วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2020, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...นี่คือสิ่งที่เรา
“ต้องหมั่นพิจารณาอยู่เรื่อยๆ”
ถามตัวเราเองว่า...
เรารักใคร เราชอบใคร เราอยาก
ให้เขาอยู่กับเรา ไปนานๆใช่ไหม

.
แต่เขาจะอยู่กับเราไปนานๆได้หรือเปล่า
หรือเราจะอยู่กับเขาไปนานๆได้หรือเปล่า
“เรากับเขา..จะไม่มีวัน
จะต้องจากกันไปหรืออย่างไร”

.
ถ้ามันมาถึงวันนั้น ...วันที่จะต้อง
มีการจากกัน เราจะทำใจอย่างไร

.
ถ้าเราหมั่นคอยเตือนใจสอนใจ
ถึง..”ความเป็นจริงอันนี้”ว่าจะต้องมี
การพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นสามี
เป็นภรรยา เป็นบุตรเป็นธิดา
เป็นญาติสนิทมิตรสหาย

หรือเป็นสิ่งของต่างๆ เช่นลาภ ยศ
สรรเสริญ สุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย

“เป็นสิ่งที่จะต้องมีการพลัดพรากจากกัน
อย่างแน่นอน” ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง

.
ถ้าเราหมั่นพิจารณาอยู่เรื่อยๆ
เราจะเตรียมตัวเตรียมใจ
และปรับใจของเรา ..
”หัดอยู่แบบไม่ต้องมีเขาให้ได้ “.

............................................
.
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา 18/4/2558
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









มารดาบิดาท่านว่า “เป็นพรหม”
(พระพุทธเจ้า)
.
ดูแลกันและกันให้ดี
เพราะ “ไม่มีวันนี้สองครั้ง”

ทำบุญกับพ่อแม่ทุกวัน
ดีกว่าไปทำ ๑๐๐ วัน ครั้งเดียว

พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี










ข้าไม่มีอะไรให้แก
ธรรมที่สอนไปนั่นแหละ
ให้รักษา​เท่าชีวิต

หลวงปู่ดู่​ พรหม​ปัญโญ








หากนำดอกไม้ใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่จิตใจดีงาม

หากนำเอาความรักใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่เปี่ยมด้วยเมตตา

หากนำเหตุผลใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์

หากนำหนังสือใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นปัญญาชน

หากนำนิสัยแห่งการให้ใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่มีจิตสำนึกแห่งสาธารณะ

หากนำธรรมะใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนดี

หากนำสมบัติผู้ดีใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นสุภาพชน

หากนำดนตรีใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนอารมณ์ดี

หากนำธรรมชาติใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนสงบสุข

หากนำความก้าวร้าวใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นอันธพาล

หากนำความตามใจใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นจอมบงการ

หากนำเงินใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนมักง่าย

หากนำปืนใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นฆาตกร

หากนำวัตถุแพงๆ ใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนบ้าวัตถุ

หากนำความรักสบายใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนหยิบโหย่งอ่อนแอ

หากนำความไม่รับผิดชอบใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนที่สูญเสียสามัญสำนึก

หากนำความริษยาใส่มือเด็ก เขาจะเป็นคนที่ขาดความสุขของชีวิต

หากนำแต่วิชาชีพใส่มือเด็ก เขาจะกลายเป็นคนสมองโตแต่ใจตีบ

คุณเอง...ในฐานะเป็นพ่อแม่ วันนี้คุณเอาอะไรใส่มือเด็กๆ ของคุณ

เด็กที่เกิดมาทุกคนล้วนเป็นเด็กบริสุทธิ์

พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก

ถ้าแบบอย่างไม่ดี ลูกจะเป็นคนดีได้อย่างไร...

พระเมธีวชิโรดม
(ท่าน ว.วชิรเมธี)








"หมาเห่า อย่าเห่าตอบ เพราะจะเพิ่มหมาขึ้นอีกตัว"

ท่านพุทธทาสภิกขุ








"เรื่องของใจ มันพาให้วุ่น คิดโน่นคิดนี่
ไปคิด ไปติด กับคนนั้นคนนี้
มันเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่ดูหัวใจตัวเอง

ถ้าดูหัวใจตัวเองแล้ว จะไม่เป็นอย่างนั้น
นี่คิดดูสิ ดีก็อยู่ที่ปากเขา ชั่วก็อยู่ที่ปากเขา
เขาติฉินนินทา ก็อยู่ที่ปากเขาโน่น
เราไม่เอามาเป็นอารมณ์ ก็ไม่มีอะไรๆ ล่ะ

คนที่มีธรรม เป็นอย่างนั้นนะ
มีแต่คนไม่มีธรรมนั่นล่ะ ที่วิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา
หากอบรมแล้ว จิตมันจะลงพรึ่บเลย
ได้กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
กราบครูบาอาจารย์เท่านั้น"

หลวงปู่ลี กุสลธโร








ยิ่งพูดมาก. ยิ่งผิดมาก. ยิ่งพูดน้อย. ยิ่งผิดน้อย. ยิ่งไม่พูด. ให้เขามองว่าโง่. นั่นแหละดี

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต








#สู้พุทโธบ่ได้ดอก

หมดแนวนี้หมด หมดเฮานี้ โลกอันนี้ มีแต่เรื่องสมมุติทั้งนั้นแหละ สู้พุทโธบ่ได้ดอก เฮาเห็ดแนวใด๋ ก็สู้อันนี้บ่ได้ดอก ในโลกนี้

หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม--/วัดป่าดานศรีสำราญ








"สังฆทานชุดเล็ก"

สังฆทาน ที่ต้องแยกของเป็นประเภท
ที่โยมมาถวายน่ะ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทคือ

ประเภทที่ ๑คือพระพุทธรูป

ประเภทที่ ๒คือผ้าไตรจีวร

ประเภทที่ ๓คืออาหารและเครื่องใช้

แต่ล่ะอย่างมีอานิสงส์ต่างกัน แต่เท่า
ที่เขียนไว้ใน หนังสือหลวงพ่อปาน บอกควรจะถวายสังฆทานแบบนี้ก็เพราะว่า

ก่อนหน้านั้นหลายปีมา ก็มีบรรดาผี
ทั้งหลายมาขออานิสงส์ในการถวาย
สังฆทานแกขอเหมือนกันหมด

ว่าขออาหารหน่อยหนึ่งและขอผ้า ขอ
พระพุทธรูป หนักๆ เข้าก็เลยถามแกว่า
"ไอ้อาการขอแบบนี้ ก็หมื่นคนก็ขอ
เหมือนกันหมด" แกก็เลยบอกว่า

”ถ้าอาหารนิดหนึ่งเป็นปัจจัยให้ผม
ได้ร่างกายเป็นทิพย์ครับ สำหรับผ้าไตรจะได้เครื่องแต่งตัวเป็นทิพย์

และก็สำหรับพระพุทธรูป ทำให้เป็น
เทวดาหรือนางฟ้า มีแสงสว่างมาก”

เพราะเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี
เขาถือว่า ถ้าใครมีแสงสว่างมาก คนนั้นมีอานิสงส์มาก

มีบุญมาก คนไหนมีร่างกายหรือแสง
สว่างน้อย คนนั้นมีบุญน้อย ต่อมาอาตมาก็เลยจัดให้ครบตามที่ผีขอ

และสำหรับผ้าไตรถ้ามีสตางค์ไม่ครบ
ไตร เป็นผ้าผื่นใดผืนหนึ่งก็ได้ ทีแรกก็จัดเป็นชุดใหญ่

ต่อมาเมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา เวลาเป่ายันต์
เกราะเพชร พอลงไปเป่ายันต์เกราะเพชรสมเด็จฯท่านก็ชี้ไปที่ถวายสังฆทาน

ท่านถามว่า “สังฆทานชุดละเท่าไร?”
ก็บอกท่านว่า “เขาทำบุญ๕๐๐บาท”

ท่านบอกว่า “ไอ้เงิน๕๐๐บาท มัน
น้อยสำหรับผู้มีสตางค์มาก ขอให้จัด
ชุดละ ๑๐๐ บาท”

นี่พระพุทธเจ้าตรัสเองนะ ท่านอธิบาย
ว่า “๑๐๐ บาท สำหรับคนที่มีสตางค์
น้อย ๕ คน ๑๐๐บาทยังได้ ไม่ใช่ว่า
เฉพาะคนเดียวนะ”

ยกทรง บอกว่า “แต่ว่า ๑๐๐ บาทนี่
กำลังดีนะครับ”ใช่ๆ

จากหนังสือ สนทนาธรรม เล่ม ๙
หน้า๒๗-๒๘
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร