วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 06:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2020, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ตอนเป็นมนุษย์ทำบุญมากมาย
#ทำไมตายแล้วไปเกิดเป็นเปรต

......"หลวงปู่ขาว อนาลโย เจอเปรตตนหนึ่ง
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ...
เปรตตนนี้ ตัวเป็นเปรตแต่หัวเป็นเสือ
โยมผู้นี้สมัยมีชีวิตอยู่ชอบทำบุญ
ใครชวนทำบุญก็ทำ แต่เวลาตายทำไมถึงเป็นเปรต

หลวงปู่ขาว ถามเปรตว่า
"ทำไมหรือคุณโยมจึงมาเป็นเสือ ทำบุญตั้งมากมาย ทำบุญจนจะหมดตัวอยู่แล้ว?"

เปรตเสือตอบว่า
"ดิฉันโกรธมาก เมื่อความโกรธ
มันขึ้นมาอยู่ที่หน้าตา ดิฉันมองไม่เห็นใครเลย
ด่าพระด่าเจ้า ด่าข้าทาสบริวาร ด่าลูกด่าหลาน
ด่าผัวด่าลูก ด่าเชื้อด่าชาติ ของที่เราเคารพนับถือ
มีคุณมีค่าแต่เก่าก่อน ยกขึ้นมาด่าจนหมดสิ้น

"เป็นเพราะความโกรธตัวเดียว"
...ทำให้ดิฉันหมดความดี คือ
"อริยทรัพย์" ตายแล้ว จึงเกิดมาเป็นเสือเสวยทุกขเวทนา เป็นเปรตเสืออยู่อย่างนี้แหละ"

บางคน ทำบุญทำทานกันใหญ่โตมโหฬาร
แต่เสียเพราะความโกรธ ความมีโทสะ ความโกรธไหม้กุศลผลบุญจนหมดสิ้น เมื่อหมดบุญหมดกุศล
บาปก็พลอยทวีคูณขึ้น ผลทานก็หนี
ผลศีลก็ไม่มี ผลภาวนา ก็หนีเข้าป่าไปหมด ตายแล้ว ก็ไปเกิดเป็นเปรต"

โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
: หลวงปู่ขาว อนาลโย








"...ถ้าเราไม่มีทาน ศีล ภาวนา แล้วจะเอาอะไรไปอุทิศบุญให้กับผู้ล่วงลับ..."

หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร









...มีธรรมเท่านั้นที่จะทำให้ใจหลุดพ้น
จากอำนาจของกิเลสตัณหาและความทุกข์
อยู่ที่ไหนจะมีแต่ความสุข
จะยากดีมีจนไม่สำคัญ เพราะ..
“ไม่ใช่เหตุของความสุขทุกข์ภายในใจ”
เหตุคือ..ธรรมกับกิเลส

.
“ถ้ามีธรรมไม่มีกิเลส ก็จะมีแต่ความสุข
ถ้ามีกิเลสไม่มีธรรม ก็จะมีแต่ความทุกข์ “

.
ไม่ได้อยู่ที่ร่ำรวยหรือยากจน
ไม่ได้อยู่ที่มีตำแหน่งสูงหรือไม่สูง
ไม่ได้อยู่ที่การยกย่องสรรเสริญ
หรือตำหนิติเตียนนินทา
ไม่ได้อยู่ที่รูปเสียงกลิ่นรส

.
“แต่อยู่ที่..ธรรมกับกิเลสเท่านั้น”
ถ้ามีธรรมใจก็จะสงบมีความสุข
จะอิ่มจะพออยู่ตลอดเวลา
ไม่อยากจะได้อะไร ไม่อยากจะมีอะไร
ไม่อยากจะเป็นอะไร
“อยู่เฉยๆ ดีที่สุด สบายที่สุด”.

...................................
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา 12/6/2554
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"..การทำสมาธิภาวนา
เปรียบเหมือนเรามา
ขัดสีข้าวเปลือกในยุ้ง
ให้เป็นข้าวสาร

จิตของเราเปรียบด้วย
เมล็ดข้าว นิวรณ์ทั้ง ๕
เปรียบเหมือนกับเปลือก
ที่หุ้มเมล็ดข้าวอยู่

เราต้องกะเทาะ
เปลือกนอกนี้ออกจาก
เมล็ดข้าวเสียก่อน แล้ว
ขัดสีคราบที่ไม่สะอาด
ออกอีกชั้นหนึ่ง เราก็
จะได้ข้าวสารที่บริสุทธิ์ "

โอวาทธรรม
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร








" คนเรามีสองประเภท
คือชอบคิด กับไม่ชอบคิด

คนไม่ชอบคิด
เวลาฝึกสมาธิ ต้องบังคับ
ให้พิจารณา ถ้าไม่บังคับ
ใจจะติดสมาธิอยู่นั่น เป็น
สมาธิหัวตอไม่ยอมไปไหน

ส่วนคนชอบคิด
กว่าใจจะเป็นสมาธิได้
ก็ต้องบังคับให้สงบมาก
หน่อย แต่พอเป็นแล้ว
เรื่องการพิจารณานั้น
ไม่ต้องบังคับ มีอะไรมา
กระทบ ใจจะพิจารณาทันที "

โอวาทธรรม
ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก








"..ทำความดีให้ทำเป็นนิสัย
ถ้าไม่เคยได้ทำเลย ก็ไม่รู้
จะเริ่มอย่างไร คำสอน
พระพุทธศาสนามีอยู่
เต็มบ้านเต็มเมือง แต่เรา
ไม่สนใจ เป็นเพราะอะไร
เป็นเพราะเราไม่มีบุญกุศล
ไม่มีบุญวาสนา

ฉะนั้น เราเกิดมามีบุญแล้ว
มีเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
เป็นผู้นำทางพุทธศาสนา
มีครูบาอาจารย์ มีพระธรรม
คำสอนของพระพุทธเจ้า

ฉะนั้น จงภูมิใจในเจ้าของ
(ตนเอง) อย่าประมาทมัวเมา
ในชีวิต เพราะชีวิตเสื่อมลง
ไปทุกวัน ทุกคืน ทุกวินาที
แม้ตอนหลับตอนนอนอยู่
มันก็ยังเสื่อม

เอาแต่มัวเมาเพลิดเพลินอยู่
มันจะได้อะไร เวลาจะตาย
มันไม่มีที่พึ่งไม่มีที่เกาะ
มีทรัพย์สมบัติข้าวของ
เงินทองลาภยศก็ไม่มี
ความหมาย เมื่อเวลาตาย
เอาติดตัวไปก็ไม่ได้.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่เสมอ อุตตโร









#หมากกระดานชีวิต

เราทุกคนที่ได้มานั่งร่วมวงกันอยู่เดี๋ยวนี้ เมื่อเสร็จจากงานกันแล้วก็จะต้องแยกย้ายกันไป กลับบ้านของตน

และถ้ามองให้ลึกลงไปอีกก็จะรู้ว่า ต่างคนต่างก็จะต้องจากกันไปจริงๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไปตามทางกรรมของแต่ละคน แล้วแต่กรรมที่เราทำกันมา

#มัจจุราช_คือความตาย_ไม่เคยเห็นแก่หน้าใคร

เขาไม่มีการไว้หน้าไม่ว่าชาย ไม่ว่าหญิง เขาไม่ไว้หน้าทั้งนั้น จะติดขัดอะไรอยู่ เขาก็ไม่รับรู้ ลูกจะเล็กอยู่ก็ตาม พ่อแม่จะป่วยอยู่ ไม่มีคนคอยช่วยเลี้ยงดู เขาก็ไม่รับรู้ เรื่องอย่างนี้เราเคยคิดคำนึงถึงกันไว้บ้างไหม ?

#ควรพิจารณา_เรื่องความตาย_ให้เข้าใจว่า

ต่อให้มีพรรคพวกมากมายเพียงใด มีเวทมนตร์คาถาดีสักเพียงไหน จะมียาดีสักเท่าใด จะบำบัดรักษาความเจ็บป่วยได้ ก็ชั่วกาลชั่วสมัย ระงับดับได้ก็ชั่วเวลาเป็นครั้งคราว

#และแล้วผลที่สุด_ก็ต้องตายเหมือนๆกัน

เรื่องหยูกเรื่องยาที่รักษาได้ ก็เมื่อมันยังไม่ถึงคราว ถึงสมัย ถึงกาลที่ควรตายเท่านั้น ความตายจึงเป็นภัยอันตรายซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาของใครๆ แต่ก็ไม่มีใครที่จะมาแก้ไข ยกเลิกหรือหลีกเลี่ยงความตายเอาไว้ได้ ทุกคนจึงต้องตาย

#บาปบุญ_ที่ตนสะสมรวบรวมเอาไว้_นั่นแหละคือ_เครื่องใช้สอยของตน_ที่จะติดตามไป

แม้บาปบุญ จะป้องกันความตายไว้ไม่ได้ แต่ทว่าบาปบุญนั้น จะเป็นกำลังเป็นเสบียง ที่จะคอยติดสอยห้อยตามไปอำนวยทุกข์สุข ให้เราในภพต่างๆ เมื่อตายไปแล้ว ก็จะต้องแสวงหาภพใหม่ชาติใหม่ หาที่อยู่ที่อาศัยที่ตนต้องการ

#แต่ความต้องการจะได้สมหมายนั้น_ก็เพราะเหตุบุญกุศลที่ตนสร้างสมเอาไว้

คนที่ไม่มีบุญกุศล อยากจะไปเกิดในสถานที่ดีก็ไปไม่ได้

#ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนหมากกระดาน

เมื่อตายแล้วก็ล้มกระดานชีวิตไปชีวิตหนึ่ง สิ่งของทรัพย์สมบัติทางโลกที่มีอยู่ก็ต้องกวาดลงกระดานไป แล้วเริ่มตั้งใหม่กันอีกครั้งในชาติใหม่

แบบแผนในการตั้งกระดานใหม่จะกำหนดด้วยเวรกรรม บาปบุญของแต่ละคน ไม่น้อยไปกว่านั้น และจะไม่เหนือไปกว่านั้นด้วย

#ดังนั้นก่อนจะมีการล้มกระดานชีวิตนี้

เราควรทำอะไร สำหรับการเตรียมตั้งหมากในกระดานชีวิตใหม่ของเราด้วย จงอย่าประมาทในชีวิตนี้ จงรีบทำความดี ละบาป ชำระใจของตนเองอยู่เสมอๆ เถิด

#หมากกระดานเล่นแล้วก็ตั้งใหม่

ถ้าผู้เล่นมีความประสงค์อยากเล่นต่อ เช่นเดียวกับชีวิต เมื่อโลดแล่นไปจนตายแล้วก็เกิดใหม่ ตราบเท่าที่จิตยังติดยึดกับโลกียสมบัติทั้งหลายอยู่ จิตนี้ก็จะพาไปก่อชีวิตใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น

#ในเกมหมากกระดานนั้น_เมื่อผู้เล่นไม่ต้องการเล่นต่อไปอีกแล้ว

คือ หมดความอยากแล้ว หมากกระดานก็จะถูกวางทิ้งเฉยอยู่อย่างนั้น เช่นเดียวกันกับชีวิตจิต ที่หมดความติดยึดในสิ่งทั้งปวง ชีวิตร่างกายทั้งหลายก็จะสงบระงับ ไม่ต้องมาวนเวียนโลกโลกีย์นี้อีกเช่นกัน

#พระธรรมเทศนา โดย #พระอาจารย์สิงห์ทอง #ธมฺมวโร #วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร








เราจะได้บุญ. มากที่สุด. ก็คือ. ปฏิบัติบูชา. นี่แหละ.

หลวงปู่ไม อินทสิริ







ศีล. สมาธิ. ปัญญา. เป็นของคู่กัน. กับความเพียร.

หลวงปู่ไม อินทสิริ









#แม้ที่สุด_มองเห็นใบไม้ร่วงหล่นลงจากขั้วของมัน_ก็ให้ยึด_เอามาเป็นธรรมเครื่องพร่ำสอนตน

โดยถือว่า กิริยาที่ใบไม้ร่วงลงมานั้น คือ ความหมดกำลัง ที่จะตั้งอยู่ได้ จึงร่วงโรยลงไปเช่นนั้น

#ชีวิตของมนุษย์และสัตว์_ก็ย่อมมีสภาพเช่นเดียวกัน

มีความทุกข์ และความแปรปรวนประจำตน เรื่องสภาพของธาตุขันธ์ เคยเป็นเช่นนั้นตลอดมา ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็เป็นอยู่อย่างนั้น

สภาพเหล่านี้ตั้งอยู่เหนือโลกธรรมทั้งหลาย ไม่เคยเป็นไปตามการตำหนิติชม และคำอ้อนวอนของผู้ใดทั้งนั้น

และเรื่องเช่นนี้เคยมีประจำอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพใด ที่อยู่ในวงสมมุติ ย่อมมีทางเดินสายเดียวกัน ไม่มีผู้ใดมีอำนาจราชศักดิ์ จะก้าวเดินทางสายแปลกจากโลกไตรภพนี้ไปได้ นอกจากท่านผู้บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงแล้วเท่านั้น จะไม่เดินทางสายสมมุติที่โลกเดินกัน

#ผู้ใช้ตามความไตร่ตรองด้วยปัญญาไปที่ไหน_มีแต่ธรรมโอสถเครื่องแก้ใจทั้งนั้น

เพราะความรับสัมผัสจากสิ่งต่าง ๆ เตือนอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน ยืน เดิน นั่ง นอน

ตรงกับท่านว่า ฟังธรรมในหลักธรรมชาติ ได้ฟังตลอดเวลาไม่มีขาดวรรคขาดตอน ไม่เหมือนพระท่านเทศน์ให้ฟังบนธรรมาสน์

#ก็พวกเรามีศาสดาเป็นครูสอนอยู่แล้วทุกบททุกบาท

ท่านตรัสไว้ในธรรมนับได้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ส่วนที่เป็นปลีกย่อยไม่อาจคณานับ ทั้งนี้ล้วนเป็นอุบายวิธีที่สอนเราทั้งนั้น เพราะเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่กับเรา ธรรมทั้งหมดจึงมาเกี่ยวข้องกับเรา

ถ้าเรามีโอปนยิโก น้อมมาปฏิบัติดัดแปลงตนเองให้เป็นไปตามพระโอวาทที่พร่ำสอนแล้ว ย่อมมีทางเล็ดลอดจากทุกข์ไปได้เป็นลำดับ

#ฉะนั้น_สติปัญญาที่เราไตร่ตรองดูเรื่องภายนอกภายใน_จึงควรให้แนบสนิทกับใจ

เรื่องของทุกข์ก็มีทั้งทุกข์ข้างนอก มีทั้งทุกข์ข้างใน มีทั้งทุกข์ของท่าน และทุกข์ของเรา และทุกข์ของสัตว์แต่ละประเภทเต็มไปหมด ล้วนเป็นเรื่องของทุกข์คือความบีบคั้นอันเดียวกัน

#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ #วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๘









#เราสร้างคุณงามความดีหนักเข้าๆ

ความดีทั้งหลายที่สร้างไว้แล้ว ไม่ได้สูญหายไปไหน ก็หนุนกันขึ้นๆ เวลาถึงขั้นแล้ว อำนาจแห่งบุญแห่งกุศล ไม่เพียงแต่มีเฉยๆ นะ ยังหนุนเจ้าของอีก หนุนให้เกิดความรักใคร่ใกล้ชิดติดพันกับอรรถกับธรรม กับคุณงามความดีเป็นลำดับลำดาไป

#เพราะฉะนั้น_ผู้ที่มีอุปนิสัยสามารถแก่กล้าแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น พระยสกุลบุตร สมบัติเงินทองเอามากองไว้ทางนี้ คนไปยืนทางนี้มองไม่เห็นคน เพราะมากต่อมาก นี่พ่อกับแม่จะมอบให้ลูกคนนี้หมด มีลูกคนเดียวรักมาก ไอ้ลูกมีแต่จะไปท่าเดียว ไม่สะดวกไม่สบาย

สมบัติเงินทองนี้ให้ลูกก็เพื่อความสะดวกสบาย ทำไมจะไม่สะดวก มันไม่สะดวกอยู่ในหัวใจ

#สิ่งเหล่านี้ตายแล้วใครเอาไปได้_นั่นเห็นไหมล่ะ

บทเวลาโต้ตอบพ่อกับแม่ สิ่งเหล่านี้ตายแล้วใครเอาไปได้ที่ไหน คุณงามความดีต่างหากติดกับตัว ว่าอย่างไรก็ไม่ฟัง มีแต่วุ่นวาย

แต่ก่อนก็เคยอยู่กับพ่อกับแม่มานมนาน อยู่กับสมบัติเหล่านี้ก็เคยอยู่มานาน ไม่เคยว่าวุ่นวี่วุ่นวาย แต่ทีนี้เมื่ออำนาจวาสนาบารมีแก่กล้าเข้าๆ หนุนเข้า เห็นไหมล่ะ เห็นสิ่งเหล่านี้เป็นฟืนเป็นไฟไปหมด

#ที่เย็นที่สุดเลิศเลอ_ก็คือธรรมที่ท่านสร้างไว้ในหัวใจของท่าน_หนุนขึ้นๆ

มีแต่จะออกท่าเดียว ที่นี่วุ่นวาย ที่นั่นวุ่นวาย ไปแล้วก็ออกเลย ก็บ่นไป เพราะตั้งใจจะไปหาพระพุทธเจ้า พอไปถึงนั้น พระพุทธเจ้ากำลังเสด็จจงกรมอยู่ พระยสกุลบุตรบ่นเข้ามาว่า ที่นั่นวุ่นวาย ที่นี่วุ่นวาย

มานี่ ยสมานี่ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่สงบ ที่นี่ร่มเย็น เอ้า มาที่นี่ บอกให้มาเลย รับกันทันที ทางนี้บารมีเต็มเปี่ยมแล้ว พระพุทธเจ้ามีพระเมตตาครอบโลกธาตุแล้วรับกันทันที แนะนำสั่งสอนสำเร็จ เอ้า สุดยอดเลย ขึ้นเป็นอรหันต์ปึ๋งเลย นั่นเห็นไหม

ความร้อนนี้วุ่นวายคือ อำนาจแห่งบารมี ทำให้อยู่ไม่ได้ มีแต่จะออกท่าเดียว

#นี่แหละอำนาจแห่งบารมี_ที่เราสร้างมานั้นไม่สูญหายไปไหน

ใครอย่าไปเก่งกว่าศาสดา เก่งกว่าพระพุทธเจ้านะ ว่าทำบุญไม่ได้บุญทำบาปไม่ได้บาป มีแต่พวกเทวทัตทำลายตัวเอง

#หลวงตาพระมหาบัว #ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ #วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖









"อะไรจะมาทำให้เราเสียหายไปไม่ได้
นอกจาก จิตที่คิดผิดของเรา"

หลวงปู่ชา สุภัทโท


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 86 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร