วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2020, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#อวิชชา_เป็นเหตุ_ให้เกิดสังขาร

สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป
ท่านว่าให้ดับ"ความโง่"อันเดียวเท่านั้น
ผลดับหมด

เพราะธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ
ธรรมทั้งหลาย ดีก็ดี ชั่วก็ดี ไหลมาแต่เหตุ
คือความโง่ ความไม่เข้าใจ
คิดว่าเป็นตัวเป็นตน ก็ได้รับผลเป็นสุข
เป็นทุกข์สืบไป

ท่านเรียกว่า "วัฏฏะ" การวน "วนไม่มี
ที่สิ้นสุด..."

#หลวงปู่ขาว_อนาลโย








"ตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า

ถือด้วยใจ ปฏิบัติด้วยใจ

เจริญพุทธานุสติ ด้วยการประพฤติ.."

#หลวงปู่มั่น_ภูริทตฺโต









"ธรรมะ 84,000 เนี่ยะ
ก็มาจากจิตดวงนี้ดวงเดียวนี่ละ

ถ้าเรามีสติอยู่กับจิต

เราก็พร้อมที่จะรู้เห็นธรรมตลอดเวลา
จะเห็นใบไม้ร่วงก็เป็นธรรม

จะเห็นถนนมันพังก็เป็นธรรม
ถ้าจิตเป็นธรรมแล้ว
อะไรก็เป็นความรู้ความเห็นเป็นปัญญาไปหมด

อยู่ที่สติตัวเดียวนี่ล่ะ

ดังนั้น ให้เราฝึกสติให้มาก ให้บ่อย ให้มันกลายเป็นอัตโนมัติ
นั่นละจิตเราจะถึงธรรมเอง"

หลวงปู่เยื้อน ขันติพโล









"หาวิธีการที่จะปลง จะวาง จะทื้ง
ร่างกายนี้ ถ้าปลงได้ วางได้ ทื้งได้
มันก็สบาย หากนั่งภาวนาไม่ได้ก็
นอนภาวนาไป อย่าให้มันหลับ นอน
ให้มันเจ็บ นอนให้มันปวดขึ้นมา...
หรือผู้ที่ยังไม่ได้เจ็บป่วย เวลานั่ง
ภาวนามันเจ็บมันปวดขึ้นมาอย่าไป
เลิก ให้มองดู ให้วิจัยวิจารณ์ให้ขบ
ให้คิด ให้พิจารณาให้มันเกิดปัญญา
ว่าอะไรที่มันเจ็บ อะไรที่มันปวด มัน
เจ็บปวดตรงไหน ใครเป็นผู้รู้ว่ามัน
เจ็บปวด ให้มันได้คำตอบออกมา"

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม









"คนฉลาดเขาไม่มองคนอื่น
คนฉลาดเขามองตัวเอง

คนโง่ชอบมองคนอื่น
ชอบตำหนิคนอื่น
ไม่ชอบตำหนิตัวเอง

คนฉลาดนี่ชอบตำหนิตนเอง
ไม่ชอบตำหนิผู้อื่น"

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต








#พุทโธ

... เมื่อภาวนาพุทโธๆๆ กิเลสมันเห็นว่าไม่ได้การแล้วเขาจะหนีจากเราไปอีกแล้ว มันก็จะสรรหาสิ่งที่จะผูกมัดให้เราติดมั่นเข้าทุกที เราเกิดมาตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยฝึกสมาธิภาวนาเลย มีแต่ปล่อยให้จิตไปตามอารมณ์ของกิเลส เพิ่งมาฝึกหัดเดี๋ยวนี้เอง เมื่อมาภาวนาพุทโธๆ ๆ เพื่อให้จิตมันมารวมอยู่ที่พุทโธ จิตมันจึงดิ้น เหมือนกับบุคคลโยนปลาขึ้นจากน้ำไปที่บนหาด ปลาย่อมดิ้นหาน้ำเป็นธรรมดา เราดึงเอาจิตให้เข้ามาหา พุทโธอีก

พุทโธ เป็นของเย็น เป็นทางให้เกิดสันติสุขมีทางเดียวเท่านี้ที่จะทำให้พ้นจากทุกข์ในโลกนี้ได้

เราดึงเอาจิตเข้ามาอยู่ในพุทโธ ๆ อีก หากคราวนี้พอสงบลงไปได้บ้าง พอรู้สึกว่าจิตมันอยู่ พอเห็นลางๆ ว่าจิตมันอยู่ มีความสุขสบาย ต่างกับจิตใจที่ไม่สงบ มีความทุกข์เดือดร้อน ตั้งใจระวังเอาสติประคองอารมณ์นั้นไว้ เอ้า ไปอีกแล้ว โน่น คราวนี้ไปยึดเอาผลประโยชน์มาเป็นเครื่องอ้างว่า ถ้าสิ่งนั้นเราไม่ทำหรือเราไม่แสวงหาก็จะเสียโอกาสอันมีค่ามหาศาล แล้วก็เอาจิตไปจดจ่ออยู่เฉพาะสิ่งนั้นแทนคำบริกรรมพุทโธ ส่วนพุทโธมันเลยหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ว่าพุทโธมันหายเสียแล้ว ก็สายเสียแล้ว จึงว่าจิตนี้เป็นของดิ้นรนกระเสือกกระสน รักษาได้ยาก เหมือนกับลิงอยู่ไม่เป็นสุข ฯลฯ

บางทีนั่งสมาธิภาวนานานๆ เข้ากลัวโลหิตจะไม่เดินหรือเดินไม่สะดวก กลัวเส้นประสาทจะตาย เกิดเป็นเหน็บชา ในที่สุดเป็นอัมพาต ถ้าไปภาวนาไกลบ้านหน่อยหรือในป่าก็ยิ่งกลัวใหญ่ กลัวเสือจะมากิน กลัวงูจะมากัด กลัวผีจะมาหลอกทำท่าทีต่างๆ นานาใส่ ความกลัวตายยุบยิบไปหลายอย่างหลายประการ ล้วนแล้วแต่ตัวเองหลอกตัวเองทั้งนั้น ความจริงหาได้เป็นดั่งคิดนึกไม่ ตั้งแต่เราเกิดมาจนป่านนี้ไม่เคยเห็นเสือกินคนเลยสักคนเดียว ผีก็ไม่เคยเห็นเลยสักที แม้แต่ตัวผีก็ไม่เคยเห็นสักเลยที ไม่ทราบว่าตัวมันเป็นอย่างไรแต่ก็ปรุงแต่งขึ้นมาหลอกตัวเอง

อุปสรรคของการภาวนาที่ชักตัวอย่างมานี้ พอเป็นตัวอย่างเท่านั้น ความจริงแล้วมันมีมากกว่านี้ตั้งหลายเท่า ผู้ภาวนาแล้วจะรู้ด้วยตัวเอง

หากว่าเรายึดเอาพุทโธ ๆ มาไว้ที่ใจแล้ว เอาสติควบคุมจิตให้อยู่กับพุทโธอันเดียว ภัยอันตรายทั้งปวงจะไม่มาแผ้วผาน

ขอให้เชื่อมั่นในพุทโธจริง ๆ เถิด รับรองว่าไม่มีอันตรายแน่นอน เว้นเสียแต่กรรมเก่าที่เขาเคยได้กระทำไว้ นั่นเป็นของสุดวิสัย แม้นพระพุทธเจ้าก็ป้องกันให้ไม่ได้ ฯ
.
คัดลอกบางส่วนจากพระธรรมเทศนา
#วิธีฝึกหัดสมาธิโดยบริกรรมพุทโธ
โดย พระราชนิโรธรังสี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
แสดง ณ วัดหินหมากแป้ง อำเภอเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘









จิตใจของเด็กไม่ใช่กระดานขาว เขาเคยเกิดเคยตายไม่รู้กี่ครั้ง กี่ล้าน ๆ ๆ ครั้งแล้ว จะบริสุทธิ์ได้อย่างไร? แต่จิตใจเด็กดีที่ไม่ค่อยมีลับลมคมใน กิเลสส่วนใหญ่ยังนอนเนื่องอยู่ในสันดาน ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรากฏตัวชัดเจน จิตใจของเด็กจึงพร้อมที่จะซึมซับสิ่งที่สัมผัสอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรู้สึกปลอดภัย ตัวอย่างที่ดี และการสั่งสอนที่ดี พลังความดีที่รับเข้ามาอาจทับถมกรรมเก่าของเขาได้ อย่างน้อยเป็นการให้เด็กมีฐานมั่นคง เพื่อจะชนะสิ่งเศร้าหมองในใจตนต่อไป

ผู้สอนลูกหลานในสิ่งที่ดีงาม และเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย (ไม่ใช่พูดอย่างเดียว) ได้บุญมากทีเดียว มีส่วนในการสร้างอนาคตของตระกูล และประเทศชาติที่น่าภูมิใจยิ่ง

พระเทพพัชรญาณมุนี
(พระอาจารย์ชยสาโร)









...ความสุขความทุกข์ของใจเรานี้
“มันยิ่งใหญ่”กว่า
ความสุขความทุกข์ทางร่างกาย

.
ถ้าใจมีความสุขแล้ว ความทุกข์ของร่างกาย ..จะไม่มีความหมายอะไร
ถ้าใจมีความทุกข์แล้ว ความสุขของร่างกาย ..ก็ไม่มีความหมายอะไร

.
ต่อให้เป็นพระราชามหากษัตริย์ มหาเศรษฐี
มีความสุขของพระราชา ของมหาเศรษฐี
“แต่ถ้า..ใจทุกข์แล้ว” ความสุขเหล่านั้น
เหมือนถูกกลบไปหมดเลย หายไปหมดเลย
อยู่ในวังก็ร้อน อยู่ในคฤหาสน์ร้อยล้านพัน
ล้านก็ร้อน ..ใจทุกข์ ใจร้อน

.
ในทางตรงกันข้าม “ถ้าใจสงบ ใจเย็น
สบาย”แล้ว ..อยู่ในป่า อยู่โคนไม้
อยู่คนเดียว ก็ไม่เดือดร้อน.

............................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 30/8/2559
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี








ถ้าไม่อยากเสียอย่างแล้วสบาย
ใครอยากจะเป็นนายร้อยก็ปล่อยเขาเป็นไป
ใครจะเป็นนายพลนายพันก็ปล่อยเขาเป็นไป
ใครจะร่ำจะรวยก็ปล่อยไป

...เราสบายแล้ว เราไม่อยากนี้เราสบายแล้ว
เราอยู่เฉยๆ เราสบายจะตายไป
นี่แหละเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า

...เป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ว่า
ความสุขความทุกข์..อยู่ที่..
"ความอยากหรือไม่อยาก" นี่เอง

...ตราบใดยังมีความอยากสามประการนี้อยู่
คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาอยู่
ตราบนั้นก็ยังจะต้องมี "ความทุกข์"

...ตราบนั้นก็ยังจะต้องเวียนว่ายตายเกิด
เพราะเวลาร่างกายนี้ตายไป
"ความอยากไม่ได้ตาย" ไปกับร่างกาย

ธรรมะบนเขา 27/11/2557
หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต









"คนเถียงพ่อเถียงแม่ จะเอาดีไม่ได้
ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่ไม่ดี
ก็ทำมาหากินไม่ขึ้นแล้ว

ต้องแก้ปัญหาก่อน คือถอนคำพูด
ถอนความคิด ไปขอขมาลาโทษ
กรรมใดที่ลูกได้ล่วงเกินคุณพ่อคุณแม่
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี
ขอให้คุณพ่อคุณแม่ อโหสิกรรมให้แก่ลูกด้วย

แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่
คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูต่อพ่อแม่''

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม







การอยู่กับอสุภะ. เป็นสิ่งที่ถูกต้อง. เอาอสุภะมาเป็นอารมณ์ของใจ.

หลวงปู่แบน ธนากโร







#ท่านพ่อลี_สอนว่า_จิตเผลอเมื่อไหร่_เราก็ตายเมื่อนั้น

ร่ายกายของเรานี้ มันตายทุกวัน เกิดทุกวัน ธาตุขันธ์ ลมหายใจมันก็ตายเกิดทุกวัน นี่คือตายในส่วนของร่างกาย

ส่วนจิตก็ตายอยู่ทุกเวลา เช่น เวลาที่เราเผลอตัว มันก็ไปเกิดชั่ว ก็เท่ากับเราตาย ถ้าเราไม่ต้องการตาย เราก็ตั้งใจหายใจให้ดีอย่าให้เผลอ

#ลมหายใจเรานี่แหละเป็นตัวชีวิต

ได้แก่ การตั้งอาณาปานสติ นึกถึงคุณพระรัตนตรัย เช่น พุท เข้า โธ ออก หรือคิดไปในสิ่งที่ดีเป็นต้น

#ถ้าเผลอไปเมื่อใดก็เท่ากับเราตาย

วันหนึ่งๆ นี้ เราตายกันอย่างนี้กี่ครั้งกี่หน?

#ท่านพ่อลี #ธัมมธโร








“ พอเมื่อดวงจิตวิญญาณ
ออกจากร่างแล้วนี่
มันจะคว้างเคว้ง

ทีนี้ ถ้าหากว่าไม่มีบุญ
เป็นที่เกาะนี่ บาปมันก็เริ่ม
เข้ามาแล้ว เพราะเรา
บางครั้ง เราก็เผลอ
ทำบาปไปเหมือนกัน

แต่ทีนี้ ถ้าหากว่า เรามีสติ
เราระลึกถึง พระธรรม
คำสั่งสอน ของพระองค์
เราก็ได้ที่พึ่งทันที

อย่างน้อยที่สุด
นึกพุทโธเอาไว้ ก็ถือว่าเรา
ได้ที่พึ่งแล้ว อย่างนี้เป็นต้น.."

โอวาทธรรม
หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร









".."การท่าความเพียร
เพื่อละกิเลสนั้น ไม่ใช่
เรื่องทำเล่น ๆ กิเลสในใจ
ของมนุษย์นั้น
มีมาตั้งแต่ก่อนเกิด"
จนเดี๋ยวนี้กิเลสก็ยังมีอยู่

"ถ้าไม่เพียรละให้หมด
ในชาตินี้ กิเลสนี้ก็จะ
พาเกิดพาตายในอนาคต
ไม่มีที่สิ้นสุด"

ด้วยเหตุนี้ พุทธบริษัททั้งสี่
ที่ยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่
"จงเพียรทำทาน การกุศล
จนวาระสุดท้าย
หมดลมหายใจ.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร









" ความจำ (ธรรมะ) นั้น
ถึงจะจำได้มากขนาดไหน
กิเลสก็ไม่กลัว

แต่ถ้า ประพฤติปฏิบัติ
เกิดปัญญาขึ้นภายใน
กิเลสกลัวมาก เพราะ
ปัญญาเป็นสิ่งที่ตัดกระแส
ของกิเลสตัณหา "

โอวาทธรรม
พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron