วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2020, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว
เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว
สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดี มันก็ดีไปแล้ว
ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่ว มันก็ชั่วไปแล้ว
ผ่านไปแล้ว เช่นกัน

อนาคตยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง
เราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร อย่างมาก
ก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเอง ว่าควรเป็นยังงั้น
เป็นยังงี้ ซึ่งมันอาจจะเป็น ไม่เป็นไปอย่างที่เรา
คาดคะเนก็ได้

ปัจจุบัน คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง
ได้สัมผัสจริง เพราะฉะนั้น ความดีต้องทำในปัจจุบัน
ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ต้องทำเสียในปัจจุบัน
ที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องการความดี ก็ต้องทำให้
เป็นความดีในปัจจุบันนี้ ต้องการความสุข
ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ











"โลกอันนี้มันหากเป็นอยู่อย่างนั้น
อย่าถือว่าเป็นของเรา ถือเอาก็ไม่ได้อะไร
ไม่ถือก็ไม่ได้อะไร ปล่อยวางเสีย
ให้เป็นของโลกอยู่ตามเดิม"

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี










"อย่าพยายามทำคนอื่นให้เหมือนใจเรา
เพราะเรา ก็ทำให้เหมือนใจคนอื่นไม่ได้"

หลวงปู่จันทร์ กุสโล










การภาวนานั้น ถึงแม้จะไม่ทำให้เราสำเร็จมรรคผลได้ในชาตินี้ ก็ย่อมเป็นปัจจัย ให้เราเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดในชาติหน้า..

(วาทะธรรมท่านพ่อลี)









#หาจนตายไม่มีวันเจอ

สิ่งที่เขามี.. เขาเป็น เพราะเขาทำมา ไม่ใช่แค่ปรารถนาแล้วจะได้ ท่านจึงให้สร้างไว้พึ่งพาอาศัย

เกิดมาได้เป็นคนสวยงาม ร่ำรวย ให้คิดนี่แหละคือบุญที่ทำไว้ ให้ระลึกถึงบุญเป็นอารมณ์ ให้รู้ตัวเลยว่าเราได้ทำบุญไว้ รักษาศีลไว้ เจริญภาวนาไว้ ผลที่เว้นบาป ทำบุญสร้างสมความดีบารมีจนแก่กล้า

ถ้ามิได้ทำไว้ หรือทำชั่วไว้ เกิดมาก็ทุกข์ก็ยากจน พยายามขวนขวายหาเงินหาทอง หาเท่าไหร่ก็ไม่ได้ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

#เหมือนเราหาของที่ไม่มี #หาอะไรก็ไม่เจอ #เพราะไม่ได้ทำไว้ #หาเท่าไหร่จึงไม่มี

ธรรมะ
หลวงคำบ่อ ฐิตปัญโญ
วัดใหม่บ้านตาล
สกลนคร










#การสร้างพระไว้ในตัว

ก็คือ การนั่งสมาธิภาวนา ทำดวงจิตให้เกิดความสงบ เมื่อจิตสงบกายก็สงบ ปีติความอิ่มกายอิ่มใจก็จะบังเกิดขึ้นในร่างกาย

เมื่อปิติเกิดมากๆ ก็จะกลายเป็นสุขขึ้น เมื่อสุขมากๆ แล้ว มันจะต้องใส ความใส คือตัววิปัสสนาญาณ มองเห็นสังขารร่างกายของตนเองในความเป็นจริงว่า กายนี้คือธาตุทั้ง ๔ ไม่ใช่ตัวตน เราเขา เป็นของไม่เที่ยงและเป็นทุกข์

#ต่อจากนี้ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย

ปล่อยวางในสังขาร ไม่ยึดถือว่าเป็นสาระแก่นสาร แยกกายจิตออกเป็นคนละส่วน จิตนั้นก็จะหมดภาระในการแบกหามรูปกายไว้ กลายเป็นจิตที่มีอิสรภาพเบาสบาย จะมองไปทางไหนก็โปร่งโล่ง

เหมือนเรารื้อพื้นกระดานบ้าน รื้อหลังคา รื้อฝาออกหมดแล้ว เมื่อมองไปข้างล่างก็จะแลเห็นพื้นแผ่นดิน แหงนดูข้างบนก็จะแลเห็นดาว มองไปทิศทั้ง ๔ ก็ไม่มีสิ่งใดมาบังตาของเราไว้ ย่อมแลเห็นได้ตลอดชัดเจนหมด

มองไปทางตะวันตก เราก็จะมองเห็น ทุกข์ มองไปทางใต้ก็จะเห็น สมุทัย มองไปทางตะวันออกก็เห็น นิโรธ และมองไปทางเหนือก็แลเห็น มรรค

#ใครมองเห็นอย่างนี้ท่านเรียกว่าคนเต็มบาท

คือมีครบ ๔ สลึง และถ้า ๔ สลึง หลายๆ หน ก็จะกลายเป็นตำลึงจนถึงชั่งมีค่าสูงขึ้นไปทุกที ผู้นั้นก็จะกลายเป็นคนมั่งมีสมบัติมาก คือ มีอริยทรัพย์ พ้นจากความยากจน

#ผู้ใดมีอริยทรัพย์
#ท่านเรียกผู้นั้นว่าอริยชน

อริยชน ก็คือคนที่มองเห็น อริยสัจ ผู้ใดมองเห็นอริยสัจ ผู้นั้นก็มองเห็น พระ

#ท่านพ่อลี #ธมฺมธโร











#ท่านผู้มีทรัพย์ภายนอกมากมีสองจำพวก

จำพวกหนึ่ง เสวยผลบุญแต่ชาติก่อนแล้วไม่สร้างต่อ จำพวกหนึ่งนั้น สร้างต่ออย่างเต็มที่

จำพวกหลังนี้ก้าวเข้าสู่ทรัพย์ภายในไปในตัวสูงขึ้นทวีคูณ บุญมาก และก็ควรถือเอาเป็นเยี่ยงอย่างอันดี เป็นของหาได้ยาก เป็นผู้เชื่อเหตุเชื่อผล เชื่อบุญเชื่อบาปโดยแท้ มีหลักจิตหลักใจ หลักธรรมะอันขาวสะอาด พร้อมทั้งศรัทธาอันประกอบด้วยพระปัญญา เป็นโลกุตตะระ


เมื่อศรัทธาทรัพย์เป็นหลักของใจจิตแล้ว ทรัพย์อื่น ๆ ก็พลอยเกิดขึ้นเป็นกำลังหนุนส่งบวกทวีคูณพูนขึ้น..

และการเลื่อมในพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่เอาศาสนาอื่นมาปนเปคลุกเคล้ามัวมอม

ยอมจำนน อยู่ชั่วตราบใด ๆ จนใกล้ได้ถึงพระนิพพานก็ดี เป็นเจตนาอันดิ่งหยั่งลึกถอนไม่ออก ไม่ใช่ศรัทธาภายนอกแบบโลกีย์วิสัยตรงไปนิพพานแน่แท้..

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต










พระอรหันต์นั่นนะ ท่านไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ ดอก...คือ พ้นจากอุปาทาน นั่งอยู่นิพพาน นอนอยู่นิพพาน นิพพานไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อถอนอุปาทานแล้ว ใจเป็นนิพพาน คือ พระอรหันต์ไม่มีพุทโธ สังโฆ
ท่านพอแล้ว..เฉยจากรูป เฉยจากเวทนา เฉยจากสัญญา เฉยจากสังขาร เฉยจากวิญญาณ จึงเป็นนิพพาน
เมื่อจิตเป็นนิพพานแล้ว ชาติ เกิดไม่มี ชราธมฺโม ไม่มีแก่ พยาธิ ความเจ็บไม่มี มรณ ความตายไม่มี

หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม









เพียงแต่กำหนดให้เอาใจไว้ในกาย ทำใจให้รู้ว่า หายใจได้อยู่เท่านั้น พอจิตส่องไปรับอารมณ์ภายนอกเข้ามาก็ให้รู้เท่าว่าจิตออกนอกกาย ให้มีสติกำหนดรู้ทุกอิริยาบถ

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร