วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 06:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2020, 05:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...พระพุทธเจ้า ทรงเป็นโลกวิทู
แปลว่า.."ผู้รู้ทันโลกธรรม ๘ “

.ไม่หลงยึดติดกับโลกธรรม ๘
เพียงแต่สัมผัสรับรู้
“แต่ไม่ซึมซับเข้าไปในใจ”

.เหมือนหยดน้ำบนใบบัว
ที่ไม่ซึมเข้าไปในใบบัว
เพราะใบบัวไม่ดูดซับน้ำ

.ฉันใด...จิตของผู้ที่รู้ทันโลกธรรม ๘
ก็เป็นเช่นนั้น “ไม่ซึมซับ”
ไม่ดีอกดีใจ เวลาเกิดความเจริญ
ไม่เสียใจ เวลาเกิดการเสื่อมไป เปลี่ยนไป.
...................................
จุลธรรมนำใจ 32 กัณฑ์ 450
ธรรมะบนเขา 23/12/2555
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








“ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้
ก็อย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง”

ท่านพุทธทาสภิกขุ







“ปัญหามันจะใหญ่ หรือเล็ก
มันขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสำคัญมันแค่ไหน
ถ้าคุณไม่ไปหมกมุ่น ไม่เอาใจไปฝักใฝ่กับมันมาก
ตั้งสติขึ้นมา คุณจะเห็นทางออกของปัญหา”

หลวงปู่หา สุภโร








ให้พากันทำ. ความพากความเพียร. อย่าไปกังวลกับสิ่งใด.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








เราเห็นความสวยงาม. ที่ไหนได้ในดินในน้ำในลมในไฟ.
พิจารณาให้เห็นชัดสิ.

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








เรื่องของโลก. ก็ช่างมันสิ. มันเกิดเพราะเหตุ. มันก็ดับเพราะเหตุมันสิ.

หลวงปู่ชา สุภัทโท









#การภาวนานี้คือยาแก้กิเลส

เวลามันยุ่งมาก เราจดจ่อทางคำภาวนาของเราให้มาก เช่นพุทโธ ใครชอบคำไหนก็ตาม ตามแต่จริตนิสัยชอบ พุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ หรือธรรมบทอื่นใดก็ตาม ขอให้ถูกกับจริต

ให้นำมาบริกรรม ให้จิตเกาะอยู่กับคำบริกรรมนั้น ให้รู้อยู่กับนั้น เช่นพุทโธๆ ก็ให้รู้อยู่กับพุทโธ สติควบคุมอยู่นี้ มันอยากคิดไปไหน บังคับไว้ไม่ให้คิด คำว่าอยากคิด คือกิเลสละมันลากออกไป ให้อยากๆ

#นี่ละกำลังของกิเลส
#มันอยากให้คิดนั้นคิดนี้
.
มันอยากเราก็ไม่ออกไป เราบังคับไว้ไม่ยอมให้มันออก นี่เรียกว่าบังคับกัน ในเบื้องต้นเป็นอย่างนั้น บังคับไม่หยุด เอ้าทางนั้นอยากมาก ทางนี้ตั้งใจบังคับมากเข้า สักเดี๋ยวสู้ทางธรรมไม่ได้ แล้วค่อยสงบเข้ามา

สงบเข้ามาแล้วแน่วนิ่งนะ สงบแน่ว ความคิดความปรุงที่เป็นเรื่องของกิเลสสงบตัวไปด้วยอำนาจของการภาวนา นี้แหละที่เรียกว่าน้ำดับไฟ คือจิตฟุ้งซ่านรำคาญ ผสมกับกองทุกข์ไปในขณะเดียวกัน

เราภาวนาบีบบังคับ พอจิตสงบมันก็เป็นน้ำดับไฟ ใจสบาย โล่ง พากันจำทุกคน
.
#นี่แหละแก่นของศาสนาพุทธ

พุทธศาสนาของเราอย่างแท้จริงคืออันนี้เอง นี่ละแก่นศาสนา รากแก้วของศาสนาคือการภาวนา

ทีนี้เวลามันได้เท่านั้นละ จิตนี่มันจะผูกพันของมันอยู่ภายใน เป็นอารมณ์พออกพอใจอยู่ภายในตัวเองนั่นละ อย่างที่เราเรียนหนังสือหรือทำงานอะไรอยู่ก็ตาม จิตมันจะอยู่ในนี้

ผลที่เคยได้เคยสงบ ถึงมันจะไม่สงบมันก็เป็นอารมณ์กับความสงบ ที่เคยมีและผ่านไปแล้วนั้นอยู่นั่นแล ทีนี้จิตก็ค่อยตีตะล่อมเข้ามาและค่อยสงบ

#นี่ละที่สาระสำคัญเห็นได้ชัด

ในร่างกายของเราทั้งหมดไม่มีอะไรเป็นสาระ มีจิตดวงรู้นี้เท่านั้นเป็นสาระ ยิ่งรู้เด่นเท่าไร ยิ่งเป็นสาระ ยิ่งแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นเป็นลำดับลำดา
.
ทีนี้มันก็จ้าขึ้นละซิ เมื่ออบรมบำรุงรักษาตลอด ไม่ให้กิเลสมาทำลาย เมื่อเจ้าของรักษาตลอดเวลา จิตก็ค่อยแคล้วคลาดปลอดภัยไป ความสงบเย็นใจก็มีหนาขึ้นๆ สว่างไสว นี่ละมันสว่างตรงนี้นะ

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ (ค่ำ)"ภาวนาคือยาแก้กิเลส"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร