆ่าเป็ดฆ่าไก่ ฆ่าวัวฆ่าควาย
เป็นอาชีพสุจริตทางกฎหมาย

แต่ทางกฎแห่งกรรมนี้
ไม่เป็นอาชีพที่สุจริต
เป็นอาชีพที่เป็นบาปเป็นกรรม "

โอวาทธรรม
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








" "กิเลส" ไม่เคยพาใคร
ไปสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน
นอกจากหนุนให้ลงทางต่ำ
คือ ความทุกข์ความทรมาน
ตกนรกหมกไหม้ เป็นเปรตเป็นผี

ครั้นฟื้นตัวขึ้นมาได้
มันก็พาหมุนไปทางเดิม
ให้เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ตกนรกอเวจีอยู่ตามเดิม
อย่างนี้ เรื่อยมา ไม่มีวัน
ที่มันจะปล่อยวางให้เรา
ทั้งหลาย รู้เนื้อ รู้ตัวว่า
มันเป็นพิษเป็นภัย แล้ว
ปลีกตัว หรือสลัดตัว
ให้ห่างไกลจากมันไปได้

นี่จึงเป็นการลำบากมาก
ที่จะแก้ความชั่ว แก้เชื้อ
แห่งการ ทำความชั่วภายใน
จิตใจ คือ กิเลสตัวนี้ออกได้

ไม่มีสิ่งใดจะถอดถอน หรือ
แก้ชำระล้างมันได้นอกจาก
ธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ที่จะแก้มันได้ และ กิเลสนี้
กลัวแต่ "ธรรม" อย่างเดียว
อย่างอื่นไม่กลัว.."

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน









จะเอาธรรมบทใด. ให้เอาธรรมบทนั้น. อย่าเหลาะแหละ. จะเห็นผลทันทีนะ.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน










ให้พากันภาวนานะ

อย่าลืมพุทโธทุกอิริยาบท
ทานบารมีก็ทำมาจนเป็นนิสัยแล้ว

พากันไปแสวงบุญ
นั่งรถไปทำบุญ 8 วัด 9 วัด
เป็นชั่วโมงๆ ยังสู้อานิสงส์
การนั่งสมาธิภาวนา
แม้เพียง 5 นาทีไม่ได้นะ

ยิ่งถ้าจิตสงบ
ชั่วขณะช้างวีหู งูแลบลิ้น
ยิ่งมีอานิสงส์ผลบุญมากนะ
เปรียบเทียบกันไม่ได้เลยนะ
บุญมากนะการภาวนา
ให้พากันภาวนาให้มากๆ

#หลวงพ่อโสภา #สมโณ
#วัดป่าแสงธรรมวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา










ดีที่สุดคือ #พุทโธธัมโมสังโฆ

พุทโธก็ไม่ให้ดูพุทโธเฉย ๆ ดูความตายไปด้วย ดูความเกิดไปด้วย เกิดอย่างไร ตายอย่างไร ต้องรู้จักจิต รู้จักชีวิต รู้จักวิญญาณ รู้จักตนจักโต รู้จักพ่อจักแม่ รู้จักพระนิพพาน ถึงจะได้

ภาวนาว่าพุทโธก็พุทโธเฉย ๆ
ไม่ไปหาก็ไม่เห็น ก็ไปหาตั๊ว…

โอวาทธรรมคำสอน
#หลวงปู่ประไพร #สุภโร #วัดป่าไพรรัตนวณาราม บ้านหลุบหวาย ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี










“คู่ครองนั้นหาไม่ยากหรอก
คู่ที่ดีต่างหากที่หายาก
หากหาคู่ที่ดีไม่ได้ อยู่ลำพังดีกว่า”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 59 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร