วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 02:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2020, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหาของพวกเราอยู่ตรงที่เราไม่ยอมปรับตัวเอง...เราชอบไปปรับคนอื่น เวลาเราเห็นอะไรเราไม่ชอบใจ แทนที่เราจะปรับใจเราให้ชอบกับสิ่งที่เราไม่ชอบ เรากลับไปพยายามไปปรับสิ่งที่ไม่ชอบให้ทำตามใจของเรา...

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต










#เขียนด้วยมือลบด้วยใจ

ผู้ที่ใจเต็มไปด้วยความทุกข์ดำมืด
อาจเขียนภาพและข้อความต่ำทราม
ทำวัดวาบ้านเมืองสกปรกเสียหาย

ผู้ที่ใจสูงส่งด้วยสติปัญญา
สามารถลบล้างความชั่วร้ายได้
ด้วยพลังแห่งความรักและเมตตา

อภัยได้แต่ไม่โง่
คนดีท่านไม่ทำร้ายทำลายใครก็จริง
แต่ก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเช่นกัน

โอวาทธรรม พระอาจารคม อภิวโร










“เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้านเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย ละอยู่ที่กาย ที่ใจตนนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น การหอบอดีต และอนาคต มาหมักสมไว้ในใจ ก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด…”

คติธรรมคำสอน
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่











...การปฏิบัติทางจิตตภาวนาจึงต้องมีการสลับกัน
ระหว่างสมถะและวิปัสสนา ระหว่างสมาธิและปัญญา

. ท่านเปรียบเหมือนกับเป็นเท้า ๒ ข้าง
เวลาเดินไม่เดินทีเดียว ๒ ข้างพร้อมกัน เวลาก้าวเท้าซ้าย
เท้าขวาก็ยันไว้ พอก้าวเท้าขวาเท้าซ้ายก็ยันไว้
ทำให้เดินไปได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเดินพร้อมกันทั้ง ๒ เท้า
ก็ต้องกระโจนไปกระโดดไป ก็จะไปไม่ถึงไหน จะเหนื่อยแรง
ไม่มีใครเดินแบบนี้กัน เท้า ๒ ข้างต้องสลับกันเดิน

. ข้อนี้ต้องพยายามเน้นอยู่เรื่อยๆ
เพราะคนธรรมดา
จะไม่เข้าใจเรื่องสมาธิกับปัญญากัน
ไม่รู้ว่าจะเจริญปัญญาเมื่อไหร่
คิดว่าพอทำจิตให้สงบปั๊บก็ให้พิจารณาเลย
"ก็ไม่ใช่แล้ว"

.เพราะตอนที่จิตสงบนี้
"ต้องการให้หยุดคิด หยุดพิจารณา"
อุตส่าห์ภาวนาพุทโธมาแทบตาย "เพื่อให้หยุดคิด" พอหยุดคิดปั๊บก็ไปดึงเอามาคิด..ก็จะไม่ได้พักผ่อน

.หรือเข้าไปในสมาธิที่สงบแล้ว..ไม่อยู่กับที่
"ถอนออกมารับรู้เรื่องต่างๆ" อย่างนี้ก็เหมือนกัน
ไม่ได้หยุดพัก

.พอวูบลงไปปั๊บเดี๋ยวเดียวก็ถอนออกมา
แล้วก็ไปรับรู้เรื่องต่างๆ ไปตามรู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
แล้วก็หลงดีใจว่ากำลังได้ผล
กำลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่อุตส่าห์ทำมา
"แต่ความจริงแล้ว...ไม่ได้อะไรเลย"

.เพราะสิ่งที่ได้นั้น ไม่มีความหมายต่อ
งานที่เราต้องทำ คือ.."งานชำระจิตใจ"
งานกำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง
การออกไปรู้เห็นเรื่องต่างๆนี้.."จะไม่ได้ประโยชน์เลย".
..................................
จุลธรรมนำใจ14 กัณฑ์383
ธรรมะบนเขา 15/6/2551
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










ท่านทั้งหลาย อย่าให้กิเลสหลอกนะ
พุทธพจน์ ตมสูตร
ว่าด้วยบุคคลในโลก ๔ จำพวก

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
บุคคล ๔ จำพวกคือใคร คือ

๑).ตโม ตมปรายโน
บุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

๒).ตโม โชติปรายโน
บุคคลมืดมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า

๓).โชติ ตมปรายโน
บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

๔).โชติ โชติปรายโน
บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า

ก็บุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้าเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาลก็ดี ตระกูลช่างสานก็ดี ตระกูลพรานก็ดี ตระกูลช่างหนังก็ดี ตระกูลคนรับจ้างเทขยะก็ดี ทั้งยากจนขัดสนข้าวน้ำของกิน เป็นอยู่อย่างแร้นแค้น หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง ซ้ำเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ เตี้ยแคระ มากไปด้วยโรค ตาบอดบ้างเป็นง่อยบ้าง กระจอกบ้าง เปลี้ยบ้าง ไม่ใคร่ได้ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป บุคคลนั้นยังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้แล บุคคล มืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

บุคคลมืดแล้ว มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลต่ำ คือตระกูลจัณฑาลก็ดี ฯลฯ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีปบุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แล บุคคลมืดมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า

บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้าเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลสูง คือตระกูลกษัตริยมหาศาลก็ดี ตระกูลพราหมณมหาศาลก็ดี ตระกูลคฤหบดีมหาศาลก็ดี มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินทองมีข้าวของเครื่องใช้ มีทรัพย์ธัญชาติเป็นอันมาก ทั้งมีรูปร่างสะสวยเจริญตาเจริญใจ ประกอบด้วยผิวพรรณงดงามยิ่งนัก เป็นผู้มีปกติได้ข้าวน้ำ ผ้า ยวดยานดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป บุคคลนั้น ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้แล บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เกิดในตระกูลสูง คือตระกูลกษัตริยมหาศาล ฯลฯ บุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แล บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า

ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบตมสูตร

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








"...คนสมัยนี้เค้าไม่ต้องการเรียนรู้ ไม่สนใจเรื่องการพัฒนาตน สิ่งที่เค้าสนใจคือวัตถุ เค้าอยากได้วัตถุ ไม่อยากได้ธรรมะ..."

หลวงพ่อเกษม เขมโก






ระวังเมตตาตกบ่อนะ คือเราเห็นเขาตกทุกข์ยากลำบาก เราก็คิดอยากจะช่วยเขา แต่แทนที่จะดึงเขาขึ้น เขาก็กลับดึงเราลง

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก






#หลักกิโลใจ

..หลักของศาสนาเป็นหลักของการปฏิบัติ การปฏิบัติให้ถึงความรู้ที่สุดคือการภาวนา เราจะเห็นศาสนาได้ดีที่สุดก็เห็นจากการภาวนาเท่านั้น เดินทางเรายังเห็นหลักกิโลข้างทาง ระยะทางยังมีหลายกิโล แต่กิโลใจนั้น ภาวนาดูมันมีแค่ ๓ กิโลเท่านั้น คือกิโลกิเลส กิโล
กิเลสนั่นแหละ ๓ หลักกิโลในใจ คือ กิโลโลภ กิโลโกรธ กิโลหลง ภาวนาให้มันเห็นกิโลกิเลสเหล่านี้..

ในชีวิตของแต่ละคนเกิดมา คิดตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันตาย คิดอยู่ ๒ เรื่อง คือ เรื่องดี และเรื่องไม่ดี เท่านั้น ไม่คิดมากไปกว่านี้ สรุปในความคิดก็มีคิดดีและคิดไม่ดี ให้คิดพิจารณาให้เห็นเป็นตรงกลาง เป็นมัชฌิมาปฏิปทา..

คำเทศน์อบรม...
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
#มหาบุรุษผู้เป็นบ่อแห่งบุญ










“ "ใจ" ของเราทุกคนนี้
สำคัญนัก "สติ" ก็สำคัญนัก
"ปัญญา"ก็สำคัญนัก
"เมตตากรุณา"ก็สำคัญนัก
ทั้งหมดนี้ไม่ควรแยกจากกัน

มีใจ ก็ต้องให้มีสติ ต้องให้มี
ปัญญา ต้องให้มีกรุณา
ประคับประคองกันไปให้เสมอ

อย่าให้มีสิ่งอื่นนอกจากสติ
ปัญญา และ เมตตากรุณา
เข้ากำกับใจ

สติและปัญญา พร้อม
เมตตากรุณานั้น เมื่อเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกับใจ
จะทำให้มี "สัมมาทิฏฐิ"
ความเห็นชอบได้

ตรงกันข้าม
แม้ใจขาดสติปัญญา
และ เมตตากรุณา
ก็จะทำให้ใจมี "มิจฉาทิฏฐิ"
ความเห็นผิดได้ง่าย ”

พระโอวาทธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร










#จิตมันถือบุญกับบาปทั้งสองนะ

ร่างกายไม่ได้ถืออะไร ถ้าจิตหนีแล้วร่างกายนี้ บุญก็ไม่มี บาปก็ไม่มี อะไรซักอย่าง มีแต่มันผุพังเน่าเปื่อยทับถมอยู่แผ่นดิน เปรียบอุปมาเหมือนท่อนไม้ท่อนกล้วยไม่มีสาระประการใด ๆ

#ส่วนจิตของเรานั่นเอง
#เป็นผู้ถือความดีเป็นผู้ถือความชั่ว

เมื่อจิตนั้น หนีออกไปจากร่างกายของตน บุญตกแต่ง บาปตกแต่ง มีเท่านี้เอง

หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร







มันเผลอสติ. ทุกที. แล้วมันก็มี. ความยึดมั่น. ถือมั่น. ทุกที. เหมือนกัน.

ท่าน ก. เขาสวนหลวง









รู้ซื่อ ๆ

รู้จิตซื่อ ๆ อาการของจิตมันเป็นอย่างไรก็รู้มันตรง ๆ อย่าไปอยากให้มันเป็นอย่างไร ให้รู้ซื่อ ๆ อันนี้เป็นทางเดินของมรรค รู้ซื่อ ๆ นี่แหละคือปัจจุบัน จิตมันเป็นอย่างไรก็รู้มันขณะนั้น นี่เป็นทางเดินของพระอรหันต์ทั้งหลาย

#เราอย่าไปอยาก

พอจิตมันไม่ดีก็อยากให้จิตมันดี พอจิตมันเป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างโน้น อันนี้ท่านว่ามันเป็นกิเลสตัณหา ซึ่งเป็นทางตรงกันข้ามกับพระนิพพาน ไม่ใช่ทางปฏิบัติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และของพระอรหันต์สาวก
...
#หลวงปู่ทา #จารุธัมโม
วัดถ้ำซับมืด ต.จันทึก
อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา











#พระธาตุ

บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับเกศา ,ฟัน และชานหมาก จากองค์หลวงปู่ไปบูชา ไม่นานก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะเกศา ฟัน และชานหมาก ก็แปรสภาพเป็นพระธาตุ จึงมาเล่าถวายให้องค์หลวงปู่ฟัง...

#ลูกศิษย์: หลวงปู่ๆ ได้ยินเขาพูดว่าฟันและเกศาของหลวงปู่แปรเป็นพระธาตุครับ

#หลวงปู่ : ฮือๆๆ..

#ลูกศิษย์: หลวงปู่กระดูกของหลวงปู่ กะบ่แปรเป็นพระธาตุบ่ครับ..

#หลวงปู่ : ฮือ. หาเว้าไปทั่วทีป. คนยังบ่ทันตาย กระดูกจะแปรเป็นพระธาตุได้จั่งใด๋ เพราะกระดูกเป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกาย ใช้ในการเคลื่อนไหวไปมา ยืน เดิน นั่ง นอน ถ้าแตกหักแปรเป็นพระธาตุ ก็ใช้เคลื่อนไหวไปมาไม่ได้

ส่วน ผม ขน เล็บ ฟัน ที่หลุดออกไปจากร่างกายแล้ว จึงจะสามารถแปรเป็นพระธาตุได้

กระดูกนั้นเป็นส่วนที่แข็งจะแปรสภาพท้ายสุด คือตายแล้ว ถูกไฟเผาอยู่กองไฟ เพราะจิตที่สะอาดบริสุทธิ์แล้ว จะมาฟอกธาตุฟอกขันธ์ให้บริสุทธิ์ไปด้วย

เกลี้ยงฮอดใน.....
ใสฮอดกระดูก
เกลี้ยงฮอดข้าวปลูก....
ใสฮอดข้าวปัดลาน...

เป็นหยังพ่อแม่บาอาจารย์พระอรหันต์ท่านตายแล้ว กระดูกท่านจะบ่แปรเป็นเพชรเป็นพลอย

ก็เพราะสติท่านผูกจิตของท่านไว้ในกาย บ่ให้มันไปไหน ให้มันหมุนอยู่ในกายนี้ เมื่อจิตมันบ่ใด๋ที่เกิด มันก็บ่ใด๋เกิดอีกต่อไป หมดเกิดกะหมดตาย จะเอาหยังมาเกิดมาตายอีกต่อไป

โอวาทธรรม
#หลวงปู่สมบูรณ์ #ขันติโก
สำนักสงฆ์สุขสมบูรณ์
อ.สิรินธร จ.อุบลฯ










#พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เราศรัทธาในอิทธิปาฏิหาริย์

อิทธิปาฏิหาริย์ครูบาอาจารย์ต่างๆ นั้นแม้มีอยู่จริง มันก็เป็นความพิเศษเฉพาะตัวท่าน จะหลงของท่านกันทำไม

ท่านทำได้มันก็เรื่องส่วนตัวของท่าน ไอ้พวกเราทำกันไม่ได้อย่างท่าน ก็เลยเห็นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นติดใจกันไป

#ให้พากันปฏิบัติ

หาทางหนีออกจากบาป จากเวรกรรมกันให้ได้จะดีกว่า นั่นล่ะอัศจรรย์ ยิ่งกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆซะอีก

#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร










"ไม่ดี .. ก็ให้ มันตาย
ไม่ตาย .. ก็ให้ มันดี"

หลวงปู่ชา สุภัทโท








“โกรธแล้ว หายโกรธเอง
กับโกรธแล้ว หายโกรธ เพราะให้อภัย
ไม่เหมือนกัน

โกรธแล้ว หายโกรธเอง
เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ
ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด

แต่โกรธแล้ว หายโกรธ
เพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง
จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: sakhon99 และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร