วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 14:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2020, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...ทำจิตให้เป็นสมาธิ
แล้วก็พิจารณาธรรมต่างๆอยู่เรื่อยๆ

มองอะไร..ก็คอยสะกิดตัวเองเสมอว่า
"เป็นของไม่เที่ยงนะ..ไม่ใช่ความสุขหรอก"

.ได้อะไรมา ก็สุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
แล้วก็ผ่านไป...

ได้อะไรมา ก็ดีใจ ..แล้วก็ผ่านไป
แล้วก็อยากจะมีใหม่ เพิ่มขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ

ไม่รู้จักจบจักสิ้น
"นี่คือธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่าง"

.ถ้าคอยสอนใจเราอยู่เสมอ..
"ใจก็จะฉลาด"

จะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง
แล้วก็จะหลุดพ้น..จากความทุกข์ทั้งปวง.
..................................
กำลังใจ 10 กัณฑ์ 151
ธรรมะบนเขา 17/1/2546
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"..การรักษาไม่ให้ความชั่ว
ภายนอกเกิดขึ้น จะไปรักษา
คนอื่น รักษาทางโลก มัน
รักษาไม่ได้ ให้รักษาภายใน
รักษาตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ
ของตัว อย่าให้มันมีความชั่ว
มาเกี่ยวข้อง

เมื่อเรารักษาตัวของเราได้
โลกส่วนอื่นมันเป็นอย่างไร
นั่นเป็นหน้าที่ของเขา การ
ปฏิบัติการโอปนยิโก น้อมเข้า
มาภายใน ดูกาย ดูใจ ของตัว

ผู้ประมาทนั้นท่านหมายถึง
คนตาย ตายจากคุณงาม
ความดี ถ้าผู้ไม่ประมาท
วันคืนเดือนปีผ่านไปอุตส่าห์
พยายามขับไล่กิเลสตัณหา
ทำความพากเพียรภาวนา

พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเรา
ทุกคนหมั่นฝึกฝนจิตใจของตัว
ให้สะอาด ให้ผ่องแผ้ว
เพื่อความสุขความเจริญ
ไม่ใช่สอนเพื่อความทุกข์จน

ไม่ได้สอนให้คนโง่
คนเกียจคร้าน คนมักง่าย
สอนให้คนขยันหมั่นเพียร
สอนให้คนอดทนต่อสู้.."

โอวาทธรรม
พระอาจารย์สิงห์ทอง
ธมฺมวโร









ตัณหา. มันได้เราเป็น. ทาสแล้ว. มัน. สบายใจ. เหลือเกิน.

หลวงปู่ชา สุภัทโท







ความเป็นจริง. สิ่งทั้งหลาย. มันเป็น. เรื่องปรุงแต่ง. ทั้งนั้น. อย่าไปวิ่งตามมันเลย. จิตสังขารเนี่ย.

หลวงปู่ชา สุภัทโท







อะไรมันจะสู้. ความพากความเพียรได้. มรรคผลนิพพาน. ถ้าไม่ทำจริงๆจังๆ. จะไม่มีวันเจอหรอก.

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร









#ดูจิตให้เป็น

ไปตรงนี้เห็นคนที่ไม่ดี บางคนเห็นคนไม่ดีแล้วก็รังเกียจ เมื่อเรามีธรรมะ เห็นคนไม่ดีนั่นแหละ คือครูเราแล้ว เราจึงจะรู้จักคนดี ถ้าเห็นคนดี ก็ดีแล้ว คือครูเรา เราจะได้รู้จัก “คนไม่ดี”

อือ... เห็นบ้านหลังนี้มันสวย ก็ดี เราจะได้รู้จัก บ้านที่ไม่สวย เห็นบ้านที่มันไม่สวยนี้ เราก็ดี เราจะได้รู้จักบ้านที่มันสวย

#ไม่ได้ทิ้งสักนิดเดียว_นี่ธรรมะ

ฉะนั้นพระพุทธองค์ท่านจึงว่า สูทั้งหลาย จงมาดูโลกนี้ อันน่าตระการ ดุจราชรถ พวกคนเขลา คือคนหลงนั้น หมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่ เรียนนักธรรมเอก ผมพิจารณาเหลือเกินอันนี้ เป็นคำที่สำคัญ แต่มันพึ่งมาโผล่ขึ้นมา เมื่อเรามาปฏิบัติ

“สูทั้งหลายจงมาดูโลกนี้” สูทั้งหลายก็ทั้งหมดนี่หล่ะ นั่งอยู่นี่ก็สูทั้งนั้น มาดูโลกนี้ โลกนี้ โลกอันนี้ อันมนุษยโลก อากาศโลก สัตว์โลก โลกทั้งหลายที่มันมารวมกันอยู่นี่

#ถ้ารู้โลกทั้งหลายเหล่านี้อย่างแจ่มแจ้งแล้วก็ไม่ต้องภาวนาอะไร

ถ้ารู้จักว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ ตามความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่มีขัด ไม่มีขัดสักนิดเดียวแหละ โลกเขาเป็นกันอยู่อย่างนั้น พระพุทธองค์ท่านรู้แจ้งโลก รู้ตามความเป็นจริงของโลก รู้แจ้งซึ่งโลกแล้วก็รู้ธรรมะอันละเอียด “มันก็ไม่ห่วงในโลก”

ถ้ารู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง มันก็ไม่มีโลกธรรม เราก็ไม่เป็นไปตามโลกธรรมนั้น โลกธรรม มันก็ไม่ใช่สัตว์โลก สัตว์โลกมันเป็นไปตามโลกธรรมอันนั้น มันแย่งกันไปทุกอย่าง

#ฉะนั้นเมื่อเราเห็นอะไรเราก็ให้พิจารณาอันนั้น

พวกเราทั้งหลายนี้ มันยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะธรรมารมณ์ อันนี้ก็ให้เรานั้นพิจารณา รูป เข้าใจมั๊ยรูป ที่เรานั่งอยู่นี่ ๆ รูปผู้หญิง รูปผู้ชาย รูป เสียง เราก็รู้กัน กลิ่น รส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ เราก็รู้กันทั้งนั้นหล่ะ

รูป เสียง กลิ่น รส ธรรมารมณ์ อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ เมื่อรู้ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ มันก็มีธรรมารมณ์เกิดขึ้นกับจิตทั้งนั้นแหละ สิ่งทั้งหลายก็มารวมอยู่ตรงนี้ และผมก็ไม่แปลกกันอะไร ธรรมะที่เกิดขึ้น เดินไปข้าง ๆ กันตลอดปีตลอดชาติก็ไม่รู้จัก อยู่ด้วยกันตลอดปี ตลอดชาติ ก็ไม่รู้จัก

#เรามันคิดเกินไป

เรามันมีหวังจนเกินไป การปฏิบัติหวังเกินไป หวังจนเหลือเกิน เหลือหวังเรา เช่นว่า เราไปดูรูป ผู้ชายดูรูปผู้หญิง ผู้หญิงดูรูปผู้ชาย อย่างนี้เป็นต้น ทุกคนสนใจมากที่สุด เพราะมันวาดสูงจนเกินไป ทางหูทางตา อยากจะลิ้มจะเลีย ทางหูทางตา กิริยาสารพัดอย่าง มองทั้งนั้นแหละ

ถ้าหากว่าได้แต่งงานกันเสียแล้ว ก็ไม่ได้อะไรกันเท่าใดนัก อื้อ ... อยากจะหนีให้ห่าง ๆ สักหน่อยหนึ่ง #บางทีอยากจะไปบวชเสียด้วย แต่มันไปไม่ได้ อื้อ นี่....

เหมือนกันกับนายพรานล่าเนื้อ ที่เห็นเนื้อ นายพรานไปยิงเนื้อ ถ้าไปเห็นเนื้อที่มันกลัวคน เมื่อไปเห็นมันนั่นหน่ะ มันก็รู้สึกสยดสยอง... ทางหู ทางหางมัน สารพัดอย่าง นายพรานก็ยิ่งชอบใจ ยิ่งทำตัวเข้าให้เบา กลัวมันจะวิ่งหนี นี่หน่ะ

อันนี้ก็เหมือนกัน ยิ่งเห็นว่ารูปเสียง รูป ยิ่งเห็นก็ยิ่ง โอ้ย ... หื้อ ... ก็ยิ่งเพ่งพินิจ เข้าไปให้มันมากที่สุด ให้มันบีบหัวใจเรา นายพรานก็เหมือนกัน ถ้าเห็นเนื้อจะมองเห็นเรา ก็ยิ่งระมัดระวัง ยิ่งหลีกตัว กลัวมันจะเห็นเรา ยิ่งชอบใจใหญ่เลย น่ะ ยิ่งทำอากัปกิริยา กลัว ! เนื้อมันจะวิ่งหนี ก็คิดว่าเนื้อมันจะเป็นอะไรก็ไม่รู้มัน น่ะ เมื่อได้จังหวะนายพรานยิงโป้งเลย .... ตาย ... นายพรานก็หมดภาระ ก็เข้าไปดู เนื้อมันตาย ก็เท่านั้นแหละ ก็ไม่เห็นว่าจะมีตื่นเต้นเท่าไร จะเอาเนื้อมันมากินก็อิ่ม อิ่มแล้วก็เท่านั้นแหละ ไปดูหูมันก็เท่านั้นแหละ ไปจับหางมันก็เท่านั้นแหละ

แต่ก่อนในเมื่อมันมีชีวิตอยู่ โอ้ย...ใจนายพราน ไม่เป็นอย่างนั้นน่ะ อื้อ.. นั่น มันดูอากัปกิริยาอาการของมัน ยวดยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทำให้ใจนายพรานใหญ่โตขึ้นมา พองขึ้นมา เบิกบานขึ้นมา มันชอบมาก กลัว ระวัง น่ะ

#ก็เหมือนกันนั่นแหละคนเรา

รูปนี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรายังไม่ได้ แม้ มันสวยเหลือเกิน ถ้ามาอยู่ร่วมกันแล้วก็เบื่อ (หลวงปู่ชาขำเบา ๆ ) เหมือนเนื้อที่มันตายแล้ว ก็ไปจับหูมันก็ได้ จะไปจับหางมันก็ได้ เนื้อที่มันตายแล้ว จับหางมันก็เท่านั้น จับหู มันก็เท่านั้น แหละ ก็เพราะว่ามันตายแล้ว

นี้ถ้าไปแต่งงานแล้วหน่ะ จะทำอะไรก็ได้ มันก็เท่านั้นแหละ จะทำยังไงหล่ะ แล้วก็หาทางหนีอีกแล้ว ไป...

นี่แหละ เราไม่พิจารณาของเรา ให้เราพิจารณานาดี ๆ ผมว่าไม่มีอะไรมาก เกินไปกว่านั้น คือมันวาดสูงจนเกินไป วาดสูงเกินไป มองดูรูป เห็นมันจะกินได้ทุกแห่ง หูก็จะกินได้ ตาก็จะกินได้ จมูกก็จะกินได้ น่ะ บางที ก็นึกว่า ขี้มันจะไม่มี เนี่ย หือ ชาวเมืองนอกคิดอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ คิดว่าทั้งตัวมันจะกินได้หมด อันนี้มันวาดสูงจนเกินไป....แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ๆ ...

หลวงปู่ชา สุภัทโท









#เมื่อเมตตาธรรมเกิดขึ้นแล้ว #มันมองเห็นทั้งคนดีและคนชั่วนั้น #ก็เป็นบุคคลที่น่าสงสารไปหมดเลย

ไม่ใช่เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ ก็เพราะว่า คนเหล่านั้น เขาก็ต้องการความสุขเหมือนกันกับเรา แต่ว่าตอนนี้ เขาทำตนให้เป็นคนดีไม่ได้ เพราะว่าเขายังลุอำนาจแก่กิเลสอยู่ เขายังเอาชนะกิเลสเหล่านั้นไม่ได้ เหตุนั้นเขาจึงทำดีไม่ได้

แต่ถ้าหากว่า มีผู้ชี้แนวทางให้เขารู้จักหนทางแห่งความสุขความเจริญได้ เขาก็อาจที่จะทำความดีได้อยู่ ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องชั่วอย่างนั้นตลอดไป

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ










#ขณะพิจารณาให้ตั้งคำถามตนเองไปด้วยว่า_คำว่าเราเรานั้นอยู่ตรงไหน

ในร่างกายนี้ ตรงไหนในร่างกายนี้ที่เป็นเรา และตรงไหนที่น่าชื่นชมยินดี เมื่อค้นไปค้นมา ค้นมาค้นไปแล้ว ก็เห็นว่าเราไม่มีในร่างกายนี้จริงๆ ร่างกายนี้ก็ไม่มีเราจริงๆ เพราะกายนี้เป็นสักแต่ก้อนธาตุเท่านั้น และเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลไม่สะอาด ก็จะทำให้เรากำจัดราคะ ความกำหนัดยินดีในตน และในผู้อื่นได้ แต่ต้องพิจารณาให้เห็นอยู่เสมอๆตลอดเวลา ให้ร่างกายนี้เป็นเครื่องอยู่ของจิต ไม่ให้จิตหลุดออกจากกายนี้ได้เลย จิตจึงจะเป็นสมาธิที่แน่นหนา มั่นคง และมีมาตรฐานตลอดเวลา

การปล่อยให้จิตเลื่อนไหลหลุดออกจากกาย จิตจะหลงโลกไม่รู้แจ้งอริยสัจ จึงเป็นที่มาของการปรุงแต่งไม่จบสิ้น ก็คือกิเลสนั่นเอง การปฏิบัติธรรมก็จะไปไม่รอด จะไม่เจริญก้าวหน้า เพราะถ้าส่งจิตออกนอก เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส กายสัมผัสร้อนเย็นอ่อนแข็ง ในสิ่งที่ชอบก็จะเกิดเป็นราคะ ถ้าไม่ชอบก็เป็นโทสะ ชอบก็ไม่ใช่ ไม่ชอบก็ไม่ใช่ ก็เป็นโมหะ

เพราะฉะนั้น กิเลส ๓ ตัวนี้ คือ ยังทำงานต่อในใจเราเหมือนเดิม เดินเครื่องเหมือนเดิม แม้จะทำสมาธิมานาน ๒๐ ปี ๓๐ ปี เข้าออกสมาธิเก่งมากเพียงใดก็ตาม ถ้าปล่อยให้จิตที่ท่องเที่ยวเร่ร่อนออกนอกกาย ก็เหมือนกับมีการเวียนเกิดเวียนตาย สร้างภพน้อย ภพใหญ่ อยู่ไม่รู้จักหมดสิ้นนั่นเอง

หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ









“เมื่อทำดีแล้ว ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขา
ต้องคิดว่านั่นเป็นสมบัติของเขา ไม่ใช่ของเรา
ส่วนความดีที่เราทำ ก็ย่อมอยู่ที่ตัวเรา
คนทำผิด นั้นดีกว่าคนไม่ทำ ทำผิดยังแก้ให้ถูกได้
แต่คนไม่ทำนี่สิ ไม่รู้จะไปแก้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่า
ตนเป็นคนผิด หรือคนถูก การไม่ทำนั่นก็ผิดอยู่ในตัวแล้ว”

ท่านพ่อลี ธัมมธโร










“โลกนี้มันเป็นโลกที่ไม่เที่ยงนะ
มีกฏของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เข้าบังคับบัญชาอยู่ตลอดเวลา แล้วมนุษย์เรา
แต่ละคนๆ ไม่ใช่ว่าอายุจะยืนยาวอะไรนักหนา

แล้วก็บอกไม่ได้ด้วยว่า คนแก่จะต้องตาย
ก่อนวัยเด็กเสมอไป เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุทำให้
เสียชีวิตลง เกิดโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียน
ทำให้ตายก่อนวัยอันควร

ท่านจึงสอนว่า อย่าประมาทในคุณงามความดี
อย่าคิดว่า ทำน้อยนิดมันจะไม่ให้ผล เมื่อทำอยู่บ่อย ๆ
มันก็จะติดเป็นนิสัย แล้วสิ่งเหล่านี้แหละ
ที่จะชักนำเราให้พ้นทุกข์ไป ภายในวันหนึ่งแน่นอน

หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร