ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ใจเศร้าหมอง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=59207
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 03 ส.ค. 2020, 05:22 ]
หัวข้อกระทู้:  ใจเศร้าหมอง

#เหตุที่จิตสงบยาก

พระฝรั่งรูปหนึ่งเคยบ่นกับหลวงพ่อชาว่า ทำไมพวกเราตั้งอกตั้งใจมากแต่สงบยาก ในเมื่อเพื่อนพระไทยหลายรูปดูจะสงบง่ายกว่าเราเยอะ หลวงพ่อตอบว่า “คนมีการศึกษามากมักจะคิดมาก สงสัยมาก สงบยาก พระไทยส่วนใหญ่เป็นลูกชาวนา มีการศึกษาน้อย ไม่คิดมาก ไม่สงสัยมาก ศรัทธาท่านแรงกล้า จึงสงบง่ายหน่อย” อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อให้กำลังใจ “จิตของพวกท่านเหมือนบ้านหลังใหญ่ มีหลายห้อง จะทำความสะอาดก็ต้องใช้เวลามากกว่ากระต๊อบก็จริง แต่สะอาดแล้วคงจะน่าอยู่กว่า ทำอะไรได้มากกว่า”

ทุกวันนี้คนไทยมีการศึกษามากขึ้น คนในเมืองนิสัยคิดมากสงสัยมากกำลังถึงระดับอินเตอร์เสียแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ขออย่าท้อแท้ จิตถึงจะฝึกยากก็ฝึกได้ ถ้าขยันทำความเพียรต่อเนื่อง ในที่สุดกระแสความคิดฟุ้งซ่านจะแปลงเป็นพลังปัญญา

พระเทพพัชรญาณมุนี (พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ)



"ของดี มีค่าไม่เท่ากัน"

พระพุทธรูปธรรมดาราคาน้อย พระแก้วมรกตมีค่าสูงกว่ารัตนะทั้งหลาย
ของดีนำหนักเท่ากัน แต่มีค่าไม่เท่ากัน

เหมือนกับเงินทองและเพชร ซึ่งมีน้ำหนัก ๔ บาทเท่า ๆ กัน
แต่ราคาไม่เหมือนกัน

ทำทาน ๑๐๐ ครั้ง ไม่เท่ารักษาศีล ๑ วัน
รักษาศีล ๑๐๐ วัน ก็ไม่เท่าเจริญภาวนา ๑ วัน...

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร











...การปฏิบัติธรรม
เป็นอุบายที่จะได้
“เข้าถึงความสงบ เข้าถึงตัวจิต”.
.......................................
.
จุลธรรมนำใจ 24 กัณฑ์ที่ 420
30 มกราคม 2554
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี










"ความเย็นของศีล ของธรรม
นี่แหละจะเป็นเครื่อง
ดับทุกข์ทั้งหลายได้ดีที่สุด.. "

#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ







ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง วันนี้สูงส่ง
พรุ่งนี้อาจตกต่ำ ไม่มีสิ่งใดแน่นอน
หรือยั่งยืนได้เลย หมั่นทำความดี
หรือสร้างบุญกุศลกันไว้ให้มาก ๆ เถิด
แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ ก็จะมีบุญกุศล
หนุนนำช่วยให้พ้นจากความมืดมิด
ได้อย่างแน่นอน บุคคลที่เป็นคนดีนั้น
ย่อมเป็นที่รักไปทั้งสามโลก

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก










เรื่อง​อาหารการขบฉัน​ ห​ล​ว​ง​ปู​่​่​ไ​ม​่ค่อยสนใจดอก​ พวกเจ้านั้น​ ใส่ใจแต่​อาหาร​ใส่ท้อง​ใส่พุ​ง แต่​ห​ล​ว​ง​ปู​่​่​เนี้ยพอแล้ว!!!​ #อิ่มแต่ศีลธรรมก็อยู่ได้​ไ​ม่ฉันเ​ล​ย​ก็​ไ​ด้​ เห็น​เหี่ยว​ๆ ​แห้ง​ๆ​ อย่าง​เนี้ย...อัดศีล​ธรรมเต็มไส้เต็มพุ​ง​ อย่าง​พวกท่านทั้งหลาย​ มีแต่อัดขี้​...ขี้โ​ล​ภ​ ขี้โกรธ​ ขี้ห​ล​ง​ ขี้เกียจ​ พวกโยมอดวันเดียว​ โอ้ยย...ตาย​ๆ​ แม่นบ่​! ห​ล​ว​ง​ปู​่​่​พูด​ตรง​ๆ​ อย่าง​นี้แหละ...

โอวาทธรรม​
หลวง​ปู่​แผ่น​ทอง​ จา​ค​ร​โต
วัดสะพานดำ จ.บุรีรัมย์






หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ตอบปัญหาธรรมแก่อุบาสกผู้สงสัย

หลวงปู่ : ผู้ที่เป็นอาจารย์ที่เราจะไปอาศัยนั้นมีหลักวิชาพอที่จะมีสิ่งที่เราปรารถนาแจกเราไหม ตัวอย่างภายนอก คนที่ป่วยเป็นโรคฟันก็ควรไปหาทันตแพทย์ คนที่ต้องการเงินก็ต้องไปทำงานเพื่อเงิน ต้องไปทำงานให้คนที่มีเงินจึงจะได้เงินเป็นสิ่งตอบแทน ฉันใดก็ดี ผู้มุ่งบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อต้องการของจริง ของแท้ ต้องแสวงหาผู้รู้ ผู้เห็นของจริงแท้ จึงจะสมประสงค์ตามเจตนาของเรา เราภาวนาเพื่อชำระจิตของเราให้พ้นไปจากความวุ่น ผู้ที่เราจะถือเป็นครูเป็นอาจารย์ของเราหมดวุ่นแล้วหรือยัง เราต้องสังเกตดู

อุบาสกกราบเรียน : ในสมัยนี้หาได้ยากทีเดียวครับท่านอาจารย์ กระผมหาไม่เป็น กระผมจะดูตำราแล้วปฏิบัติตามเลยจะดีไหมครับท่านอาจารย์

หลวงปู่ตอบ : ดี ถ้าเราเข้าใจเลือก สมัยนี้คนเขียนธรรมะมากเหลือเกิน ตีความหมายในข้อธรรมะตามทัศนะของตนเอง ตนเองก็ไม่รู้ไม่เห็นของจริง ทำไมรู้ว่าถูก ยิ่งผู้เขียนๆ ตามทัศนะของตนเองเพื่อขายเอาสตางค์ ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเขาไม่ได้มองถึงความเสียหาย และฆราวาสก็ปฏิบัติตาม ถึงแม้ตัวหนังสือที่เขาเขียนว่าประกาศพระศาสนาก็ตาม เมื่อมองดูตามพฤติการณ์แล้วเป็นการทำลายพระศาสนา เพราะการกระทำอาศัยกิเลสนำพาหัวใจให้กระทำ เมื่อหากจิตใจของผู้กระทำอยู่ใต้อำนาจของกิเลสแล้ว ก็ไม่น่าจะตั้งตนเป็นอาจารย์ผู้ประกาศพระศาสนา เพราะการกระทำอยู่ใต้อำนาจของกิเลส ผู้ประกาศพระศาสนาควรเป็น “ปัญญาจารย์” อย่าได้เป็นเพียง “สัญญาจารย์” และขอให้คิดดูอีกทีว่าผู้ที่อาศัยกิเลสนำพาหัวใจก็เรียกว่า “ผู้วุ่น” จะประกาศความว่างให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไร ขอให้คุณสังเกตดูศาสนพิธีใหม่ๆ ที่คนมีกิเลสจัดขึ้นมา ทำลายพุทธศาสนพิธีจนเกือบไม่เหลือปรากฏไว้เป็นอนุสรณ์เลย

อุบาสกกราบเรียน : ความจริงแล้วครูบาอาจารย์ควรจะทำอย่างไรจึงจะถูกครับ

หลวงปู่ตอบ : ความจริงแล้วครูบาอาจารย์ควรลงมือปฏิบัติเสียก่อนจนกว่าจะเห็นผลแล้วจึงสอนคนอื่น ถ้าไม่อย่างนั้นก็สอนคนอื่นไม่ถูก ถ้าต้องการนำหลักวิชาของพระพุทธเจ้าที่ไม่แฝงหลักวิชามาจากศาสนาอื่น เฉพาะปฏิปทาที่จะดำเนินเข้าไปสู่ความพ้นทุกข์จริงๆ มาวางให้ลูกศิษย์ แต่ครูบาอาจารย์ผู้สอนเข้าใจไม่จริง ตัวเองได้เป็นครูบาอาจารย์ก็เนื่องจากคนอื่นสมมุติให้ พอได้รับสมมุติแล้วก็ตั้งตนเป็นอาจารย์ประกาศพระศาสนาต่อไป แต่ไม่ได้พูดทั่วไป พูดเฉพาะบุคคลผู้ไม่รู้จริงๆ แล้วแต่งตั้งตนเป็นผู้ประกาศพระศาสนา

เข้าในทำนองที่ว่าคนเป็นขี้กลากรักษายังไม่หาย หรือยังไม่ได้รักษาเลย แล้วไปตั้งตนของเขาเป็นหมอเที่ยวประกาศขายยาแก้ขี้กลากฉันนั้น ผู้เป็นครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน ความจริงทางที่ถูกแล้วผู้ที่จะเป็นครูอาจารย์ควรจะต้องปฏิบัติชำระกิเลสให้เบาบางหรือหมดก่อน หรือให้รู้จักคุณค่าพระธรรม ให้ได้รับรสชาติของพระธรรมนั้นมีรสชาติแค่ไหน จึงสมควรเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการดำเนินตามพระธรรมนี้จะเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ และโทษที่ควรหลีกนั้นมีอย่างไรบ้าง เพราะการปฏิบัติไม่ได้มีแต่คุณอย่างเดียว โทษก็มี

ถ้าปฏิบัติผิดคือเดินทางผิดก็เป็นโทษ ถ้าปฏิบัติถูกหรือเดินทางถูกก็มีคุณ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะเป็นครูบาอาจารย์ควรปฏิบัติเสียก่อน จนรู้ถูกรู้ผิด ชำนาญทางพอแล้วจึงนำพาคนอื่นให้เดินตาม หรือแนะนำทางให้คนอื่นได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ผู้ไม่เข้าใจมาแนะนำทำให้ผู้ตามเดินทางผิด จึงเป็นเหตุให้กิเลสยังนุงนังอยู่

กิเลสนำพาให้อยากเป็นครูบาอาจารย์ เพราะที่เรารู้กัน การเป็นครูบาอาจารย์สอนกัมมัฏฐานมีคนเลื่อมใสมาก ลาภสักการะมาก กิเลสมันนำพาให้ต้องการแล้วก็เลียนแบบเขา ว่าเขาทำอย่างไร เขาสอนอย่างไร ทำตามเขา สอนตามเขา เอาอย่างเขา แต่จุดเจตนาไม่เหมือนเขา เหมือนเขาแต่อาการ ผลเสียจะเป็นอย่างไรไม่คำนึง ขอให้ตนเองได้รับความสุขเพราะอามิส หรือเป็นอาจารย์หรือมีชื่อว่าอาจารย์ตามโลกนิยมก็พอใจ อย่างนี้แย่มาก เพราะเมื่อใครได้ครูบาอาจารย์อย่างนี้นำพาแล้ว จะเสียแรงและเสียประโยชน์เปล่าๆ หรือจะมีโทษอีกด้วย และอาจย่ำยีพระศาสนาให้ย่อยยับก็ได้

บางทีตนเองได้รับคำแนะนำจากคนอื่นที่เข้าใจไม่จริง แนะนำให้จำได้แล้วยังนำไปสอนคนอื่นอีก ยังแถมอ้างว่าเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าเสียอีก บางทีอาจว่าไม่ถูกธรรมะของพระพุทธเจ้า จะว่าอย่างไรลองคิดดูดีๆก่อนที่เราจะเชื่อ ควรเชื่อด้วยเหตุผล อย่างมงาย และต้องปฏิบัติดูก่อน อย่าด่วนสอนคนอื่น จึงจะไม่เข้าทำนองที่ว่านกสาริกาพูดภาษามนุษย์ และไม่เป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า ทำไมว่าดูถูกพระพุทธเจ้า ก็เราอ้างธรรมะของพระพุทธเจ้า บางทีไม่ถูกตามธรรมะของพระพุทธเจ้าเล่าจะว่าอย่างไร และอย่างหนึ่งคุณธรรมบางอย่างที่พระพุทธเจ้าได้วางไว้เป็นหลักฐานว่าอันนี้ได้แก่อันนี้

เมื่อเราเข้าใจยังไม่ถึงว่าผิดจุดประสงค์จะว่าอย่างไร จะไม่เป็นการกล่าวตู่พุทธวจนะหรอกหรือ และจะเป็นการนำพาคนอื่นที่มีวาสนาพอที่จะรับธรรมะและปฏิบัติต่อธรรมะได้ให้เสียประโยชน์ ไม่สมหวัง

ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าในคราวพระองค์เสด็จแสวงหาการตรัสรู้อยู่ พระองค์ได้รับการศึกษาจากอาจารย์ที่ไม่เข้าใจทางสำเร็จมรรคผล สอนให้พระองค์เดินตามหลักวิชานั้น ก็ไม่เป็นไปเพื่อความสำเร็จได้ ตัวอย่างคนที่จะเดินไปสู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทาง คนเขาแนะนำทางให้ แต่ทางไม่ได้ไปสู่บ้านนั้น คนที่เดินทางนั้นจะมีกำลังดีสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถไปให้ถึงบ้านหลังนั้นได้ ยิ่งไปก็ยิ่งไกล

ต่อเมื่อไปพบคนที่รู้จักทางแนะนำทางถูกให้จึงจะไปถูกหรือถึงบ้านนั้นได้ ตัวอย่างพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ในคราวแสวงหาโมกขธรรม ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ไม่เข้าใจทางมรรคผล แนะนำให้ก็ไม่เห็นสำเร็จมรรคผลได้เลย ต่อเมื่อไปพบพระอัสสชิเถรเจ้า พระสารีบุตรได้ฟังธรรมจากท่านแล้วจึงสำเร็จเป็นพระโสดาบัน พอกลับสู่สำนักได้นำธรรมะไปแสดงให้โมคคัลลานะฟัง โมคคัลลานะได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ทั้งสองเข้าไปสู่สำนักของพระบรมศาสดา พระองค์ได้ทรงสอนธรรมะเพิ่มเติมให้ตามอัธยาศัย จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ตัวอย่างมีอยู่อย่างนี้

เราผู้แสวงหาครูบาอาจารย์ ควรระวังอย่าให้พบหมอขี้โรคและอาจารย์กิเลสนำพา ถ้าเราไม่เข้าใจหรือไม่ระวังจะขาดทุน ปรารถนามรรคผลจะได้นรก หวังเทิดทูนพระศาสนาจะกลายเป็นย่ำยี พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในมงคลสูตรว่า “อย่าเสพคนพาล ให้เสพบัณฑิต” โบราณกล่าวไว้ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล นี้เป็นความจริง และความจริงของการปฏิบัติธรรมมุ่งความสงบ เพราะสงบเป็นเหตุแห่งความสุข หรือจะพูดได้ว่า ผู้ปฏิบัติธรรมต้องการความสุข ผู้ที่ยังไม่ได้ปฏิบัติหรือปฏิบัติแล้วแต่ยังไม่ถึงความสงบก็ยังไม่พ้นจากความวุ่น เหตุของความวุ่นมาจากไหน ตอบได้ว่ามาจากกิเลส เพราะเหตุนั้นความวุ่นเกิดมาจากกิเลสก่อกวน ผู้ปฏิบัติที่ต้องการความสงบไม่ควรทำอย่างอื่น เพราะจุดประสงค์ของเราต้องการความสงบ สิ่งที่ทำให้สงบไม่ได้เนื่องมาจากิเลสก่อกวน เมื่อเป็นอย่างนี้ควรชำระกิเลสโดยตรง เพราะกิเลสเป็นตัวก่อกวน กิเลสอยู่ที่ไหน ตอบได้ว่าอยู่ที่จิต

หนังสือชีวประวัติพระวิสุทธิญาณเถร (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย)









พูดมาก. คุยมาก. มันก็มากไป. จงหยุดน้อมเข้ามาในใจเสียก่อน. เดี๋ยวจะลืมไป.

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ








รับเอาทุกเรื่อง. ก็ไม่ไหวละ. มันเป็นธรรมเมา. เท่านั้นแหละ.

/หลวงปู่แหวน สุจิณโณ









อันวัตถุมงคล. สิ่งศักดิ์สิทธิ์. หรือของดีใดๆของท่าน. ก็หาได้ประเสริฐเทียบเท่า. คุณของพระพุทธ ธรรม สงฆ์ ได้ไม่. บูชาพระรัตนตรัยดีกว่านะ

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร








"การเอาใจ ไม่ใช่กตัญญูกตเวที
การเอาใจนั้น เป็นไปได้ทั้งทางที่ควร และไม่ควร
แต่การแสดงกตัญญูกตเวทีนั้น เป็นไปได้ในทางดี
ทางเดียว

ผู้มีพระคุณทำไม่ดีไม่ชอบ จะแสดงกตัญญูกตเวที
ต้องช่วยวิธีใดก็ตาม เพื่อให้เลิกทำเช่นนั้น
ไม่จำเป็นจะต้องให้ถูกใจอย่างเดียว จะขัดใจบ้าง
หรือแม้จะขัดใจอย่างยิ่ง ก็ควรทำ หากด้วยการทำ
เช่นนั้น จะสามารถช่วยให้ผู้มีพระคุณหยุดทำไม่ดี
หันมาทำดีได้

ไม่มีการตอบแทนพระคุณใด จะงดงาม
เท่าการช่วยให้ท่านมีโอกาสได้ทำดีทำชอบ"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ







".."ใจหดหู่"
นั้นมันสลดสังเวช แล้วมัน
คิดถึงตัวของเราจะต้องเป็น
อย่างนั้นแล้ว มันหดหู่ลงไป

ส่วน "ใจเศร้าหมอง"
นั้นคิดถึงเรื่องความแก่
ความตาย แล้วเศร้าโศก
เสียใจอาลัยอาวรณ์ กลัว
เราจะเป็นอย่างนั้น
เรียกว่าเศร้าโศก
จิตไม่ตั้งมั่นอยู่ในที่เดียว

ส่วนหดหู่นั้น จิตใจยิ่งตั้งมั่น
ลงไป แล้วเกิดความสลด
สังเวชในตัวของตน

เราเกิดมาได้ของไม่ดี
ซึ่งเราหลงใหลมานมนาน
แล้ว เข้าใจว่าได้ของดี
จะมีอายุยืน จะมีสุขภาพดี

แท้ที่จริงมันได้ของตาย
ของอสุภะ ปฏิกูล
ของชำรุดทรุดโทรมทั้งนั้น.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี









" เมื่อเรารักษาศีลห้า
บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้ว
เราก็มีความมุ่งหวัง
ที่จะดำเนินไปสู่ทาง
มรรคผลนิพพานได้

การปฏิบัติสมาธิ
การบำเพ็ญฌาน
แม้จะสำเร็จฌาน
สำเร็จฤทธิ์ ดำดิน บินบน
ล่องหน หายตัวได้

มันก็ไม่มีความหมายอะไร
ถ้าหากว่าศีลไม่บริสุทธิ์ "

" สมาธินี่ มันเป็นดาบสองคม
สามารถที่จะไปทำร้าย
ใครก็ได้ จะทำให้ใคร
เจริญรุ่งเรืองก็ได้

เพราะฉะนั้น
สมาธิตามแบบของ
พระพุทธเจ้า ต้องมีศีล
เป็นเครื่องประกัน
ความปลอดภัย

เพราะฉะนั้น
สาธุชนพึงชำระ
ศีลของตนให้บริสุทธิ์ "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/