วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2020, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“เดี๋ยวนี้เราอยู่ในสถานะไหน ใจของเราเป็นยังไง มองไปข้างหน้าชีวิตของเราจะยืนนานไปสักเท่าไร เราจะทิ้งธาตุทิ้งขันธ์ไหม เดี๋ยวนี้อายุของเราเท่าไร เรารับประกันได้ไหมว่าเราจะมีอายุร้อยปี การอยู่เป็นวันๆ เดือนๆ ปีๆ อย่าตั้งอยู่ในความประมาท
ให้สั่งสมคุณงามความดีแต่ละวัน เมื่อเราจากไปจะไม่เสียเที่ยวเสียที เพราะได้ทำคุณงามความดีไว้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดละ”

หลวงปู่อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก
๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘









“การทำบุญ กับผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์ก็เหมือนกับการตักน้ำใส่กะต่าขาด (ตะกร้าก้นรั่ว) ตักนำ้ใส่เท่าใดมันก็ไม่เต็ม อานิสงส์มันได้ไม่เต็ม ไม่เหมือนตักนำ้ใส่กะต่าก้นดี (ตะกร้าที่ก้นไม่รั่ว) ตักนำ้ใส่มันก็เต็มเร็ว เหมือนกันกับเราทำบุญกับผู้มีศีลบริสุทธิ์ อานิสงส์มันได้เต็มที่.."

#สมาหิโตธมฺโมวาท
๑๑/๑๑/๖๓ (ช่วงบ่าย)
หลวงปู่ปั่น สมาหิโต วัดป่าศิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร









พวกเราต้องมีสติอยู่กับตัวตลอดนะ ไม่ว่าเวลา ยืน เดิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบท ครูบาเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่ออายุประมาณ ๕๐ ปี เผลอลืมสติไปหน่อย “หลับลืมคิงไปหน๊อย” ไปรู้ตัวอีกทีอยู่ที่ศาลา ๙ ห้อง ที่นั่น จะมีคนคอยบันทึกบุญ บันทึกบาปอยู่ จะได้ขึ้นสวรรค์ หรือ ลงนรก ต้องมาดูตรงนี้ก่อน

ใครที่ทำบุญอะไรไว้ ไม่หาย - ไม่สูญ - ไม่บูด - ไม่เสีย ให้พากันรู้ไว้นะ ทำอะไรไว้...บันทึกไว้หมด!!!

ปกิณกธรรม
หลวงปู่ครูบาอินสม สุวีโร
วัดป่าธรรมสันติ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
๒๑ กค.๒๕๖๓









"ไม่มีตัวเราของเราแล้วไม่มีความทุกข์
เพราะไม่ถูกกระทบ ไม่มีอะไรให้ถูกกระทบ
เหมือนคนไม่มีมือ ก็ไม่เจ็บมือ, คนไม่มีขา ก็ไม่เจ็บขา
ดังนั้น การทำให้ไม่มีตัวเราของเราได้จึงวิเศษสุด
แต่ก็ยากยิ่งนักสำหรับบุถุชนคนสามัญทั้งหลาย
ฉะนั้นขอให้มีเพียงเราเล็ก ๆ มีเราน้อย ๆ ก็ยังดี
ดีกว่าจะมีเราใหญ่โตมโหฬาร มีของเราเต็มบ้านเต็มเมือง

เมื่อปุถุชนไม่สามารถทำตัวเราให้หายไปได้
ยังหวงแหนห่วงใยตัวเราอยู่ ของเราจึงยังต้องมีอยู่ด้วย
ของเราจะหมดไปก็ต่อเมื่อตัวเราหมดไปเสียก่อน นี้เป็นธรรมดา
ถ้ายังมีตัวเราของเราอยู่ ยังต้องกระทบกระทั่งอยู่
ยังหวงแหนรักษาตัวเราของเราไว้
ก็ควรอย่างยิ่งที่จะหวงแหนรักษาให้ถูกต้อง
จะได้ไม่ต้องรับโทษทุกข์ของการมีตัวเราของเรามากเกินไปอย่างเดียว
แต่มีโอกาสที่จะได้รับคุณรับประโยชน์บ้างจากการมีตัวเราของเรา
นั่นก็คือต้องระวังรักษาปฏิบัติต่อตัวเราของเราให้ดี ให้เป็นตัวเราของเราที่ดี"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก










"การภาวนาก็คือการมีสติสัมปชัญญะคอยตักเตือนตนเองอยู่เสมอ ไม่ให้เกิดความประมาท ความมัวเมา มีอินทรียสังวรละเว้นบาป อกุศลแม้เพียงน้อย

จำต้องอาศัยความหมั่น ความพยายามทางกาย ทางวาจา ทางใจของตน จึงจะรักษาตนให้รอดปลอดภัยในธรรมของพระพุทธเจ้าได้ ต้องกระทำให้มากเจริญให้มาก ให้เป็นไปติดต่อ ไม่ขาดวรรค ขาดตอน"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ










"การสร้างคุณงามความดีนั้นก็ลำบากหน่อยหนึ่ง
เพราะว่าคนเรามี “กิเลส” ไม่อยากจะทำ
ไม่อยากจะยุ่งยาก ไม่อยากจะอดทน
อยากจะปล่อยไปตามอารมณ์เสียเป็นส่วนใหญ่
เหมือนน้ำนั่นแหละ มันก็ไหลไปตามเรื่องของมัน

ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามน้ำก็สบาย
แต่ว่า นั่นไม่ใช่ลักษณะการปฏิบัติ

ลักษณะการปฏิบัติ..ต้องฝืน
ต้องฝืน “กิเลส” ฝืน “ใจ” ตนเอง"

หลวงปู่ชา สุภทฺโท












ก็เหมือนไฟที่อยู่ในอากาศ
เวลาดับ มันไม่ได้สูญไปไหน
มันยังแทรกแซงอยู่ในอากาศ
เพียงแต่ไม่ติดเชื้อ มันจึงไม่ปรากฏ
เมื่อใจดับจากกิเลส มันก็ยังอยู่
แต่เวลาเชื้อมาใหม่ มันก็ไม่ติดอีก
ตัวของมันเองก็ไม่ติด
นั่นแหละท่านเรียกว่า "พ้น"

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก









"ธรรมเป็นที่พึ่งทางจิตใจได้อย่างแท้จริง เมื่อจิตใจมีธรรมเป็นที่พึ่ง ตนก็เป็นที่พึ่งของตนเองได้ คิดดูว่าทุกคนเกิดผู้เดียว แก่ เจ็บ ตาย ไปดีไม่ดีผู้เดียว คือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป

ถ้าตนไม่เป็นที่พึ่งของตนได้แล้ว ใครจะเป็นที่พึ่งของตนได้ และตนจะเป็นที่พึ่งของตนได้ก็ต่อเมื่อ มีธรรมเป็นที่พึ่งทางจิตใจเท่านั้น "

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก











“เมื่อเกิดมาเป็นคน รู้ตัวว่าเราจะต้องตาย
จงรีบทำคุณงามความดีทำประโยชน์ไว้เสีย

การทำมากหรือทำน้อย ไม่เป็นปัญหา
ขอให้ตั้งเจตนาให้ดี ให้เชื่อมั่นในบุญกุศลที่ตนทำนั่น
จิตใจแน่วแน่อยู่กับกุศลอันนั้น ก็จะเป็นของมากอยู่เอง

ไม่ต้องเอาหน้า เอาเกียรติ
ไม่ต้องเอาชื่อ เอาเสียง
เอาเฉพาะใจของตนเอง
ตั้งศรัทธาแน่วแน่เฉพาะบุญกุศลที่ตนทำเอง
นั่นละ เป็นอานิสงส์มาก กุศลมาก ตรงนี้แหละ”

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี









ครั้งหนึ่งหลวงพ่อชาอุปมาว่า “มะม่วงมันอยู่สูงหัวเราอยากได้ เอาไม้สิบเมตรมาสอยไม่ได้มันยาวเกินไป เอาไม้สองเมตรมาสอยมันก็ไม่ได้ ไม่พอดี มันสั้นเกินไป เราอย่าเข้าใจว่า คนจบดอกเตอร์ มาปฏิบัติสบายเหลือเกิน เพราะเรียนรู้มาพอแล้ว อย่าเข้าใจอย่างนั้น ดอกเตอร์มันยาวเกินไปก็ได้”

อีกโอกาสหนึ่งท่านสอนว่าศาสตร์ทุกศาสตร์ต้องมารวมกันที่พุทธศาสตร์มันจึงจะดี การเรียนทางโลกโดยละเลยการศึกษาและปฏิบัติหลักธรรมอาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะความฉลาดมักจะอยู่ใต้อำนาจของสิ่งเศร้าหมองโดยไม่รู้ตัว ท่านเคยสอนว่าผู้จบดอกเตอร์มักจะไม่รู้เลยว่ากิเลสเขาก็จบดอกเตอร์เหมือนกัน ผู้เรียนสูงแต่ไม่รู้จักรักษาศีลธรรมเปรียบเสมือนนกอีแร้งที่บินสูงๆแต่เมื่อหิวก็ลงมากินของโสโครก

พระอาจารย์ชยสาโร










" "ศีล​" คือ​ ปกติจิต
ที่อยู่ปราศจากโทษ
เป็นจิตที่มีเกาะกำบัง​
ป้องกันการกระทำชั่วทุกอย่าง

"สมาธิ​" ผลสืบเนื่องมาจาก
การรักษาศีล คือ​ จิตที่มี
ความมั่นคง มีความสงบ
เป็นพลัง ที่จะส่งต่อไปอีก

"ปัญญา​" ผู้รู้​ คือ​
จิตที่เข้าถึงความว่าง
เบาสบาย​ รู้แจ้งแทงตลอด
ตามความเป็นจริงอย่างไร

"วิมุตติ​" คือ​ จิตที่เข้าถึง
ความว่าง จากความว่าง​
คือ​ ละความสบาย
เหลือแต่ความไม่มี ไม่เป็น​
ไม่มีความคิดเหลืออยู่​เลย​ "

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​ดูลย์​ อ​ต​ุ​โล










โอกาสมาถึงที่แล้ว. ไม่ทำตอนนี้. จะไปทำตอนไหน. ปฎิบัติเอาซิ. อานิสงส์ไม่ใช่น้อยๆนะลูก.

หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร








เห็นหีบศพ โลงศพ. ก็กลัวกัน. ร่างกายเรานี่แหละ. คือหีบศพของคนตาย.

หลวงปู่แบน ธนากโร










การที่ฝึกอย่างนี้
บางคนก็เรียกว่า “#ปฏิบัติยาก”

เมื่อปฏิบัติยาก
ถึงเรียกว่าปฏิบัติอย่าง #อุกฤษฏ์

เราทำไมถึง
ปฏิบัติอย่างแบบอุกฤษฏ์ ให้เรามาดู สังเกตดูว่าเราเป็นผู้ที่มีกิเลสหยาบหนา มีความโลภ มีความโกรธ มีความหลงมากต่อมาก เกิดมาแต่ละภพละชาติสั่งสมกิเลสทั้งหลายเหล่านี้ทุกภพทุกชาติมา

#แล้วการปฏิบัติที่เราเคยปฏิบัติมา 24 ชั่วโมง ก็จะปฏิบัติแค่ 20 นาที 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

#แล้วยี่สิบสี่ชั่วโมงเนี่ย วันหนึ่งน่ะเราได้หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง แล้วยี่สิบสามชั่วโมงล่ะ หายไปไหน?

ไปทำสิ่งที่ไม่ดี
ไปคิดในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมด นี่
กายก็ไปทำสิ่งที่ไม่ดี
วาจาก็ไปพูดในสิ่งที่ไม่ดี
ใจก็คิดไม่ดี นี่

#มีแต่ปรุงแต่งอยู่อย่างนั้น
แต่เวลามาทำความดีนั้นน่ะ มีหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง แล้วจะเอาเวลาไหนล่ะมาเอาชนะกิเลสทั้งหลายได้

#ถ้าเราปล่อยโอกาส​ให้กับมารทั้งหลายเหล่านี้เข้ามาครอบงำทั้งยี่สิบสามชั่วโมงเนี่ย ชั่วโมงเดียวที่เราปฏิบัตินั้นน่ะถูกลบล้างไปหมดแล้ว
...
หลวงปู่ไมแสดงธรรม
ในงานหลวงปู่อุ่นหล้า 6 พฤษภาคม 2561











“...ชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง รู้สึกว่าจะน้อยมากสำหรับที่จะทำความพากเพียร ไม่เพียงพอเลย วันหนึ่งๆ มีแต่ต้อนรับผู้คน พูดคุยเรื่องราวต่างๆ เสียเวลาทำความเพียร เป็นการทำชีวิตให้เป็นหมัน เพราะเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องข้างนอกทั้งนั้น นอกจากนั้นยังเป็นการคลุกคลีด้วยหมู่คณะจนเกินไป อันเป็นทางให้เกิดความประมาทเป็น “ปปัญจธรรม” คือธรรมอันเป็นเหตุให้เนิ่นช้าในคุณธรรมอันยิ่งขึ้นไป หลงตัวลืมตัวมัวเมามืดมนอนธการ

คิดๆ ดูแล้วก็สงสารหมู่คณะที่อยู่ในเมือง ถ้าจะให้เรากลับมาอยู่ในเมืองอีก ให้ตายเสียยังจะดีกว่า เพราะรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจมาก ฟังคิด พิจารณา เกิดมากี่ภพกี่ชาติจึงจะมีโอกาสงามสำหรับการาบำเพ็ญสมณธรรมเช่นชาตินี้

“ทุลฺลภขณ สมฺปตฺติ” สมณศักดิ์ ตำแหน่ง ห้ามอบายภูมิไม่ได้ แต่คุณความดี และศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น ที่ห้ามอบายภูมิได้...”

หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล










"ถ้าเรากำลังมีปัญหา ก็อย่าไปท้อใจ
อย่าหดหู่ใจ แต่ให้ปลอบใจตัวเองว่า
ถ้าเราอดทน ถ้าเราไม่ท้อถอย
ในที่สุด เราต้องผ่านอุปสรรคนี้ได้
(ทั้งทางโลก และทางธรรม)
เพราะพระพุทธองค์ ทรงยืนยันได้ว่า
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อันนี้ เป็นกฏตายตัว
ของธรรมชาติ"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ










"สนิมกินเหล็ก กิเลสกินใจ โลภ โกรธ หลง
เป็นกิเลสที่ยุให้รำตำให้รั่ว จองเวรจองกรรม
ไม่สิ้นสุด ไม่มีเหลือ

เราอย่าไปโทษคนอื่น กิเลสของเราเองนี่แหละ
ทำลายจิตใจของตัวเรา ทำลายคุณสมบัติ
ของจิตใจของเราให้เสื่อมจากคุณงามความดี
ไปเกิดในภพที่ต่ำ ลำบากตรากตรำ

ตนเตือนตน เตือนตนเอง ระวังกันไว้ให้ดีนะ
สนิมมันกินเหล็ก กิเลสมันกินใจ"

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร