วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 17:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2020, 04:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ส้วมในมันยิ่งร้ายกว่านั้น ไม่มีวันเวลาที่จะสะอาดสักครู่หนึ่ง

อสุภะความเปื่อยเน่า เน่ามาจาก พ่อและแม่ สัมภวะผสมกันมันเลยสกปรก
นี่ก้อนสัมภวะธาตุ ดิน นำ้ ลมไฟ พ่อแม่ ผสมกัน

ไม่ โอปนยิโก ไม่น้อมเข้ามาถึงจิต ถึงตนเอง
มัวแต่ว่าครูบาอาจารย์องค์โน้น องค์นี้ว่าสกปรก ตนเองจะประเสริฐ กว่าเทวดามาจากไหน

บาปจะขยำตัวให้ลงหม้อไหนรก

ดูหมิ่นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะไม่เป็นกรรมหรือ
สังฆัสสะอวาณังภาสติ
ดูหมิ่นพระสงฆ์จะไม่เป็นบาปหรือ

อาตมาสงสาร อย่าไปดูหมิ่นท่าน ท่านจะเลวขนาดไหนเป็นเรื่องของท่าน ท่านจะแก้ผ้าวิ่งกลางถนนก็เป็นเรื่องของท่าน ท่านจะกินข้าวแลงแกงร้อนก็เป็นเรื่องของท่าน
ท่านจะเสพเมถุนธรรมก็เป็นเรื่องของท่าน

ขอแต่ว่าเรานี่พร้อมแล้วหรือยัง สะอาดแล้วหรือยัง
โอปนยิโก พึงน้อมเข้ามาในจิตนี้

หลวงปู่กาย กุสลธัมโม










“คนต้องรู้จักกำลังของตน จะถือของก็รู้จักกำลัง
ของตนเอง พอถือได้จึงถือ จะปฏิบัติอะไรต้องเหมาะสม
กับที่เราจะปฏิบัติได้ เราจึงทำ คุยกันก็เหมือนกัน
ให้เหมาะสมกับกาลเทศะ คิดอ่านอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง
อย่าให้มันเกินตัว ถ้ามันเกินตัวแล้ว มันจะแบกหาม
มันจะเกิดทุกข์ขึ้น”

หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป








"การอยู่ในโลกนี้ ให้เข้าเหมือนอยู่ในกองไฟ
และเหมือนอยู่ในคุกตะราง ให้เร่งรีบแสวงหา
ทางออกเสมอ อย่าได้นิ่งนอนใจและหลงยินดี
เพลิดเพลินอยู่

จงถือเอาศรัทธา ความเชื่อ เป็นทางเดินแห่งวิถีจิต
เอาสติ คือความระลึกรู้สึกตัว พร้อมเป็นเพื่อนพ้อง
เดินทาง
เอาวิริยะ คือความเพียรพยายาม เป็นกำลังกาย
เอาขันติความอดทน เป็นอาวุธสำหรับป้องกันอันตราย
เอาปัญญาความรอบรู้ เป็นประทีปส่องทางไป

แล้วรีบเร่งเดิน อย่าแวะซ้ายแวะขวา อย่าหยุดพัก
อยู่ในที่ใดๆ ก็จะได้ถึงซึ่งที่สุดแห่งขันธ์โลก คือพระนิพพาน"

ครูบาเจ้าพรหมา พฺรหฺมจกฺโก









"ในเวลาสิ้นชีวิต สิ่งเดียวที่จะนำความสุขมาให้คือ บุญ"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ









#ต่อสู้กับกิเลส

ถ้าจิตของเรานั้นไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ที่จะรักษาจิตใจของเราแล้ว จิตของเรานั้นก็จะยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ทั้งหลาย ว่าเป็นจิตใจของเราอยู่เสมอๆ

ไม่ว่าจะมีความโลภ เกิดขึ้น ก็เป็นใจของเรา ไม่ว่าจะมีความโกรธ เกิดขึ้น ก็เป็นใจของเรา ไม่ว่าจะมีความพอใจ ความไม่พอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส ก็คิดว่าเป็นใจของเรา ไม่ว่าจะมีความกำหนัดยินดีในรูป ก็คิดว่าเป็นใจของเรา ใจของเราก็เป็นทุกข์

เมื่อกิเลสเกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา เพราะใจของเรานั้นไม่ทราบตามความเป็นจริง ไปยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ทั้งหลายว่าเป็นจิตใจของเรา ความทุกข์ต่างๆ จึงเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ

เพราะฉะนั้นพระพุทธองค์หรือครูบาอาจารย์จึงสอนให้พวกเราทุกคน พยายามมีสติ เฝ้าดูจิตใจของเรานี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ไม่ใช่ว่าไปดูบุคคลอื่น ว่าเขาทำอะไร หรือเขาพูดอะไร แล้วเอาสิ่งที่ไม่ดีมาเผาอารมณ์จิตใจของเรา ทำให้จิตใจของเรานั้นมีความทุกข์ใจ มีความไม่สบายใจ

#นักประพฤติปฏิบัตินั้นพึงมีสติ #เฝ้าเห็นกิเลสภายในใจของเราอยู่เสมอ

ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ไม่ดี สิ่งใดเป็นกิเลสซึ่งเกิดขึ้นภายในใจของเรานั้น ให้หาอุบายปัญญาทำลายความโลภ ให้บรรเทาเบาบางลงไป หาอุบายปัญญาทำลายความโกรธ ความไม่พอใจ หรือความยินดีในรูป ให้บรรเทาเบาบางลงไป จึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ถ้าเรามีสติเฝ้าดูจิตใจของเรานั้นอยู่เสมอๆ เราก็จะเห็นอารมณ์ เห็นกิเลส เมื่อเราเห็นอารมณ์ เห็นกิเลสภายในใจของเรา เราก็หาอุบายปัญญา มาพิจารณาละวางอารมณ์ที่ไม่ดีออกไป

แต่ถ้ากำลังของสติไม่ตั้งมั่นพอ จิตของเรานั้นหลงไปกับอารมณ์ทั้งหลาย ก็ให้กำหนดสมาธิภาวนา ตัดอารมณ์ที่ไม่ดีออกไปอยู่เสมอๆ กำหนดสติ กำหนดสมาธิให้ต่อเนื่อง

เมื่อจิตของเรามีกำลัง มีสติตั้งมั่นอยู่ในปัจจุบันธรรมแล้ว คือเห็นจิตอยู่เสมอ ก็เห็นอารมณ์ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อเห็นอารมณ์เกิดขึ้น ก็มีปัญญาในการที่จะพิจารณาทำลายทุกๆ ขณะจิต

ถ้าเราทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จิตใจของเรานั้นก็จะค่อยๆ ว่างจากอารมณ์ทั้งหลาย ถึงแม้มีอารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็รู้จักปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นออกไปได้

มีสติ มีปัญญา รู้เท่าทันสภาวธรรมทั้งหลายทั้งปวง ว่าอารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น มีความเกิดขึ้น และมีความดับไป เป็นธรรมดาอยู่เช่นนั้น หาใช่บุคคล ตัวตน เรา เขา ไม่

#เพราะฉะนั้นเราทุกคนจะต้องพยายามที่จะรู้จักต่อสู้กับกิเลสภายในจิตใจของเรา

ในทุกๆ วันให้พยายามที่จะมีสติดูจิตใจของเรา และปรารภความเพียรไปทุกๆ วัน ไม่ท้อถอย สำรวมจิตใจของเรานั้นอยู่เสมอๆ

ถ้าเราทุกคนทำความเพียรไปเช่นนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เราทำความเพียรไปตลอดเวลา ในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะแยกย้ายไปปฏิบัติคนละสถานที่ก็ตาม แต่เราก็มุ่งหวังในการประพฤติการปฏิบัติธรรมอยู่เสมอๆ ไม่ทิ้งความเพียร เราก็สามารถที่จะประสบกับความสำเร็จในการประพฤติการปฏิบัติธรรมได้

พระอาจารย์ตั๋น (อัครเดช ถิรจิตโต)









#ศรัทธาคือความเชื่อให้เชื่อตามเหตุตามผลตามกฏของสัจธรรม

ตอนนี้หลวงปู่ป่วยหนัก ชีวิตร่างกายของหลวงปู่ก็จะเป็นไปตามอายุขัย เป็นไปตามอำนาจแห่งกรรม เพราะ สมัยเป็นเด็กเคยฆ่าสัตว์มาเยอะ จึงทำให้เจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ และก็จะต้องตายเร็ว

ไม่ว่าใครก็ตายทั้งนั้นแหละ จึงขอให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ ทุกๆคน ทำความดีไว้ก่อนตาย เหมือนหลวงปู่พาทำ

หลวงปู่ไม อินทสิริ.











ธรรมะไม่ได้อยู่ในหนังสือ

ธรรมะให้มองในตัวเอง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ให้มองในตัวเอง

มองแล้ว พิจารณาแล้ว ให้พิจารณาอีก พิจารณาอยู่ในตัวเอง พิจารณา ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในตัวเอง จนมันว่าง

ว่างแล้วก็มองเข้าไปอีก พิจารณาเข้าไปอีก ที่เราพูดมาเข้าใจไหม..? ให้ไปพิจารณา...

หลวงปู่กวง โกสโล


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร