วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2020, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


การทำบุญ​เนี้ย​ ไ​ม่มี​เ​ง​ินสักบาทก็ทำ​ไ​ด​้​ มาวัดวาปัดกวาด​เ​ช็ดถู​ ในสถานที่​ศักดิ์​สิทธิ์​ด้วยจิตใจ​บริสุทธิ์​ แค่เนี้ย...​เทวดาเบื้อ​ง​บนเขาอนุโมทนา​สาธุการจน​สะเทือน​ทั้งหมด!!!

โอวาทธรรม​
หลวง​ปู่​แผ่น​ทอง​ จา​ค​ร​โต
วัดสะพานดำ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์




เรื่อง "ชีวิตวิบัติ แม้ทำกรรมกับพ่อที่ไม่ได้เลี้ยงดู"

(คติธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)

มันมีอย่างนี้ ตัวอย่างมันเห็นได้ชัดเจน ขนาดพ่อไม่ได้เลี้ยงลูก มหาศรี อยู่วัด เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่กี่ปีมานี้ มหาศรีสอบมหา ๕ ประโยคได้ตั้งแต่อยู่บ้านนอก เข้าไปอยู่กรุงเทพฯ ทีนี้พ่อแกไปได้แม่แกอย่างไม่ได้มีทะเบียน พอท้องแล้วไม่รับรอง ไม่รับว่าเป็นลูก แม่มหาศรีนี่ก็ใจเด็ด ก็เลี้ยงลูกกะยาย มหาศรีเกิดมาก็เห็นแต่แม่กับยาย

อยู่มาภายหลัง มหาศรีไปเรียนจบปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ แล้วไปต่อปริญญาโทที่ประเทศอินเดีย พอกลับมา เจ้าพ่อนี่เขียนจดหมายให้ลูกชายที่ได้กับแม่ใหม่ถือไปบอกว่า คนนี้คือน้องชายของท่าน ท่านช่วยอุปการะให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียน พออ่านจดหมายเท่านั้นแหละ มหาศรีนี่ลุกปุ๊บปั๊บ “กูไม่มีน้อง กูไม่มีพี่มีน้อง กูมีแต่ยายกับแม่ มึงไปนะ ไม่ไปกูเตะคอหัก” เด็กหนุ่มมันกลัวมันก็หนีไป

เอ้า! นึกว่าจะเป็นเฉพาะแต่น้องชายมา หลังจากนั้นไม่นาน ไม่กี่วัน พ่อกับแม่ใหม่มา มาก็มาบอกว่า “ผมนี่แหละเป็นพ่อของท่าน” พอได้ยินเท่านั้นแหละ ลุกปุ๊บปั๊บขึ้นมาเลย กำหมัด ทำท่าจะเตะจะต่อย “กูไม่มีพ่อ กูมีแต่แม่กับยาย ยังมาบอกว่าเป็นพ่อ มึง! หมานี่ ทำไว้ แล้วไม่รู้จักเลี้ยงจักดู ไม่รู้จักรับผิดชอบ จะมาอ้างว่าเป็นพ่อกูยังไงวะ ไปนะ ไม่ไปกูเตะคอหักเลย” พ่อรีบลุกออกจากกุฏิไป

ภายหลังมา มหาศรีสึกไป ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้ ไปสมัครเป็นอนุศาสนาจารย์ เขาก็สืบประวัติว่ามีความประพฤติไม่ดี พอเสร็จแล้วก็เลยไม่มีงานทำเตะฝุ่นอยู่จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ พ่อแม่นี่ เพียงแค่นี้ ก็บาปหนักบาปหนาเห็นทันตา อันนี้รายหนึ่ง

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย





#สังขารธรรม~#สังขารโลก

สังขารธรรม สังขารโลก...มันก็มีตัวตนอยู่ละ ถ้าอยู่ในสังขารโลกมันก็มีเจ็บมีแก่อยู่เช่นนี้ สังขารธรรมก็มีดับมีตายอยู่เช่นนี้ มันลำบากที่สุด สังขารธรรมกว่าจะหลุดพ้นได้ก็ไม่ใช่อะไรเลย รบราฆ่าฟันในตัวเองไม่ใช่น้อย ในกายในใจของเราฆ่าทุกอย่างเหมือนกัน เราต้องฆ่าอารมณ์ เราต้องฆ่าโทสะ เราต้องฆ่ากิเลส เราต้องฆ่าตัณหา ฆ่าความโลภ โกรธ หลง ต้องฆ่าหลายอย่างกว่าจะตัดมันได้

สังขารโลกกว่าจะฟื้นฟูได้กว่าจะตั้งหลักได้ กว่าจะมั่งมีพอกินพออยากได้ ก็รอดล้ม รอดตายละ สงครามโลกเกิดได้ก็เพราะความแห้งแล้งนี่ละ ... สังขารธรรมถ้าตัดจากโลกภายนอกได้ก็ไม่มีอะไรเลย ถ้าเราตัดไม่ได้ก็เป็นสังขารธรรมไม่ได้ละ...ความเลวร้ายของสรรพสัตว์โลกที่จะโจมตี ต้องตัดให้ขาด พระพุทธเจ้าก็ยังโดนโจมตี และสัตว์โลกคอยทำลาย ปองฆ่าก็เยอะ ปองทำลาย พระพุทธเจ้าพระองค์ท่านเจอมามาก...!!!

หลวงปู่สังวาลย์ ธมฺมสาโร
วัดป่าเขามโนราห์ ชายป่าห้วยขาแข้ง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี
(ท่านเป็นพระกรรมฐาน อยู่แต่ในป่าเขา ปัจจุบันอายุ ๙๐ ปี)




"เขานินทาต้องหยุดนิ่ง พิจารณาดูว่า
เขาว่าอะไรกัน ถ้าไม่เป็นจริงก็แล้วไป
ถ้าเป็นจริงอย่างเขาว่า ก็แก้ไขตัวเราเสีย
ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง"

หลวงปู่ชา สุภัทโท







“ถ้าให้อภัย ไม่ถือสา คิดเสียว่าสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เขาทำ ก็ผ่านไปแล้ว ย้อนกลับไปลบมันไม่ได้
แต่เราลบมันออกจากใจเราได้ ด้วยการให้อภัย
พอให้อภัยแล้ว ใจก็จะสงบเย็น”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต







ถ้าเรามีธรรมอยู่ในใจของเรามาก ๆ
เราจะให้อภัยซึ่งกันและกันได้มากขึ้น
เมื่อมีการอภัยให้กันได้มากขึ้น
ความตึงเครียดในใจก็จะไม่มี
.
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช








" พระพุทธเจ้ายังตรัสไว้ว่า
"กิจโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ"
การที่จะมาเป็นมนุษย์มันไม่ง่าย

ไปเกิดเป็นมดดำ มดแดง
มันง่าย ไปเกิดเป็นสัตว์มันง่าย
แต่ไปเกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก
ต้องมีธรรมที่เขาเรียกว่า
"ต้องมีมนุษยธรรม"

เมื่อมันยาก แล้วเราจะทิ้ง
ประโยชน์เสียมันก็ไม่ถูกต้อง
อุตส่าห์ลำบากยากเย็นเข็ญใจ
เกิดมาเป็นมนุษย์กับเขาคนหนึ่ง

แต่ว่าไปกินเหล้าซะนี่ ไปกิน
ยาเสพติดซะนี่ ไปขี้โกงเขา
ซะนี่ ไปหลอกลวงเขาซะนี่
อันนั้นถือว่า "เกิดมาเสียเปล่า
ไปมือเปล่า"

แม้คนนั้นจะมีเงินมีทอง
มีข้าวมีของอะไรเยอะแยะ
ก็ตาม ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว
เขาเรียกว่า"กลับไปมือเปล่า" "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร








" ไม่อยากทุกข์​ ก็ต้องละบาป​
เพราะ​บาปคือเหตุแห่งทุกข์​

คำสอนข้อแรกที่
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
คือ​ ละบาป "

โอวาทธรรม
พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น)
ถิรจิตโต








" รูป ก็ดี เสียง ก็ดี
กลิ่น ก็ดี เป็นต้น

เห็นวันนี้ วางวันนี้
อะไร ๆก็วางให้หมด
เห็นสุข วางสุข
เห็นทุกข์ วางทุกข์

เห็นมันที่ไหน
วางมันที่นั่น
เออ วางที่นั่น
ทิ้งที่นั่นเรื่อย ๆไป

มันไม่เป็นอารมณ์อะไรล่ะ
ทีนี้เอาไว้ที่นั่น เราก็มาอยู่
บ้าน(ความว่าง)ของเราไป

เห็น เราก็ทิ้ง
เห็น เราก็ดู
ดูแล้วเราก็วาง สิ่งทั้งหลาย
(อารมณ์ทั้งหลาย)เหล่านี้
หมดราคา
ไม่สามารถทำอะไรเราได้

อันนี้ เป็นกำลังวิปัสสนา "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อชา สุภัทโท










#แม้แต่หมายังอุตส่าห์สร้างสมความดี

” อาตมาได้เห็นในสายตาของอาตมาชัดๆ อย่างที่อาตมาเคยเล่าสู่ฟัง หมาดำใหญ่ของอาจารย์แนม ของโยมแนม ของโยมกระสัย นามสกุล ก่างทอง บ้านนาหัวช้าง หมู่ ๔ ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนครนี้เอง

ไม่ใช่ที่ไหน ขนาดเป็นหมาแท้ๆ ถึงวันพระเนี่ย วัน ๘ ค่ำ วิ่งไปวัดแล้วข้าวก็ไม่กินทั้งวัน นอนหูไม่กระดิก ตาไม่ลืมเลย พอตอนเช้า ลาศีลกันเสร็จ พอได้ยินลาศีลกันเสร็จ ก็ลุกขึ้นสะบัดขน พรึ่บๆ

แล้วก็ลงไปรับข้าวก้นบาตร เสร็จวิ่งไปบ้าน นั่นแหล่ะเรียกว่า ผู้ทำกุศล ถึงแม้จะมาเกิดเป็นหมา ก็ยังอุตส่าห์พยายามสร้างสมความดี คือ พยายามทำดีได้อยู่นี้ เรียกว่าผู้ที่ทำให้เป็นนิสัย ”

#หลวงปู่สมชาย #ฐิตวิริโย ,
คัดจาก พระธรรมเทศนา เรื่อง ขันติบารมี บุญต่างจากกุศล หน้า ๒๖๘


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร